jump to navigation

ความเปลี่ยนแปลงของ "ประวัติศาสตร์" ในทศวรรษ 2530 พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in อื่นๆ.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

ความเปลี่ยนแปลงของ "ประวัติศาสตร์" ในทศวรรษ 2530

ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของการรับรู้ประวัติศาสตร์” ครั้งนั้นได้ทำให้เกิด “การกระทำรวมหมู่” (Collective Action) ขึ้นอย่างกว้างขวางในประเทศไทย

ความเปลี่ยนแปลงการรับรู้ประวัติศาสตร์” ไทยในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่ได้ผนวกรวมเอาชาวนาเข้ามาร่วมเคลื่อนไหวอย่างกว้างขวาง อันทำให้ชนชั้นนำไทยต้องตระหนกตกใจ เพราะก่อนหน้านั้น การรับรู้พี่น้องชาวชนบทในหมู่ชนชั้นนำเป็นไปในลักษณะที่เห็นว่าชาวชนบทเป็นพลเมืองที่ไม่กระตือรือร้นทางการเมือง (passive citizen) มิหนำซ้ำ การเคลื่อนไหวของคนชนบทยังเป็นการเคลื่อนไหวที่ร่วมเป็นพวกเดียวกับฝ่ายซ้ายด้วย

ความตระหนกตกใจนี้ได้ทำให้เกิดการทุ่มเททรัพยากรรัฐจำนวนไม่น้อยเข้าไปสู่การสร้าง “สายใยทางประวัติศาสตร์” ที่จะผูกชาวบ้านทั้งหลายให้คงความจงรักภักดีต่อประเทศไทย อันได้แก่ การสร้างประวัติศาสตร์ท้องถิ่นขึ้นมา การขยายตัวของการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในทศวรรษ 2520 ได้รวมเอาท้องถิ่นหลากหลายให้เข้ามาร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติเป็นครั้งแรก วีรบุรุษ-วีรสตรีในท้องถิ่นจำนวนมากได้กลายเป็น “ผู้กู้ชาติ” ในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการสร้างขึ้นมาในช่วงนี้ 

แต่ที่น่าสนใจ ก็คือ การสร้างประวัติศาสตร์ท้องถิ่นได้เลือนหายไปในเวลาไม่นานนัก หลังจากที่ขบวนการฝ่ายซ้ายของไทยล่มสลายลงไป การสัมมนาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่เคยคึกคักกลับหลับใหลไปในเวลาต่อมา และที่สำคัญกว่านั้น ในสถาบันราชภัฏ (หรือวิทยาลัยครูเดิม) ที่เคยเป็นหลักในการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นก็เริ่มทยอยยุบภาควิชาประวัติศาสตร์กันไปเรื่อยๆ จนในปัจจุบันนี้ ไม่เหลือภาควิชาประวัติศาสตร์ในสถาบันการศึกษาระดับสูงของท้องถิ่นนี้อีกแล้ว (เราควรจะ “ฮา” หรือว่า “โฮ” กันดีครับ)

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาก็เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการรับรู้ประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง กล่าวคือ การศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่ผูกเอาท้องถิ่นเข้ากับชาตินั้น ได้ถูกเบียดขับให้หายไปหรือล่มสลายไปจากทั้งวงวิชาการและสังคมท้องถิ่นโดยรวม ทั้งนี้ก็เพราะพลังอันมหาศาลจากการเกิดขึ้นของการศึกษาท้องถิ่นในกรอบคิดเรื่อง “วัฒนธรรมชุมชน” นั่นเอง

การศึกษา “วัฒนธรรมชุมชน” เป็นพัฒนาการที่สำคัญของการสร้างภาพประวัติศาสตร์ของ “ชนบท” โดยมองชนบทว่ามีลักษณะคงที่ (static) คือยังคงรักษาความเป็นดั้งเดิมของวัฒนธรรมไทยแท้เอาไว้ได้ หรือหากถูกรัฐและทุนนิยมทำลายไปบางส่วนก็สามารถฟื้นฟูลักษณะดั้งเดิมดังกล่าว ซึ่งก็คือ “วัฒนธรรมชุมชน” ขึ้นมาได้ และ “วัฒนธรรมชุมชน” นี้เอง ที่จะเป็นพลังอันสำคัญในการต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงที่มาจากภายนอกชุมชนไม่ให้ทำลายชุมชนไทยอันดีงามลงไป

ในด้านหนึ่ง การศึกษา “วัฒนธรรมชุมชน” ก็เป็นความต่อเนื่องของการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เพราะเน้นความสำคัญของท้องถิ่นในการจรรโลงสังคมท้องถิ่นให้ดำเนินมาได้อย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบันและอนาคต
 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง การศึกษา “วัฒนธรรมชุมชน” กลับละเลยลักษณะสำคัญของการศึกษาประวัติศาสตร์ นั่นคือ ไม่ได้สนใจในความแตกต่างหรือความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา และเป็นการศึกษาที่เน้นลักษณะ “ทั่วไป” สูงมากจนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาชุมชนหนึ่งๆ ไปใช้ในการเข้าใจพื้นที่ใดๆ ในสังคมไทยได้อย่างสะดวก ทุกๆ ชุมชนสามารถดึงเข้ามาร่วมอยู่ในกรอบใหญ่ของ “วัฒนธรรมชุมชน” ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านคีรีวงที่ภาคใต้หรือหมู่บ้านแม่นาจรที่แม่แจ่มเชียงใหม่

การศึกษา “วัฒนธรรมชุมชน” จึงเป็นการศึกษาที่เน้นคุณภาพหรือคุณลักษณะของสังคมไทยในอดีตโดยที่ไม่มีมิติทางเวลามากำกับ (timeless quality of the Thai -communities) ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของการศึกษาชุมชนท้องถิ่นออกไปได้อย่างกว้างขวาง เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งนักประวัติศาสตร์อีกต่อไป  ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่สถาบันราชภัฏจะสร้างภาควิชาพัฒนาสังคมขึ้นมาแทนที่ภาควิชาประวัติศาสตร์ โดยเน้นการพัฒนาสังคมด้วยการฟื้นฟู “วัฒนธรรมชุมชน”

ที่สำคัญ กรอบความคิดเช่นนี้สามารถที่จะดึงเอาชาวบ้านทั่วไปเข้ามาสู่การสร้างประวัติศาสตร์ของตนเองได้อย่างสะดวกมากขึ้น นับแต่กรอบความคิด “วัฒนธรรมชุมชน” ได้แพร่หลายออกไป เกิดการรื้อฟื้น/สร้างใหม่ความทรงจำร่วมกันของชุมชน” ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รูปปั้นวีรบุรุษประจำชุมชน/ชาติพันธุ์ หรือการผลิตสินค้าทางวัฒนธรรมต่างๆ เช่น ผ้าทอ เครื่องเงิน ฯลฯ

การเกิดขึ้นและการแพร่หลายของการศึกษา “วัฒนธรรมชุมชน” จึงเป็นการผนวกรวมเอาชุมชน ท้องถิ่น และทุกคนทั้งใกล้และไกล เข้ามาร่วมในการสร้าง “ชาติไทย” ได้กว้างขวางกว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นแบบเดิม จนอาจจะกล่าวได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดการขยายประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ครอบคลุมทุกส่วนของชาติไทยได้เป็นผลสำเร็จ จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัญญาชนชนชั้นนำจำนวนมากหันมาใส่ใจในกรอบความคิด “วัฒนธรรมชุมชน” นี้ จนส่งผลให้หน่วยงานของรัฐทุกระดับก็หันมาสนใจในการผลิตความรู้ “วัฒนธรรมชุมชน” ทั้งโดยการให้ทุนวิจัย หรือทำการผลิตเอกสารความรู้ในเรื่องนี้ออกมาอย่างมากมาย

การขยายตัวของการศึกษา “วัฒนธรรมชุมชน” ภายหลังจากที่ปัญญาชนชนชั้นนำและหน่วยงานของรัฐเข้ามามีบทบาทนำดังกล่าวมานี้ ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงความหมายของ “วัฒนธรรมชุมชน” จากเดิมที่เน้นอยู่ที่การจัดตั้งชาวบ้านให้รวมกลุ่มกันและระดมความสัมพันธ์ทางสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนา มาสู่การให้ความหมายที่ยึดโยงกว้างขวางมากขึ้น ได้แก่ การสถาปนาความหมายของ “วัฒนธรรมชุมชน” ให้เป็น “มรดกของวัฒนธรรมแห่งชาติไทย” ซึ่งเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึง “ความเป็นไทย”  และความหมายนี้ได้ถูกนำมาเน้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำนองว่าเราจะต้องรักษามรดก “ความเป็นไทย” ของเราไว้ให้ลูกหลาน ซึ่งก็คือการผูกเอาคนไทยทั้งหมดในปัจจุบันและที่จะเกิดมาในอนาคต ให้มีที่ทางร่วมกันในพื้นที่ของ “ความเป็นไทย”

กล่าวได้ว่า การทดแทนพื้นที่ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นด้วยกรอบความคิด “วัฒนธรรมชุมชน” ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการผนวกรวมเอาพื้นที่ที่หลากหลายในสังคมไทยให้เข้ามาอยู่ร่วมกันภายใต้กรอบ “ความเป็นไทย” นับเป็นการเคลื่อนไหวทางภูมิปัญญาที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย

 

 

อ่านต่อที่ : ความเปลี่ยนแปลงของ "ประวัติศาสตร์" ในทศวรรษ 2530

กอน.ชี้ปีนี้ราคาอ้อยปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , ,
add a comment

กอน.ชี้ปีนี้ราคาอ้อยปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

อ่านต่อที่ : กอน.ชี้ปีนี้ราคาอ้อยปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

จ่อยิงกลางอกโจ๋ดับ เผยประวัติพัวพันค้างแรงงานเถื่อน พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

จ่อยิงกลางอกโจ๋ดับ เผยประวัติพัวพันค้างแรงงานเถื่อน

จ่อยิงกลางอกโจ๋ดับ เผยประวัติพัวพันค้างแรงงานเถื่อน

พ.ต.ท.พนัส หมุนวงศ์ สารวัตรเวร สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร รับแจ้ง เมื่อเวลา 00.15 น.วันที่ 14 พฤษภาคม  ว่ามีเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 29/1 หมู่ 14 บ้านบางท่า ใกล้เนิน 491 และชายแดนไทย–พม่า ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร  จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สนั่น คงทอง รอง ผกก.สส.สภ.ท่าแซะ แพทย์เวร รพ.ท่าแซะ และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หน้าบ้านพบเพียงรอยเลือด ส่วนผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ชื่อ นายบัญชา อินสี อายุ 22 ปี อยู่บ้านที่เกิดเหตุ ถูกนำส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แต่เสียชีวิตระหว่างทาง สภาพศพกลางอกมีรอยสักเป็นรูปลายหัวมังกร ส่วนหางมังกรพาดยาวถึงข้อมือขวา ไว้ผมยาวย้อมสีแดง ใส่ตุ้มหูข้างขวา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่อกและตามตัวเป็นรูพรุนกว่า 30 รู

 

สอบสวนทราบว่า นายบัญชาเป็นชาวอีสานแต่เข้ามาอยู่ในที่เกิดเหตุหลายปีแล้ว เคยมีประวัติพัวพันขบวนการค้าแรงงานเถื่อน และยังเป็นหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นเจ้าถิ่นด้วย ก่อนเกิดเหตุมีชายวัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อ และทะเบียนมาจอดหน้าบ้าน แล้วเรียกผู้ตายออกไปพูดคุยเรื่องปืนเถื่อนที่ยืมมาใช้นานแล้วแต่ยังไม่นำไปคืนให้ และทั้ง 3 คนยืนโต้เถียงกันประมาณ 15 นาที ชายวัยรุ่นที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ได้ชักอาวุธปืนลูกซองออกมาจ่อยิงกลางอกนายบัญชา 1 นัดจนล้มลง จากนั้นชายวัยรุ่นที่เป็นคนขี่รถได้ชักอาวุธปืนชนิดเดียวกันออกมาจ่อยิงซ้ำอีก 1 นัด ก่อนเร่งเครื่องรถหลบหนีไป ญาติๆ รีบนำนายบัญชาส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตระหว่างทาง

 

สันนิษฐานเบื้องต้นว่า สาเหตุอาจมาจาก 2 ประเด็นคือ ความขัดแย้งกรณีที่ผู้ตายยืมปืนเถื่อนของวัยรุ่นคนดังกล่าวมาใช้แต่ไม่ยอมคืนให้ ส่วนอีกประเด็นอาจเป็นเพราะผู้ตายเคยพัวพันขบวนการค้าแรงงานเถื่อน แล้วเกิดการหักหลังกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบหาสาเหตุที่แน่ชัดก่อนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

อ่านต่อที่ : จ่อยิงกลางอกโจ๋ดับ เผยประวัติพัวพันค้างแรงงานเถื่อน

กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์

กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์

กรุงเทพฯ  14 พ.ค. –  นายประเสริฐ  ตปนียางกูร เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย  (กอน.) เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายปี 2552 ว่า ดีที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ราคาอ้อยปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์  คาดว่าราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2551/2552  น่าจะอยู่ที่ระดับ 920 บาทต่อตันอ้อย จากราคาขั้นต้นที่ 830 บาทต่อตันอ้อย  และหากรวมค่าความหวานน่าจะทำให้ราคาอ้อยปีนี้ยืนอยู่ที่ระดับ 1,000 บาทต่อตันอ้อย  ขณะเดียวกันทิศทางราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงจะทำให้ราคาอ้อยปี 2552/2553 ไม่ต่ำกว่าปีนี้ ซึ่งจะ มีผลให้ปริมาณอ้อยไม่ลดลงจากปีก่อน

“ปีนี้ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยฤดูการผลิตอ้อยและน้ำตาลปี 2551/2552 ซึ่งปิดหีบไปแล้วมีผลผลิตรวมทั้งสิ้น 66.5 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ 1.7 ล้านตัน  แม้ผลผลิตอ้อยที่ได้จะต่ำกว่าที่ คาดไว้ 5 ล้านตัน  แต่ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จากปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกที่ลดลง  เนื่องจากหลายประเทศมีผลผลิตน้ำตาลลดลงจึงต้องมีการนำเข้ามากขึ้น เช่น อินเดีย ยุโรป ปากีสถาน และจีน ทำให้ราคา น้ำตาลอยู่ในระดับที่ดีมากและชาวไร่อ้อยก็ได้ค่าอ้อยที่สูง”  นายประเสริฐ  กล่าว

สำหรับทิศทางการส่งออกน้ำตาลทรายปีนี้ นายประเสริฐ  กล่าวว่า คาดว่าจะมีประมาณ 5 ล้านตันและเป็นโอกาสดีต่อการส่งออกน้ำตาลของไทย  แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่อัตราการบริโภคจะยังมีการขยายตัว โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชีย  ซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกน้ำตาลที่สำคัญของไทยกว่าร้อยละ 98 เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในด้านการขนส่ง โดยคาดว่าราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์  ซึ่งอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อระบบเศรษฐกิจ ประเทศ โดยสร้างรายได้ต่อปีกว่า  80,000  ล้านบาท สร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยประมาณกว่า 190,000  ครอบครัว และแก่ภาคธุรกิจรวมทั้งอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากกว่า 1 ล้านคน หากมีการหมุนเวียนเงินจำนวนดังกล่าวในระบบเศรษฐกิจ 5 รอบ จะเพิ่มมูลค่าอีกกว่า  400,000  ล้านบาท และก่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ผลิตกระแสไฟฟ้า เอทานอล อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม

เลขาธิการ กอน. กล่าวด้วยว่า หากเปรียบเทียบการส่งออกสินค้าเกษตรในปีที่ผ่านมา น้ำตาลมีมูลค่าส่งออกถึ
ง  47,000  ล้านบาท สูงกว่ามันสำปะหลังที่มีมูลค่า  45,000 ล้านบาท  และเพื่อให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย มีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดการค้าโลก และสามารถคงความได้เปรียบในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้อย่างยั่งยืน ภาครัฐจึงได้ส่งเสริมและพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายอย่างต่อเนื่อง ทั้งร่วมกับสมาคมชาวไร่อ้อย และโรงงานน้ำตาลทั้ง 47 โรง ผลิตอ้อยพันธุ์ดีที่ให้ผลผลิตและค่าความหวานสูง ทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูอ้อย รวมถึงสนับสนุนโดยการให้สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการปลูกอ้อยกว่า 10,000  ล้านบาท สินเชื่อเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งจำนวน  2,000  ล้านบาท ให้แก่ชาวไร่อ้อยเพื่อนำไปใช้ในการปลูกและบำรุงรักษาอ้อย พัฒนาแหล่งน้ำและระบบการจัดการในไร่อ้อย นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเสนอโครงการสินเชื่อเพื่อซื้อรถตัดอ้อยปีละกว่า  1,000  ล้านบาท

ด้านนายวิบูลย์ ผาณิตวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง สาเหตุจากการที่หลายประเทศ เช่น อินเดีย จีน และยุโรป ประสบปัญหาภัยธรรมชาติทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงจนต้องมีการนำเข้าน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น  โดยราคาน้ำตาลทราย ในตลาดโลกปรับตัวสวนภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา  ซึ่งประเมินว่าราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกน่าจะทรงตัวใน ระดับสูงประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์ จึงคาดว่าราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี 2552/2553 จะสูงในระดับไม่ต่ำ กว่า 800 บาทต่อตัน  โดยผลพวงจากราคาอ้อยที่ปรับตัวสูงขึ้น  ทำให้คาดว่าในฤดูกาล 2552/2553 เกษตรกรจะหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น ซึ่งมีปริมาณอ้อยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมากโดยมีผลผลิตรวม 66.5 ล้านตัน จากที่คาดว่า จะมีผลผลิต 71.80 ล้านตัน.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์

แพทย์เร่งซักประวัติบุคคลใกล้ชิดครูกรุงเก่าต้องสงสัยติดเชื้อ H1N1 พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

แพทย์เร่งซักประวัติบุคคลใกล้ชิดครูกรุงเก่าต้องสงสัยติดเชื้อ H1N1

อ่านต่อที่ : แพทย์เร่งซักประวัติบุคคลใกล้ชิดครูกรุงเก่าต้องสงสัยติดเชื้อ H1N1

15:14 น. “ฝ่ายค้าน” อัดรัฐกลางสภา กู้เงินมากสุดในยุค “รัตนโกสินทร์” พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

15:14 น. “ฝ่ายค้าน” อัดรัฐกลางสภา กู้เงินมากสุดในยุค “รัตนโกสินทร์”

14 พค. 2552 15:14 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าในการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยช่วงก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้หารือว่าขณะนี้ประชาชนทั่วประเทศเดือดร้อนจากที่รัฐบาลขึ้นภาษีสารพัด ไม่รู้จะจบตรงไหน เป็นผลมาจากที่รัฐบาลกู้เงินจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์ 8 แสนล้าน หาก ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ตั้งตัว ไม่โหวตให้รัฐบาลชุดนี้ออกกฎหมายขึ้นภาษีอันเนื่องจากรัฐบาลไปกู้เงินมาก็จะทำให้ประชาชนยกย่องสรรเสริญ เป็นการช่วยเหลือประชาชน ส่วนการประชุมอาเซียนที่ยกเลิกไปก็เพราะมาจากรัฐบาลที่มาไม่ชอบธรรม โดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลฝ่ายความมั่นคงที่ชอบพูดไปวันๆที่ไปพูดว่า ถ้าไม่มั่นใจในเรื่องการความปลอดภัยก็สามารถให้ทีมรักษาความปลอดภัยพกอาวุธปืนเข้ามาป้องกันตัวได้ ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าปากพาจน ทำให้ประเทศเสียหาย หากปล่อยรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเช่นนี้บริหารต่อไปจะทำให้ประเทศแย่ไปด้วย เพราะการขึ้นภาษีต่างๆไม่ใช่นโยบายเมืองไทยเข้มแข็ง แต่จะทำให้คนไทยตัวแข็ง
ขณะที่ นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้หารือถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์ประมูลข้าวโพดกว่า 4แสนตันว่า เรืองนี้ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร เพราะราคาที่กระทรวงพาณิชย์รับซื้อ 3.50 บาท เป็นราคาที่ต่ำหากเทียบกับราคาการรับซื้อข้าวโพดในรัฐบาลที่ผ่านมา อยากถามว่าทำไมต้องรับซื้อในราคาที่ต่ำเช่นนี้ ทั้งที่สามารถนำไปขายในต่างประเทศได้ หากเป็นเช่นนี้ จะทำให้ในปีหน้าเกษตรกรไร่ข้าวโพดเจ๊งแน่ จึงเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่ไม่เห็นด้วยกับกระทรวงพาณิชย์ซึ่งต้องเข้าใจว่าไม่ได้เป็นเอกเทศ ต้องทำตามรัฐบาลโดยเฉพาะนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ที่ออกมาพูดท่าทีไม่ฟังรัฐบาล ถ้าตนเป็นนายกฯคงสั่งย้ายไปที่อื่นแล้ว เพราะถือว่าเป็นการขัดขวางนโยบายรัฐบาล

อ่านต่อที่ : 15:14 น. “ฝ่ายค้าน” อัดรัฐกลางสภา กู้เงินมากสุดในยุค “รัตนโกสินทร์”

ท่าจะจริง “Call of Duty 7” อยู่ระหว่างพัฒนา พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เทคโนโลยี.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ท่าจะจริง “Call of Duty 7” อยู่ระหว่างพัฒนา

ท่าจะจริง “Call of Duty 7” อยู่ระหว่างพัฒนา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 15:09 น.

       แอนิเมเตอร์ของสตูดิโอ Treyarch อัพเดตประวัติข้อมูลการทำงาน พบข้อความยืนยัน ว่าอยู่ระหว่างการพัฒนาเกมชูตติ้งสงคราม Call of Duty ภาค 7 อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดเรื่องแพลตฟอร์ม หรือกำหนดวางจำหน่ายออกมา
       
       ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวลือออกมาว่า “แอคติวิชั่น” อยู่ระหว่างสร้าง “Call of Duty 7” เกมภาคใหม่ในซีรีส์ชูตติ้งมุมองบุคคลที่หนึ่ง แหล่งที่มาข่าวลือมาจาก That Videogame Blog ที่ระบุว่า แอคติวิชั่น กำลังมองหาซื้อลิขสิทธิ์เพลงในหลายยุค ตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม , สงครามในคิวบา , สงครามในอัฟริกา และสงครามในสหภาพโซเวียต เพื่อนำไปใช้กับเกมสงครามภาคใหม่
       
       ข้อมูลจาก That Videogame Blog เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่าเกมซีรีส์ Call of Duty ภาคใหม่จะพัฒนาโดยสตูดิโอ Treyarch ซึ่งก็ถือว่าถูกต้องเพราะสตูดิโอ Treyarch และสตูดิโอ Infinity Ward จะสลับกันทำงานคนละปีในซีรีส์ Call of Duty เกมภาค Modern Warfare พัฒนาโดย Infinity Ward จากนั้นเกมภาค Modern Warfare 2(ถือว่าเป็นเกมภาคที่ 6) ที่เตรียมจะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนนี้ พัฒนาโดย Infinity Ward ฉะนั้นเกมตัวต่อไปซึ่งถือได้ว่าเป็นภาค 7 จะพัฒนาโดย Treyarch
       
       ล่าสุดมีข้อมูลใหม่ออกมายืนยันว่ามีการพัฒนาเกม Call of Duty ภาค 7 ข้อมูลที่ว่านี้มาจากข้อมูลประวัติการทำงานของ “เดวิด คิม” แอนิเมเตอร์อาวุโสของสตูดิโอ Treyarch ส่วนหนึ่งของข้อมูลมีการเขียนระบุไว้อย่างชัดเจนว่าขณะนี้เขากำลังทำงานให้กับโปรเจกต์เกม Call Of Duty 7 อย่างไรก็ตามทางแอคติวิชั่นไม่ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
       
       ในข้อมูลประวัติการทำงานของ เดวิด คิมไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเกม Call of Duty 7 ว่าจะลงในแพลตฟอร์มใด เรตติ้งเกมเป็นอย่างไร รวมถึงไม่บอกกำหนดวางจำหน่ายของเกม แต่เมื่อดูจากเกมตัวล่าสุดภาค Modern Warfare 2 ที่จะออกจำหน่ายในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ก็คาดการณ์คร่าวๆว่าเกมภาคที่ 7 น่าจะออกวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2010 และน่าจะเป็นมัลติแพลตฟอร์มเหมือนเกมภาคก่อน
       
       ข้อมูลและภาพประกอบจาก
       gamespot.com
       ign.com
       joystiq.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Call of Duty 7 อาจลุยเวียดนาม-คิวบา?
อ่านต่อที่ : ท่าจะจริง “Call of Duty 7” อยู่ระหว่างพัฒนา

ตำรวจกาฬสินธุ์รวบ 3 โจ๋ตระเวนลักจยย.เผยประวัติแหกสถานพินิจ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ภูมิภาค.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ตำรวจกาฬสินธุ์รวบ 3 โจ๋ตระเวนลักจยย.เผยประวัติแหกสถานพินิจ

ตำรวจกาฬสินธุ์รวบ 3 โจ๋ตระเวนลักจยย.เผยประวัติแหกสถานพินิจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 14:05 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

กาฬสินธุ์ตำรวจเมืองกาฬสินธุ์รวบ 3 โจ๋ แก๊งหัวขโมยตระเวนรถจักรยานยนต์พบประวัติสุดแสบก่อเหตุอย่างโชกโชนถูกจับหลายครั้ง แต่เลียนแบบหนังแหกสถานพินิจกลับมาก่อเหตุอีก
       

       เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้( 14 พ.ค.)ร.ต.อ.ประเสริฐ ธรรมชัย สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันลักรถจักรยานยนต์ ประกอบด้วยนายกล้า (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ราษฎร ต.แซงบาดาล อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ นายโก้ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ราษฎร ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ และนายสมคิด นาชัยศรี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 ม.10 ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าแดช สีน้ำเงิน ทะเบียน กทธ 480 กาฬสินธุ์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าแดช สีน้ำเงินขาว ทะเบียน กลร 600 กาฬสินธุ์อีก 1 คัน
       
       ร.ต.อ.ประเสริฐ ธรรมชัย สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 และวันที่ 7 พฤษถาคมที่ผ่านมาได้เกิดเหตุรถจักรยายนต์ถูกลักขโมยไปจากหอพักแห่งหนึ่ง ภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์และแฟลตการเคหะกาฬสินธุ์ ดังนั้น พ.ต.อ.จักฎกฤษณ์ จันทรรัตน์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วน
       
       กระทั่งสืบทราบว่า รถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมยไปอยู่กับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และนายเบียร์ อายุ 17 ปี ซึ่งขณะนี้กำลังหลบหนีการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และยึดของกลางรถจักรยานยนต์ได้ทั้ง 2 คน และนำตัวมาสอบสวน
       
       จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่า ได้ตระเวนลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์มาหลายครั้งแล้ว หลังจากได้รถจักรยานยนต์มาก็นำไปถอดชิ้นส่วนชำแหละขาย
       จากนั้นนำเงินไปเที่ยวเตร่ ทั้งนี้นายเบียร์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
       
       ร.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสบประวัติผู้ต้องหา โดยเฉพาะนายกล้า ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งพบว่าเคยก่อเหตุขโมยรถจักรยายนต์ถูกดำเนินคดีมาแล้วถึง 4 ครั้ง และถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ จ.กาฬสินธุ์ แต่แหกสถานที่คุมขังออกมาได้ทั้ง 2 ครั้ง โดยการเลียนแบบหนังใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำมัดแล้วบิดให้ลูกกรงขยายออกแล้วหลบหนีออกมา
       
       จนเจ้าหน้าที่สถานพินิจต้องส่งตัวไปคุมขังในสถานพินิจจ.ขอนแก่น แต่ระหว่างทางนายกล้ายังงัดกระจกหลบหนีไปอีก กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่แจ้งข้อร่วมกันขโมยจักรยานยนต์ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

อ่านต่อที่ : ตำรวจกาฬสินธุ์รวบ 3 โจ๋ตระเวนลักจยย.เผยประวัติแหกสถานพินิจ

‘ฟาร์ฟ’ หอกข้างแคร่ ‘แพ็คส์’ (ตอน 2) / ลุงแซม พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in กีฬา.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

‘ฟาร์ฟ’ หอกข้างแคร่ ‘แพ็คส์’ (ตอน 2) / ลุงแซม

ฟาร์ฟ หอกข้างแคร่ แพ็คส์ (ตอน 2) / ลุงแซม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 09:45 น.

       คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
       

       ว่าจะรอให้ “เบร็ตต์ ฟาร์ฟ” มีชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ (ฮอลล์ ออฟ เฟม) แห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เสียก่อน ถึงค่อยขุดคุ้ยเกียรติประวัติของสุดยอดควอเตอร์แบ็กรายนี้มาสรรเสริญเทิดทูนกันอีกที แต่ล่าสุดต้องขอแทรกคิวบรรดาคอยัดห่วง เอ็นบีเอ (NBA) ที่กำลังระทึกไปกับช่วงเพลย์ออฟ เนื่องจากมีเรื่องเล่าขานของ ฟาร์ฟ มาแลกเปลี่ยนทรรศนะกัน….อีกแล้ว
       
       1-2 สัปดาห์ก่อน เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ให้ข่าวกับสื่อว่าเขาอยู่ในฐานะของการ “รีไทร์” ไม่คิดหวนคืนวงการคนชนคนอีก หลังจากที่ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ปล่อยตัวให้เป็นอิสระ เพราะทีมไปดราฟท์ มาร์ค ซานเชซ ดาวรุ่งของ USC มาเป็นความหวังใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องราวการอำลาลีก (อีกครั้ง) ไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่อีกแล้ว แต่พอจบฤดูกาลทีไร นักข่าวมะกันต้องเจาะเอาเรื่องของ ฟาร์ฟ มาเล่นเป็นประเด็นและคงไม่มีอะไรขายได้ไปกว่า “ตกลงคุณเลิกจริง หรือจะเล่นต่อกันแน่”
       
       ย้อนกลับไปเมื่อกลางปีที่แล้วหากจำกันได้ ฟาร์ฟ ประกาศทั้งน้ำตากับการเลิกเล่นในฐานะผู้เล่น กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส แต่ให้หลังไม่ถึงเดือน ฟาร์ฟ เลือกกลับมาสู้ศึก NFL เป็นฤดูกาลที่ 18 ในฐานะจอมทัพคนใหม่ เจ็ตส์ ซึ่งถ้าใครได้ติดตามเรื่องราวคงทราบดีว่า เจ็ตส์ ไม่ใช่ทางเลือกแรกของ ฟาร์ฟ เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาอยากเก็บกระเป๋าไปเล่นให้ มินเนโซตา ไวกิงส์ ทว่าการเป็นอริร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ทำให้ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป “แพ็คส์แมน” ไม่โง่พอส่งอาวุธเด็ดให้คู่แข่งนำมาทิ่มแทงพวกเขาได้ในภายหลัง
       
       แต่จากการประมวลสถานการณ์ล่าสุด ฟาร์ฟ อาจแปรสภาพเป็นหอกข้างแค่ของ แพ็คเกอร์ส ในซีซั่น 2009/10 เมื่อแหล่งข่าวของ อีเอสพีเอ็น (ESPN) สืบทราบมาว่า แบรด ชิลเดรสส์ หัวหน้าโค้ชไวกิงส์ มีการนัดเจรจากับ ฟาร์ฟ ให้มาร่วมทีมกันอีกครั้ง มีกระแสออกมาต่างๆ นานาทั้ง ฟาร์ฟ ยืนยันคำเดิมว่าขออยู่ในฐานะผู้เล่นรีไทร์ ไม่คิดเปลี่ยนใจ แต่บางกระแสก็เชื่อว่า ฟาร์ฟ ยังถวิลหาความสำเร็จสูงสุด ขอลองหาโอกาสให้ตัวเองไปสัมผัส “วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี” อีกสักครั้งในชีวิต แล้วค่อยอำลาวงการในฐานะผู้เล่นอย่างตายตาหลับ
       
       ซึ่งทาง ไวกิงส์ มีคุณสมบัติให้ ฟาร์ฟ ฝันไกลไปถึงแชมป์? ด้วยมันสมองในการทำงานของ ชิลเดรสส์ กอปรกับอาวุธที่ครบมือมากกว่าสมัยนำทัพเจ็ตส์ ไม่ว่าจะเป็นเกมบุกทางภาคพื้นดินของ “ตัววิ่งปิศาจ” เอเดรียน พีเทอร์สัน หรือเกมรุกทางอากาศที่มี เบอร์นาร์ด เบอร์เรียน คอยโฉบเฉี่ยว ไหนจะมี สตีฟ ฮัทชิงสัน ยอดการ์ดคอยปกป้องไม่ให้ ฟาร์ฟ ร่วงไปกองนับดาวบนพื้น หรือออกมานั่งข้างสนามลุ้นเกมรับให้ จาเรด อัลเลน สุดยอดดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ ไล่แซ็คควอเตอร์แบ็กคู่แข่งเป็นว่าเล่น ที่สำคัญถิ่น “เมโดรโดม” ยังมีเพื่อนเก่าซึ่งเท้าเชื่อใจได้อย่าง ไรอัน ลองเวลล์ อีกทั้งคน
       
       เมื่อชำเลืองดูเหตุผลข้างต้นคงทำให้ใจของ ฟาร์ฟ สะท้านไม่น้อย จึงยังไม่ยอมตัดสินใจอะไรลงไปอย่างชัดเจนด้วยการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ปล่อยให้ บัส คูก เอเย่นต์ส่วนตัวทำหน้าที่ไป ซึ่ง คูก เปรยว่าถ้าลูกค้าของเขาจะกลับสู่ NFL เหตุผลเดียวก็คือการหาโอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์โบว์ล ไม่ใช่เพื่อล้างแค้น ธอมป์สัน หรือพิสูจน์ให้ทีมเก่าอย่าง แพ็คเกอร์ส ได้เห็น อย่างที่ใครตั้งข้อสังเกตเอาไว้ ซึ่งประเด็นหลังเป็นแค่เรื่องผิดใจเล็กน้อย ฟาร์ฟ คงไม่หาเรื่องสวมยูนิฟอร์ม “สีม่วง” เพื่อเย้ยแฟนๆ “หัวเนยแข็ง” ที่หนุนหลังเขามาตลอดเป็นแน่
       
       เพียงแต่มันประจวบเหมาะที่ว่า ไวกิงส์ เป็นทีมเดียวที่ส่งมอบความหวังมาให้ ฟาร์ฟ ได้คิดหนัก เพราะถ้าตัดสินใจคัมแบ็กจริง ต้องมาถกกันอีกว่าจะเอาอย่างไรกับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นแขนขวาฉีกจากเมื่อฤดูกาลก่อน อีกทั้ง ฟาร์ฟ ต้องถามใจตัวเองให้ดีด้วยว่า อายุอานามปาเข้าไป 39 ปี ยังพร้อมจากบ้านห่าง ดีนนา ภรรยาสุดที่รักเป็นปีๆ เพื่อตระเวนแข่งขันและฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นดังที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่าคำตอบคงจะออกจากปากผู้ชายชื่อ “เบร็ตต์ ฟาร์ฟ” ในเร็ววันนี้ เพื่อให้ประเด็นคาใจถูกไขให้หมดไปเสียที

อ่านต่อที่ : ‘ฟาร์ฟ’ หอกข้างแคร่ ‘แพ็คส์’ (ตอน 2) / ลุงแซม

พบอดีตครูอยุธยาสงสัยติดหวัด 2009 พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

พบอดีตครูอยุธยาสงสัยติดหวัด 2009

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาได้รับตัวอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เพศชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน หลังจากเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวที่ประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม และอียิปต์ ระหว่างวันที่ 1-10 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ซักประวัติก่อนนำตัวไปเฝ้าดูอาการ แพทย์จะนำตัวอย่างเลือดไปเพาะเชื้อ และส่งตรวจยืนยันอีกครั้ง พร้อมทั้งเตรียมตามตัวเพื่อนร่วมทัวร์มาซักประวัติและสังเกตการณ์เพื่อความแน่ใจ

สำหรับสถานการณ์การระบาดทั่วโลก ขณะนี้ ล่าสุดทางการเบลเยี่ยมประกาศวานนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายแรกของประเทศ  ทำให้เบลเยียมกลายเป็นประเทศล่าสุดที่มีผู้ป่วยจากโรคดังกล่าว

รัฐมนตรีสาธารณสุขเบลเยียมกล่าวว่า  เหยื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายแรกของประเทศเป็นชายวัย 28 ปีจากเมือง เฟรมมิช ที่เพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐ  ทั้งนี้เขาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงบรัสเซลส์ หลังพบแพทย์และผลตรวจยืนยันว่าเขาติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009  ขณะที่เปรูประกาศยกเลิกห้ามเที่ยวบินไป-กลับระหว่างเปรูและเม็กซิโกแล้ว   โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขเปรูประกาศวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า  เปรูได้ตัดสินใจยกเลิกคำสั่งห้ามเที่ยวบินทั้งไปและกลับจากเม็กซิโกที่ประกาศใช้เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว   ท่ามกลางการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009         

ทั้งนี้ล่าสุดองค์การอนามัยโลกหรือ ฮู  ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อดังกล่าวแล้ว 5,700  รายใน  33  ประเทศ  แต่ตัวเลขนี้ไม่รวมเบลเยียมเข้าไปด้วย

อ่านต่อที่ : พบอดีตครูอยุธยาสงสัยติดหวัด 2009