jump to navigation

ฝนถล่ม!กรุงเทพฯ การจราจรหลายเส้นทางอัมพาต พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in คุณภาพชีวิต.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

ฝนถล่ม!กรุงเทพฯ การจราจรหลายเส้นทางอัมพาต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. (15 พ.ค.) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้น้ำท่วมขังหลายแห่ง โดยบริเวณ ถนนสุขุมวิท จากแยกบางนามุ่งหน้าพระโขนง การจราจรติดขัด ซอยประชาอุทิศ 90 การจราจรเป็นอัมพาต ส่วนถนนวิภาวดีมุ่งหน้ารังสิต การจราจรติดขัดเล็กน้อย สามารถเคลื่อนตัวได้ ขณะที่ขาเข้ามุ่งหน้าดินแดงการจราจรติดขัดอย่างหนัก ด้านฝั่งธน การจราจรติดขัดหลายเส้นทาง รวมทั้งมีน้ำท่วมขัง โดยเจ้าหน้าที่จราจรได้เร่งระบายรถและฝากเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากฝนตกหนักถนนลื่น หากขับรถใช้ความเร็วสูงอาจเกิดอุบัติเหตุได้
อ่านต่อที่ : ฝนถล่ม!กรุงเทพฯ การจราจรหลายเส้นทางอัมพาต

08:33 น. ฝนถล่มกรุงฯ น้ำท่วมขัง จราจรอัมพาต พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

08:33 น. ฝนถล่มกรุงฯ น้ำท่วมขัง จราจรอัมพาต

15 พค. 2552 08:33 น.

เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ เช้านี้ ทำให้การจราจรติดขัด โดยบริเวณ ถ.สุขุมวิทจากแยกบางนา มุ่งหน้าพระโขนง การจราจรติดขัด แต่รถยังเคลื่อนตัวตามสัญญาณไฟได้เป็นระยะ ส่วน ซ.ประชาอุทิศ 90 ตลอดทั้งซอย การจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากมีน้ำท่วมขังประกอบเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนและเปิดเทอม
ขณะที่สำนักระบายน้ำ กทม. ได้เข้าตรวจสอบและเร่งระบายน้ำ ด้าน ถ.วิภาวดี มุ่งหน้ารังสิต การจราจรติดขัดเล็กน้อย สามารถเคลื่อนตัวได้ ขณะที่ขาเข้า มุ่งหน้าสู่ดินแดง การจราจรติดขัดเช่นกัน โดนเคลื่อนตัวได้ตามกันเป็นระยะ ส่วนด้านฝั่งธน การจราจรติดขัดหลายเส้นทาง รวมทั้งมีน้ำท่วมขัง ตำรวจจราจรได้เร่งระบายรถ พร้อมเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ขับรถด้วยความระมัดระรัง หากประมาท อาจเกิดอุบัติเหตุได้

อ่านต่อที่ : 08:33 น. ฝนถล่มกรุงฯ น้ำท่วมขัง จราจรอัมพาต

ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท

ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท กรุงเทพฯ14 พ.ค.-นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ธสน.ไตรมาสแรกปีนี้ ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อและรับประกันการส่งออก เพื่อสนับสนุนแก่ผู้ส่งออกและนักธุรกิจไทยทั้งสิ้น 5,434 ล้านบาท

ทั้งนี้ สิ้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ 48,028 ล้านบาท และภาระผูกพันประกันการส่งออก 12,539 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท มีสินทรัพย์ 57,546 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ 48,432 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้ธสน. 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับบริการประกันการส่งออก (เอ็กซิม อินชัวร์รันซ์) เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ส่งออกไทย จากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ท่ามกลางภาวะวิกฤติการเงินโลก โดย ธสน.ร่วมกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงิน 10 แห่งให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยที่เป็นลูกค้าของสถาบันการเงินเข้าถึงบริการประกันการส่งออกของ ธสน.ได้สะดวกขึ้น โดยติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่ตนเองมีธุรกรรมอยู่ ทั้งยังมีโอกาสได้รับการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น เนื่องจากกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ ธสน. ถือเป็นหลักประกันประเภทหนึ่งที่สามารถโอนสิทธิการรับค่าชดเชยสินไหมทดแทนให้แก่ธนาคารผู้ให้กู้ได้

ขณะเดียวกัน ธสน.ได้เปิดให้บริการใหม่ คือ เอ็กซิมฟอร์เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นบริการประกันการส่งออก ที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกเอสเอ็มอีที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกินปีละ 100 ล้านบาท มั่นใจที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกไปยังตลาดการค้าเดิม หรือตลาดใหม่มากขึ้น แม้วิกฤติการเงินโลกจะส่งผลให้ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศสูงขึ้นก็ตาม โดย ธสน.จะช่วยกลั่นกรองข้อมูลผู้ซื้อและประเมินความสามารถในการชำระเงินของผู้ซื้อในต่างประเทศ รวมทั้งช่วยให้ผู้ส่งออกไทยเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่แข่งขันได้ กรณีที่ส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อแล้วแต่ไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า ธสน.จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สูงสุดถึงร้อยละ 90 ของความเสียหายที่เกิดขึ้น. -สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท

ก.พลังงานหนุนอาคารลดใช้พลังงานคาดประหยัดได้ 1,000 ล้านบาท/ปี พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ก.พลังงานหนุนอาคารลดใช้พลังงานคาดประหยัดได้ 1,000 ล้านบาท/ปี

ก.พลังงานหนุนอาคารลดใช้พลังงานคาดประหยัดได้ 1,000 ล้านบาท/ปี

กรุงเทพฯ 14 พ.ค.- นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า การส่งเสริมฉลากอาคารประหยัดพลังงาน จะเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงถึงคุณภาพของอาคารและบ้าน ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคยอมรับและตัดสินใจซึ้อบ้านหรืออาคารได้ง่ายขึ้น ดังนั้น พพ. จะมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการที่ผ่านมาเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารโดยการติดฉลากให้มีความเข้มข้นขึ้นในปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะสามารถประหยัดพลังงานได้นับ 1,000 ล้านบาทต่อปีในอนาคต

ทั้งนี้ พพ.ได้จัดสัมมนาโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารโดยการติดฉลาก และมอบฉลากอาคารอนุรักษ์พลังงาน โดยมีบ้านและอาคารที่ก่อสร้างแล้วเสร็จผ่านการประเมินและได้รับการติดฉลากจำนวน 19 แบบ คิดเป็นบ้านและอาคารจำนวน 500 หน่วย สามารถประหยัดพลังงานรวมปีละ 16 ล้านหน่วย/ปี คิดเป็นเงิน 48 ล้านบาท/ปี ในปี 2552 โดยในส่วนอาคารใหม่ได้มุ่งเน้นการประหยัดพลังงานตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ในขณะที่อาคารเก่า ได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ซึ่งทำได้ยากและมีข้อจำกัดมากกว่าอาคารใหม่ อย่างไรก็ตาม อาคารทุกหลังที่ได้เข้าร่วมโครงการจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 15% ขึ้นไป และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกอาคารอีกด้วย
     
สำหรับผู้ได้รับรางวัล  เช่น โครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจากการออกแบบอาคารใหม่ ทั้งสาขาแจ้งวัฒนะและสาขาพัทยา รวมกันถึง 34.35 ล้านบาท/ปี ในขณะที่อาคารค้าสากลซิเมนต์ไทยและอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เป็นรายแรกที่ได้รับฉลากทางด้านอาคารสำนักงาน ธนาคารกรุงไทย สาขากระทุ่มแบน และสาขาแก่งคอย บ้านแมกโนเลีย Type SUSANA ทาวน์โฮม FANTASIA แบบ C บ้านปทุมดีไซน์ (แบบ PS595 ,PS599, PS603) บ้านเลขที่ 84 (บ.อีโค่เฮาส์ จำกัด)อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โครงการศุภาลัย วิลล์ ได้รับฉลากถึง 5 แบบ คือ แบบบ้านศุภพัฒน์(ใหม่) แบบบ้านศุภนุช พิเศษ แบบบ้านศุภวรรณา แบบบ้านศุภิวัฒน์ และแบบบ้านศุภดรัล (ใหม่) ซึ่งบ้านทั้ง 5 แบบ ได้มีการนำไปก่อสร้างขยายผลอีก 495 หลัง ด้วย.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ก.พลังงานหนุนอาคารลดใช้พลังงานคาดประหยัดได้ 1,000 ล้านบาท/ปี

กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์

กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์

กรุงเทพฯ  14 พ.ค. –  นายประเสริฐ  ตปนียางกูร เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย  (กอน.) เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายปี 2552 ว่า ดีที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ราคาอ้อยปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์  คาดว่าราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2551/2552  น่าจะอยู่ที่ระดับ 920 บาทต่อตันอ้อย จากราคาขั้นต้นที่ 830 บาทต่อตันอ้อย  และหากรวมค่าความหวานน่าจะทำให้ราคาอ้อยปีนี้ยืนอยู่ที่ระดับ 1,000 บาทต่อตันอ้อย  ขณะเดียวกันทิศทางราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงจะทำให้ราคาอ้อยปี 2552/2553 ไม่ต่ำกว่าปีนี้ ซึ่งจะ มีผลให้ปริมาณอ้อยไม่ลดลงจากปีก่อน

“ปีนี้ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยฤดูการผลิตอ้อยและน้ำตาลปี 2551/2552 ซึ่งปิดหีบไปแล้วมีผลผลิตรวมทั้งสิ้น 66.5 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ 1.7 ล้านตัน  แม้ผลผลิตอ้อยที่ได้จะต่ำกว่าที่ คาดไว้ 5 ล้านตัน  แต่ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จากปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกที่ลดลง  เนื่องจากหลายประเทศมีผลผลิตน้ำตาลลดลงจึงต้องมีการนำเข้ามากขึ้น เช่น อินเดีย ยุโรป ปากีสถาน และจีน ทำให้ราคา น้ำตาลอยู่ในระดับที่ดีมากและชาวไร่อ้อยก็ได้ค่าอ้อยที่สูง”  นายประเสริฐ  กล่าว

สำหรับทิศทางการส่งออกน้ำตาลทรายปีนี้ นายประเสริฐ  กล่าวว่า คาดว่าจะมีประมาณ 5 ล้านตันและเป็นโอกาสดีต่อการส่งออกน้ำตาลของไทย  แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่อัตราการบริโภคจะยังมีการขยายตัว โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชีย  ซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกน้ำตาลที่สำคัญของไทยกว่าร้อยละ 98 เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในด้านการขนส่ง โดยคาดว่าราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์  ซึ่งอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อระบบเศรษฐกิจ ประเทศ โดยสร้างรายได้ต่อปีกว่า  80,000  ล้านบาท สร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยประมาณกว่า 190,000  ครอบครัว และแก่ภาคธุรกิจรวมทั้งอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากกว่า 1 ล้านคน หากมีการหมุนเวียนเงินจำนวนดังกล่าวในระบบเศรษฐกิจ 5 รอบ จะเพิ่มมูลค่าอีกกว่า  400,000  ล้านบาท และก่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ผลิตกระแสไฟฟ้า เอทานอล อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม

เลขาธิการ กอน. กล่าวด้วยว่า หากเปรียบเทียบการส่งออกสินค้าเกษตรในปีที่ผ่านมา น้ำตาลมีมูลค่าส่งออกถึ
ง  47,000  ล้านบาท สูงกว่ามันสำปะหลังที่มีมูลค่า  45,000 ล้านบาท  และเพื่อให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย มีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดการค้าโลก และสามารถคงความได้เปรียบในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้อย่างยั่งยืน ภาครัฐจึงได้ส่งเสริมและพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายอย่างต่อเนื่อง ทั้งร่วมกับสมาคมชาวไร่อ้อย และโรงงานน้ำตาลทั้ง 47 โรง ผลิตอ้อยพันธุ์ดีที่ให้ผลผลิตและค่าความหวานสูง ทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูอ้อย รวมถึงสนับสนุนโดยการให้สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการปลูกอ้อยกว่า 10,000  ล้านบาท สินเชื่อเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งจำนวน  2,000  ล้านบาท ให้แก่ชาวไร่อ้อยเพื่อนำไปใช้ในการปลูกและบำรุงรักษาอ้อย พัฒนาแหล่งน้ำและระบบการจัดการในไร่อ้อย นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเสนอโครงการสินเชื่อเพื่อซื้อรถตัดอ้อยปีละกว่า  1,000  ล้านบาท

ด้านนายวิบูลย์ ผาณิตวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง สาเหตุจากการที่หลายประเทศ เช่น อินเดีย จีน และยุโรป ประสบปัญหาภัยธรรมชาติทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงจนต้องมีการนำเข้าน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น  โดยราคาน้ำตาลทราย ในตลาดโลกปรับตัวสวนภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา  ซึ่งประเมินว่าราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกน่าจะทรงตัวใน ระดับสูงประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์ จึงคาดว่าราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี 2552/2553 จะสูงในระดับไม่ต่ำ กว่า 800 บาทต่อตัน  โดยผลพวงจากราคาอ้อยที่ปรับตัวสูงขึ้น  ทำให้คาดว่าในฤดูกาล 2552/2553 เกษตรกรจะหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น ซึ่งมีปริมาณอ้อยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมากโดยมีผลผลิตรวม 66.5 ล้านตัน จากที่คาดว่า จะมีผลผลิต 71.80 ล้านตัน.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : กอน.คาดราคาอ้อยปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์

15:14 น. “บีพีแอร์”เตรียมเปิดบินปฐมฤกษ์กรุงเทพฯ-แม่สอด กลางมิ.ย.นี้ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

15:14 น. “บีพีแอร์”เตรียมเปิดบินปฐมฤกษ์กรุงเทพฯ-แม่สอด กลางมิ.ย.นี้

14 พค. 2552 15:14 น.

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดตาก(แม่สอด) ถนนสายเอเชีย อ.แม่สอด จ.ตาก ได้มีการประชุมเตรียมการเปิดเที่ยวบินแม่สอดกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหอการค้าจังหวัดตาก,สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก,สมาคมการท่องเที่ยว 17 จังหวัดภาคเหนือ และ สายการบินพีบีแอร์
ซึ่งมีนายพิสุทธิ์ ฐิตะภาส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ สายการบินพีบีแอร์ เป็นตัวแทนของสายการบินเข้าร่วมประชุม กับ นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก, นายชัยยุทธ เสณีตันติกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก, ร.ต.อ.สมบัติ พันธุ์ณรงค์ นายกสมาคมการท่องเที่ยว 17 จังหวัดภาคเหนือ และคณะกรรมการหอกาค้าและสภาอุตสาหกรรมตาก ร่วมประชุม กว่า 10 คน
ในที่ประชุมตกลงได้ร่วมทำ MOU เพื่อเปิดเที่ยวบิน ใน 4 องค์กร ที่เข้าร่วมประชุม โดยกำหนดตารางการบิน 1 สัปดาห์ต่อ 3 เที่ยวบิน คือ วันจันทร์-พุธ-และวันศุกร์ อัตราค่าโดยสารคนละ 2,900 บาทต่อเที่ยว โดยจะออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 07.00 น. มาถึงแม่สอด ประมาณ 08.30 น. โดยใช้เครื่องบิน แบบ ATR 500 ขนาด 72 ที่นั่งมาบิน เริ่มเที่ยวปฐมฤกษ์ในเดือนกลางเดือนมิถุนายน 2552
นายบรรพต กล่าวว่า การเปิดเที่ยวบินแม่สอดกรุงเทพฯครั้งนี้ เพื่อให้นักธุรกิจได้ลดเวลาการเดินทาง และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจได้ขับเคลื่อนไปให้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ผู้แทนของสายการบินพีบีแอร์ จะเสนอบอร์ดใหญ่ เพื่อขออนุมัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทำการเปิดเที่ยวบินทันที

อ่านต่อที่ : 15:14 น. “บีพีแอร์”เตรียมเปิดบินปฐมฤกษ์กรุงเทพฯ-แม่สอด กลางมิ.ย.นี้

15:14 น. กู้ได้แล้ว ม้าเหล็กขนสินค้าตกรางที่ บางกล่ำ สงขลาบริการปกติแล้ว พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

15:14 น. กู้ได้แล้ว ม้าเหล็กขนสินค้าตกรางที่ บางกล่ำ สงขลาบริการปกติแล้ว

14 พค. 2552 15:14 น.

เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 14 พ.ค.เกิดเหตุรถไฟขบวนสินค้าที่มีต้นทางจากสถานีบางซื่อ ปลายทางสถานีชุมทางหาดใหญ่ ประสบอุบัติเหตุตกรางในพื้นที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ส่งผลให้การเดินรถของขบวนรถไฟจากจังหวัดชายแดนภาคใต้บางขบวนที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯและเดินทางลงมายังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องชะงักหยุดเดินรถเป็นการชั่วคราว เพื่อรอให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและเก็บกู้ตู้ขบวนรถไฟที่ตกราง
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์ภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณหกโมงเศษของช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยขบวนรถไฟที่ตกรางเป็นขบวนรถสินค้า ที่ 701 สถานีบางซื่อ – หาดใหญ่ จุดเกิดเหตุเป็นอยู่ระหว่างสถานีเกาะใหญ่ – บางกล่ำ ทำให้ขบวนรถไฟบางขบวนไม่สามารถเดินรถได้ชั่วคราว
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก เนื่องจากตู้โบกี้ที่ประสบเหตุตกรางนั้นมีเพียงตู้เดียว คือ ตู้โบกี้ท้ายขบวนที่มีเจ้าหน้าที่ประจำรถไฟอยู่บนตู้ดังกล่าว หรือเรียกว่าตู้ “พห” ขณะเดียวกันก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ส่วนการเก็บกู้ตู้โบกี้ที่ตกรางนั้น ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถทำการเก็บกู้ได้สำเร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.เศษ และตอนนี้ก็เปิดเส้นทางเดินรถได้ตามปกติแล้ว ส่วนสาเหตุรถไฟตกรางครั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

อ่านต่อที่ : 15:14 น. กู้ได้แล้ว ม้าเหล็กขนสินค้าตกรางที่ บางกล่ำ สงขลาบริการปกติแล้ว

นที ทะลุเข้ารอบ 2 แบดมินตันเยาวชนเอสซีจี พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in กีฬา.
Tags: , , , , ,
add a comment

นที ทะลุเข้ารอบ 2 แบดมินตันเยาวชนเอสซีจี

อ่านต่อที่ : นที ทะลุเข้ารอบ 2 แบดมินตันเยาวชนเอสซีจี

ผจก.ตลาดหุ้นเผยมาร์เก็ตแคปหุ้นไทยดีขึ้น 1.1 ล้านล้านบาท พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , ,
add a comment

ผจก.ตลาดหุ้นเผยมาร์เก็ตแคปหุ้นไทยดีขึ้น 1.1 ล้านล้านบาท

ผจก.ตลาดหุ้นเผยมาร์เก็ตแคปหุ้นไทยดีขึ้น 1.1 ล้านล้านบาท

กรุงเทพฯ  14 พ.ค. –  นางภัทรียา  เบญจพลชัย  กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)กล่าวว่า  ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้มูลค่าตลาดรวมหรือมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นจากที่เคยลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 3.2  ล้านล้านบาท ในช่วงเกิดวิกฤติการเงินสหรัฐ  เพิ่มขึ้นมา 1.1  ล้านล้านบาท  อยู่ที่ 4.3  ล้านล้านบาท  เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20  ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก  โดยดัชนีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมาแล้วร้อยละ 22.8 สูงกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย  เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7  ฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.9  แต่หากรวมผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลหุ้นไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 

นางภัทรียา กล่าวว่า  ก่อนที่จะเกิดปัญหาวิกฤติการเงินสหรัฐมาร์เก็ตแคปของไทยสูงถึง 6  ล้านล้านบาท  แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลดลงร้อยละ 50  ตามดัชนีหุ้น  ซึ่งเดิม ตลท.ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2556  มาร์เก็ตแคปจะต้องอยู่ที่  12  ล้านล้านบาท  แต่เมื่อเกิดปัจจัยลบมากระทบตลาด ทำให้ ตลท.เตรียมทบทวนเป้าหมายของมาร์เก็ตแคปใหม่  โดยจะพยายามให้อยู่ระดับเทียบเคียงกับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

“ตอนเกิดปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐตลาดหุ้นทุกตลาดปรับตัวลงร้อยละ 50  เท่า ๆ กัน  แต่ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยมีการฟื้นตัวตามตลาดหุ้นทั่วโลก  โดยมีเงินต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในเอเชียและอาเซียน  แต่หากเปรียบเทียบกับสัดส่วนกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามายังถือว่าน้อยหากเทียบกับสัดส่วนการขายเมื่อปีที่แล้วที่ขายออกไป 1.6  แสนล้านบาท”  นางภัทรียา กล่าว

อย่างไรก็ตาม  ในช่วงตลาดหุ้นสดใสขอเตือนนักลงทุนติดตามข้อมูลและแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้ดี  ต้องกระจายความเสี่ยงลงทุนทั้งตราสารทุนหุ้นและหุ้นกู้.-สำนักข่าวไทย

 

 

อ่านต่อที่ : ผจก.ตลาดหุ้นเผยมาร์เก็ตแคปหุ้นไทยดีขึ้น 1.1 ล้านล้านบาท

เอกชนหนุนรัฐกู้เงิน 4 แสนล้านสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเร็ว พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

เอกชนหนุนรัฐกู้เงิน 4 แสนล้านสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเร็ว

เอกชนหนุนรัฐกู้เงิน 4 แสนล้านสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเร็ว

กรุงเทพฯ  14 พ.ค. –  นายพิชิต  อัคราทิตย์  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)  กล่าวถึงการที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงิน  400,000 ล้านบาท  เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ  ว่า  เป็นสิ่งจำเป็นและเห็นด้วยที่รัฐบาลดำเนินการ  เพราะประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจมาซ้ำเติมกับปัญหาทางการเมืองจนทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอย  ดังนั้น  จะต้องหาตัวกระตุ้นเศรษฐกิจมาทดแทนการส่งออกที่ถดถอยลง  ซึ่งแม้ปริมาณการลงทุนจะมีสัดส่วนน้อย  หากเทียบกับรายได้จากการส่งออก  แต่ยังดีกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร  เพราะขณะนี้รัฐบาลมีข้อจำกัดเรื่องรายได้ที่ไม่เข้าเป้า  ดังนั้น  จะต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเร่งการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย 

ส่วนการที่จะมีการตั้งคณะกรรมการติตตามโครงการลงทุนสาธารณะ  เช่น  นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี  ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล  อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั้น นายพิชิต  กล่าวว่า  เป็นเรื่องที่เหมาะสม  เพราะรายชื่อก็เป็นที่ยอมรับของสังคม  มีความโปร่งใส  น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และเชื่อว่าจะสามารถเร่งการลงทุนได้ 

สำหรับความคืบหน้ากองทุนวายุภักษ์  2 นั้น  ได้หารือกับกระทรวงการคลังบ้างแล้ว  ขณะนี้มีความพร้อมทางเทคนิค เหลือเพียงกำหนดรายละเอียดขนาดกองทุน  รูปแบบการลงทุน  ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการคลัง  โดยเห็นว่าหากกองทุนวายุภักษ์ 2  มีการการันตีผลตอบแทนเหมือนวายุภักษ์ 1  ก็จะทำให้นักลงทุนสนใจมากขึ้น  และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาแย่งสภาพคล่องในตลาดการเงิน  แม้ขณะนี้จะมีเอกชนออก
หุ้นกู้มาระดมทุนจำนวนมากก็ตาม 

ด้านนางภัทรียา  เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ  ตลท.  กล่าวว่า  ภาคเอกชนสนับสนุน หากรัฐบาลกู้เงิน เพื่อมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน  เพราะเป็นโครงการที่จำเป็น และหวังให้เกิดผลของการลงทุนโดยเร็วที่สุด เพราะจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน  สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ  เนื่องจากขณะนี้หลายธุรกิจกำลังประสบปัญหาการลดจำนวนพนักงาน  ดังนั้น หากการกู้เงินมาลงทุนในอัตราส่วนที่เหมาะสมก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : เอกชนหนุนรัฐกู้เงิน 4 แสนล้านสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเร็ว