jump to navigation

ดาวโจนส์บวก46จุด-น้ำมันดิบเพิ่ม0.60$ พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

ดาวโจนส์บวก46จุด-น้ำมันดิบเพิ่ม0.60$

ดาวโจนส์ปิดบวก 46 จุด หลังนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นการเงินและเทคโนโลยี

        ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทะยานขึ้นเมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) หลังผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกออกมาดีหลายบริษัท หนุนให้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 46.43 จุด หรือ 0.56 % ปิด 8,331.32, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 9.15 จุด หรือ 1.04 % ปิด 893.07 และดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 25.02 จุด หรือ 1.50  % ปิด 1,689.21
ปริมาณซื้อขายปานกลางราว 1.52 พันล้านหุ้นในตลาดนิวยอร์ก และราว 2.22 พันล้านหุ้นในตลาด Nasdaq

ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดบวกถ้วนหน้า

    ดัชนี CAC-40 ปิดตลาดหุ้นฝรั่งเศสที่ 3156.29 บวก 3.39 จุด  ,ดัชนี DAX ปิดตลาดหุ้นเยอรมนีที่ 4738.47 บวก 10.86 จุด  และตลาดลอนดอนปิดตลาดที่ 4362.58 บวก 31.21 จุด

น้ำมันไนเม็กซ์บวก 60 เซนต์

          ตลาดน้ำมันไนเม็กซ์ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนมิ.ย.ทะยานขึ้น 60 เซนต์ หรือ 1.03 % มาปิดตลาดที่ 58.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 56.55-59.00 ดอลลาร์ ขณะที่าคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนร่วงลง 65 เซนต์ หรือ 1.13 % สู่ 56.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 56-57.28
ดอลลาร์

อ่านต่อที่ : ดาวโจนส์บวก46จุด-น้ำมันดิบเพิ่ม0.60$

สุดไฮเทค สน.พลับพลาไชย2ปิ๊งไอเดีย”สายตรวจ จีพีเอส” พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

สุดไฮเทค สน.พลับพลาไชย2ปิ๊งไอเดีย”สายตรวจ จีพีเอส”

สุดไฮเทค สน.พลับพลาไชย2ปิ๊งไอเดีย"สายตรวจ จีพีเอส"

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เป็นประธานปล่อยแถว สายตรวจ จีพีเอส ของ สน.พลับพลาไชย 2  โดยจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ให้แต่ละ สน.เสนอโครงการในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานสายตรวจ ทั้งนี้ สน.พลับพลาไชย 2 นำระบบเทคโนโลยีจีพีเอส ซึ่งเป็นระบบติดตามตรวจสอบเส้นทาง เช่นเดียวกับที่ติดในรถยนต์ มาติดตั้งในรถจักรยานยนต์สายตรวจของ สน.จำนวน 3 คัน เพื่อความรวดเร็วในการส่งกำลังไปสมทบ เมื่อประสบเหตุการณ์ติดตามสกัดจับคนร้าย และติดตามประเมินผลการออกตรวจของสายตรวจในแต่ละวัน

ด้านพ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผู้กำกับการ สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวว่า เมื่อนำระบบนี้มาใช้ใหม่ๆ ต้องพยายามทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ใช่การจับผิดการทำงาน แต่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกตรวจและลดอาชญากรรมในพื้นที่ ปรากฏว่าผลตอบรับของประชาชนดีมาก เป็นที่พอใจของประชาชน หลังจากนี้จะมีโครงการวันสตอปเซอร์วิสเพิ่มขึ้นอีก คาดว่าจะดำเนินการได้ในเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์จีพีเอส ที่ติดตั้งในรถจักรยานยนต์สายตรวจดังกล่าวจะรับสัญญาณดาวเทียม แล้วแปรสัญญาณออกมาเป็นค่าพิกัดตำแหน่ง เวลา และความเร็ว ก่อนแสดงผลออกมาที่คอมพิวเตอร์ในศูนย์วิทยุของ สน. โดยหลังจากนำร่องโครงการมาเป็นเวลา 4 เดือน ทำให้การทำงานของสายตรวจมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยยังไม่มีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้น และคดีรถจักรยานยนต์ประชาชนหายลดน้อยลง

อ่านต่อที่ : สุดไฮเทค สน.พลับพลาไชย2ปิ๊งไอเดีย”สายตรวจ จีพีเอส”

ผบช.น.ปล่อยแถวสายตรวจ GPS สน.พลับพลาไชย 2 พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ผบช.น.ปล่อยแถวสายตรวจ GPS สน.พลับพลาไชย 2

ผบช.น.ปล่อยแถวสายตรวจ GPS สน.พลับพลาไชย 2

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 15:25 น.

       พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานปล่อยแถว “สายตรวจ จีพีเอส” ของ สน.พลับพลาไชย 2 ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ให้แต่ละ สน.เสนอโครงการในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานสายตรวจ สน.พลับพลาไชย 2 จึงนำระบบเทคโนโลยีจีพีเอส ซึ่งเป็นระบบติดตามตรวจสอบเส้นทาง เช่นเดียวกับที่ติดในรถยนต์ มาติดตั้งในรถจักรยานยนต์สายตรวจของ สน. จำนวน 3 คัน เพื่อความรวดเร็วในการส่งกำลังไปสมทบเมื่อประสบเหตุการณ์ติดตามสกัดจับคนร้าย และติดตามประเมินผลการออกตรวจของสายตรวจในแต่ละวัน
        สำหรับอุปกรณ์จีพีเอสที่ติดตั้งในรถจักรยานยนต์สายตรวจดังกล่าวจะรับสัญญาณดาวเทียม แล้วแปรสัญญาณออกมาเป็นค่าพิกัดตำแหน่ง เวลา และความเร็ว ก่อนแสดงผลออกมาที่คอมพิวเตอร์ในศูนย์วิทยุของ สน. โดยหลังจากนำร่องโครงการมาเป็นเวลา 4 เดือน ทำให้การทำงานของสายตรวจมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยยังไม่มีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้น และคดีรถจักรยานยนต์ประชาชนหายลดน้อยลง
        พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผู้กำกับการ สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวว่า เมื่อนำระบบนี้มาใช้ใหม่ๆ ต้องพยายามทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ใช่การจับผิดการทำงาน แต่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกตรวจและลดอาชญากรรมในพื้นที่ ซึ่งปรากฏว่าผลตอบรับของประชาชนดีมาก เป็นที่พอใจของประชาชน หลังจากนี้จะมีโครงการวันสตอปเซอร์วิสเพิ่มขึ้นอีก คาดว่าจะดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้

อ่านต่อที่ : ผบช.น.ปล่อยแถวสายตรวจ GPS สน.พลับพลาไชย 2

ฉลองครบรอบ 46 ปี วว. จัดงาน “วิทยาศาสตร์สร้างงาน เทคโนโลยีสร้างเงิน” พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เทคโนโลยี.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ฉลองครบรอบ 46 ปี วว. จัดงาน “วิทยาศาสตร์สร้างงาน เทคโนโลยีสร้างเงิน”

ฉลองครบรอบ 46 ปี วว. จัดงานวิทยาศาสตร์สร้างงาน เทคโนโลยีสร้างเงิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 07:03 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

นางสาวพิศมัย เจนวนิชปัญจกุล

วว. – สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ จัดงานวิทยาศาสตร์สร้างงาน เทคโนโลยีสร้างเงิน” ฉลองครบรอบ 46 ปีของสถาบัน นำเสนอผลงานสร้างอาชีพ พร้อมห้องเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน 22-24 พ.ค.นี้ รถรับส่งผู้เข้าร่วมงาน ฟรี!
       
       นางสาวพิศมัย เจนวนิชปัญจกุล รองผู้ว่าการกลุ่มงานวิจัยและพัฒนา ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 46 ปี ในการดำเนินงานของ วว. ได้กำหนดจัดงานเปิดโลกทัศน์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 46 ปี วว. ภายใต้แนวคิด “วิทยาศาสตร์สร้างงาน เทคโนโลยีสร้างเงิน
       
       กิจกรรมภายในงาน จะจัดอย่างสอดคล้องกับสถาณการณ์เศรษฐกิจในปัจจะบัน เพื่อมุ่งสร้างงาน สร้างเงิน สร้างอาชีพให้กับประชาชนผู้ร่วมงาน เพื่อให้เกิดแนวคิดใหม่ และเพิ่มช่องทางในการประกอบธุรกิจ โดยมีการจัดแสดง “นิทรรศการเทคโนโลยี วว.” และ “การฝึกอบรมอาชีพ” ฟรี! จำนวน 10 หลักสูตร ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่น และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ ได้แก่ น้ำข้าวกล้องงอก, น้ำกล้วยหอม, แยมจากกล้วยน้ำว้าผสมมะเขือเทศ, น้ำสลัดเพื่อสุขภาพ, น้ำมันมะพร้าวบีบเย็น, ผักไฮโดรโปรนิกส์, การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ, ปุ๋ยอินทรีย์, การหมักปุ๋ยแบบทุ่นแรง และบล็อกประสาน พร้อมทั้งมีการให้คำปรึกษาและแนะนำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐานด้วย
       
       กิจกรรม “ห้องเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน” ที่ช่วยปลูกฝังและเพิ่มพูนความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาคปฏิบัติให้แก่เยาวชน เช่น การเรียนรู้วิธีการผลิตสบู่อโรมาจากสารหอมธรรมชาติ, การขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการตอนกิ่ง และรู้จักโลกของสีจากพืช รวมทั้งฝึกปฏิบัติวิธีการมัดย้อมจากสีธรรมชาติ กิจกรรม “เปิดบ้าน วว.” เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ชมห้องปฏิบัติการงานวิจัย พร้อมพูดคุยดับนักวิจัยอย่างใกล้ชิด และกิจกรรม “ประกวดสุนัขสไตน์ วว.” ชิง 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลสุขภาพเด่น, แสนรู้, ขนสวย และขวัญใจมหาชน รวมทั้งการตรวจสุขภาพพื้นฐานให้กับสุนัขและแมว ฟรี! โดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ วว. พร้อมทั้งรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธี
       
       นอกจากนี้ยังมีตลาดเทคโนโลยี วว., ตลาดสินค้าของผู้ประกอบการที่รับถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก วว. เช่น สาหร่ายมุกหยก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารป้องกันโรคตับจากขมิ้นชัน เครื่องอัลตราโซนิกส์เพื่อความงาม เครื่องสุคนธบำบัดอัลตราโซนิกส์ เครื่องทำแห้งเยือกแข็งสุญญากาศ สาหร่ายปรับปรุงดิน และปุ๋ยชีวภาพจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน รวมทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอปของจังหวัดปทุมธานี
       
       ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้ในระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.52 เวลา 10.00-17.00 น. ณ อาคารถ่ายทอดเทคโนโลนี วว. เทคโนธานี คลองห้า ปทุมธานี โดย วว. จัดรถบริการให้แก่ผู้เข้าร่วมชมงาน ฟรี! ณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. (มีรถออกทุก 2 ชั่วโมง) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 0-2579-3000, 0-2579-112-30 ต่อ 1118 โทรสาร 0-2561-4771, 0-2579-3000 ในวันและเวลาราชการ หรือ http://www.tistr.or.th

อ่านต่อที่ : ฉลองครบรอบ 46 ปี วว. จัดงาน “วิทยาศาสตร์สร้างงาน เทคโนโลยีสร้างเงิน”

ปศท.แจงขั้นตอนจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in อาชญากรรม.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ปศท.แจงขั้นตอนจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

ปศท.แจงขั้นตอนจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – ตำรวจ ปศท. แจงขั้นตอนตรวจค้นจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เจ้าหน้าที่ต้องแสดงตัวพร้อมแสดงหมายค้นจากศาล ยกเว้นตำรวจที่สามารถเข้าตรวจค้นจับกุมได้ทันที หากที่เกิดเหตุไม่ใช่อาคาร/สถานที่

พ.ต.อ.ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือ ปศท. กล่าวถึงขั้นตอนการเข้าตรวจค้นจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ว่า ต้องเริ่มต้นจากการลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว ตามที่ตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์มาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนและจัดกำลัง จากนั้นต้องไปขอหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ก่อนเข้าดำเนินการตรวจค้น โดยเมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุต้องแสดงตัวพร้อมหมายค้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการค้น

อย่างไรก็ตาม  ในส่วนของการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 67 กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่แต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจในการตรวจสอบ ยึด และอายัด จากบุคคลที่กระทำความผิดได้ แต่ไม่ให้อำนาจในการจับกุมผู้กระทำผิด   ขณะที่ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 306 ทวิ ให้อำนาจเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ในการจับกุมได้  แต่ขั้นตอนในการสืบสวนจับกุม ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมาย ป วิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการค้น เช่นเดียวกับขั้นตอนของตำรวจ

แต่ในส่วนของตำรวจ กฎหมายให้อำนาจกรณีมีผู้เสียหายมาแจ้งความ และที่เกิดเหตุไม่ใช่อาคาร สถานที่ สามารถเข้าตรวจค้นจับกุมได้ทันที โดยไม่ต้องมีหมายค้นจากศาล

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นที่ตลาดพัฒน์พงศ์ พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าวว่า ต้องตรวจสอบตั้งแต่จุดเริ่มต้นก่อนว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจของกระทรวงพาณิชย์ มีการแสดงตัวและหมายค้น ก่อนเข้าตรวจค้นจับกุมหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ปศท.แจงขั้นตอนจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

เกษตรกรฆ้องชัยศึกษาเทคโนผลิตเกษตรอินทรีย์ พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in ภูมิภาค.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

เกษตรกรฆ้องชัยศึกษาเทคโนผลิตเกษตรอินทรีย์
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกภูมิภาค | ข่าวย่อย

 

ShowMemberLite()

เกษตรกรฆ้องชัยศึกษาเทคโนผลิตเกษตรอินทรีย์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 14:40 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

เกษตรหมู่บ้านทั้ง 48 แห่งภายในอ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์เดินทางเข้าศึกษาดูงานและการสาธิตการฝึกวิชาชีพ ทั้งการเพาะเห็ดขอน การเลี้ยงสัตว์ต่างๆ การทำการประมงการทำการเกษตรอินทรีย์และผสมผสาน ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตกาฬสินธุ์

กาฬสินธุ์ – อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์นำตัวแทนเกษตรกรเข้าศึกษาดูงานด้านเทคโนโลยีการเกษตร หวังถ่ายทอดความรู้ให้กับประชาชนในระดับท้องถิ่นเน้นการผลิตเกษตรอินทรีย์ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
       
       วันนี้ (7 พ.ค.) ผศ.ณรงค์ ผลวงษ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ นายโอภาส มั่นคง เกษตรกรอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ นำตัวแทนเกษตรกรหรือเกษตรหมู่บ้านภายในอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ทั้ง 48 หมู่บ้าน เข้าศึกษาดูงานและการสาธิตการฝึกวิชาชีพ
       
       ทั้งการเพาะเห็ดขอนการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ การทำการประมง การทำการเกษตรอินทรีย์และผสมผสาน ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ โดยมีนายไพรัตน์ เลื่อนไธสง ผู้ช่วยรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์และให้การต้อนรับและเป็นวิทยากรใจการให้ความรู้กับเกษตรหมู่บ้าน
       
       นายโอภาส มั่นคง เกษตรกรอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากนายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ทำพิธีทำข้อตกลงร่วมมือและสนับสนุนทางวิชาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตกาฬสินธุ์ และอำเภอฆ้องชัยเพื่อร่วมกันสนับสนุนซึ่งกันและกันด้านวิชาการ การพัฒนา บุคลากร การวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
       
       ตลอดจนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอฆ้องชัยจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยการลงนามที่ผ่านมาเน้นการร่วมมือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกระดับในพื้นที่อำเภอฆ้องชัยตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
       

       นายโอภาส กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอำเภอฆ้องชัยได้จัดอบรมเกษตรกรในทุกหมู่บ้านพร้อมทั้งคัดเลือกตัวแทนเกษตรกรหมู่บ้านละ 1 คนโดยตั้งให้เป็นเกษตรหมู่บ้านคอยเป็นเครือข่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร โดยในวันนี้ทางอำเภอฆ้องชัยได้นำตัวแทนเกษตรกรทั้ง 48หมู่บ้านในอำเภอฆ้องชัยเข้าศึกษาดูงานเทคโนโลยีการเกษตรทั้งการเพาะเห็ดการเลี้ยงสัตว์ และการทำการเกษตรอินทรีย์ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตกาฬสินธุ์จากนั้นตัวแทนเกษตรกรจะนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่กับเพื่อนบ้านของตนเองต่อไป

อ่านต่อที่ : เกษตรกรฆ้องชัยศึกษาเทคโนผลิตเกษตรอินทรีย์

ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนรพ.ราชวิถี พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนรพ.ราชวิถี

ดร.ศรันย์ สัมฤทธิ์เดชขจร  ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) พร้อมเจ้าหน้าที่เนคเทคได้เดินทางไปติดตั้งเครื่องเทอมสกรีน หรือเครื่องเทอร์โมสแกน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายจำนวน 1 เครื่อง โดยติดตั้งที่บริเวณประตูทางเข้าผู้ป่วยนอก เพื่อตรวจจับและคัดกรองผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

 

ดร.ศรันย์ กล่าวว่า เครื่องดังกล่าวจะติดตั้งที่โรงพยาบาลราชวิถีประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยคัดกรองผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิสูง และเพื่อให้แพทย์พยาบาลทำประวัติผู้ป่วย โดยเครื่องดังกล่าวจะมีความแม่นยำมาก โดยสามารถตรวจจับความร้อนภายในร่างกายที่อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นไข้ โดยโรงพยาบาลราชวิถีในแต่ละวันจะมีผู้ป่วยประมาณ 3,500-4,000 คน ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลได้ จากนั้นจะนำไปติดตั้งที่โรงพยาบาลทรวงอกอีกแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยให้ประเทศไทยปลอดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิสูงตามที่กำหนด แพทย์จะมีการนำไปซักประวัติ และตรวจเช็คเพิ่มเติม เพื่อคัดกรองต่อไปว่า เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่

 

อ่านต่อที่ : ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนรพ.ราชวิถี

ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนรพ.ราชวิถีคัดกรอง”หวัด2009″ พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนรพ.ราชวิถีคัดกรอง”หวัด2009″

ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนรพ.ราชวิถีคัดกรอง"หวัด2009"

ดร.ศรันย์ สัมฤทธิ์เดชขจร  ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) พร้อมเจ้าหน้าที่เนคเทคได้เดินทางไปติดตั้งเครื่องเทอมสกรีน หรือเครื่องเทอร์โมสแกน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายจำนวน 1 เครื่อง โดยติดตั้งที่บริเวณประตูทางเข้าผู้ป่วยนอก เพื่อตรวจจับและคัดกรองผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

ดร.ศรันย์ กล่าวว่า เครื่องดังกล่าวจะติดตั้งที่โรงพยาบาลราชวิถีประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยคัดกรองผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิสูง และเพื่อให้แพทย์พยาบาลทำประวัติผู้ป่วย โดยเครื่องดังกล่าวจะมีความแม่นยำมาก โดยสามารถตรวจจับความร้อนภายในร่างกายที่อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นไข้ โดยโรงพยาบาลราชวิถีในแต่ละวันจะมีผู้ป่วยประมาณ 3,500-4,000 คน ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลได้ จากนั้นจะนำไปติดตั้งที่โรงพยาบาลทรวงอกอีกแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยให้ประเทศไทยปลอดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิสูงตามที่กำหนด แพทย์จะมีการนำไปซักประวัติ และตรวจเช็คเพิ่มเติม เพื่อคัดกรองต่อไปว่า เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่

\”เครื่องดังกล่าวไม่ได้แตกต่างจากเครื่องเทอร์โมสแกนที่ติดตั้งอยู่ตามสนามบินต่างๆ เพียงแต่ตัวกล้องนักวิจัยเรายังไม่สามารถผลิตได้ เพราะมีลิขสิทธิ์ แต่ตัวควบคุมการทำงาน เราสามารถผลิตได้ โดยใช้เวลาตรวจเพียง 0.03 วินาทีต่อครั้ง  ที่สำคัญผลงานดังกล่าวเคยนำไปเสนอที่การประชุมวิชาการด้านการใช้ประโยชน์ชีววิทยาจากแสง หรือ Bio Phonics ที่ฝรั่งเศส เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ที่สำคัญหากรัฐบาลสนใจองค์ความรู้ดังกล่าวจะช่วยประหยัดการนำเข้าถึงครึ่งหนึ่ง\” ดร.ศรันย์ กล่าวและว่า หลังจากใช้ประโยชน์ที่โรงพยาบาลแล้ว เนคเทคจะนำไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ต่อไป

อ่านต่อที่ : ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนรพ.ราชวิถีคัดกรอง”หวัด2009″

อุตฯ พีซีขานรับตลาดอัพเกรด กระแสแรงยุคลูกค้าประหยัดงบ พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in เทคโนโลยี.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

อุตฯ พีซีขานรับตลาดอัพเกรด กระแสแรงยุคลูกค้าประหยัดงบ

 นายสตีฟ ดาลแมน รองประธานฝ่ายขายและการตลาดและผู้จัดการทั่วไป ของกลุ่มรีเซลเลอร์ ชาแนล ออกาไนเซชั่น บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากพัฒนาการของเทคโนโลยี ประกอบกับนโยบายประหยัดค่าใช้จ่ายช่วงเศรษฐกิจถดถอย

 ทั้งนี้ ผลสำรวจฉบับล่าสุดของอินเทลระบุว่า เทคโนโลยีใหม่ เช่น การประมวลผลแบบควอด-คอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้ใช้อัพเกรดเทคโนโลยี โดยปัจจุบัน 37% ของโน้ตบุ๊ค และ 60% ของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปีขึ้นไป 

 \”ถือเป็นโอกาสดีสำหรับตัวแทนจำหน่ายที่จะเข้าไปช่วยอัพเกรดเทคโนโลยี ซึ่งจากข้อมูลยังพบว่า ค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดเครื่องเก่าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปีจะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 50%\” นายดาลแมนกล่าว

 ด้านนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค (คอมพิวเตอร์) ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ช่วงนี้เริ่มเห็นแนวโน้มผู้ใช้บางกลุ่ม เลือกที่จะอัพเกรดประสิทธิภาพเครื่องที่มีอยู่เดิม ให้สามารถรองรับการใช้งานได้ต่อไปแทนการซื้อเครื่องใหม่ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินได้มากกว่า โดยส่วนใหญ่จะเลือกอัพเกรดการ์ดจอ และตามมาด้วย แรมและฮาร์ดดิสก์

 พร้อมกันนี้ เขายอมรับว่า ตลาดชิ้นส่วนช่วงนี้เริ่มทรงตัว เนื่องจากผู้ซื้อเริ่มหันไปนิยมใช้โน้ตบุ๊ค ซึ่งการอัพเกรดจะทำได้ยากกว่าพีซีแบบตั้งโต๊ะ เนื่องจากต้องดูองค์ประกอบหลายส่วน โดยเฉพาะการเปลี่ยนซีพียู ซึ่งจะต้องมีบอร์ดที่รองรับได้ด้วย 

 อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มโรงงาน อินเทลและอัสซุส เป็นพันธมิตรกันในการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้บริษัทจะมีเทคโนโลยีไบออส ไว้รองรับซีพียูรุ่นใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบอร์ดใหม่ โดยบริษัทจะให้บริการสำหรับลูกค้าเป็นรายๆ ไป

 \”จริงๆ ซื้อเครื่องรุ่นใหม่จะมีฮาร์ดแวร์รองรับเทคโนโลยีล่าสุดอยู่แล้ว เช่น ซีพียู หรือซอฟต์แวร์ใหม่ๆ แต่ถ้ากรณีเครื่องเก่ากว่า 2-3 ปี ก็จะต้องมาดูสเปคกันว่าจะต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง ซึ่งประหยัดเงินกว่าซื้อใหม่\” นายพรเทพกล่าว

 ขณะที่ นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนลซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอชพี กล่าวว่า อัตราการอัพเกรดซีพียูจากเซเลอรอนมาเป็นเพนเทียมเริ่มสูงขึ้น เนื่องจากราคาเทคโนโลยีแตกต่างกันไม่มาก ประกอบกับเป็นจังหวะเหมาะสมสำหรับผู้ใช้พีซีในไทย ที่จะเปลี่ยน หรืออัพเกรดเครื่องใหม่ 

 ในส่วนของบริษัทจะเน้นกลยุทธ์การเลือกสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งทำโปรโมชั่นกระตุ้นการซื้อเครื่องในไตรมาส 2 ต่อเนื่อง 

 ด้านนายกฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจคอนซูมเมอร์ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ผู้ใช้ในไทยส่วนใหญ่ยังมีกำลังซื้อค่อนข้างมาก เห็นได้จากยอดขายเครื่องในงานไอทีต่างๆ ที่ทำได้ดี ประกอบกับราคาเครื่องค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะระดับ 2-2.5 หมื่นบาทจะได้รับความนิยมมากที่สุด 

 อย่างไรก็ตาม บริษัทเริ่มขยายทำตลาดในกลุ่มจอภาพ (มอนิเตอร์) ด้วย เพื่อรองรับการอัพเกรดเครื่องสำหรับลูกค้าซึ่งต้องการใช้งานที่สูงขึ้น ทั้งยังรองรับตลาดการเปลี่ยนจอ ซึ่งมีอายุการใช้งานสั้นค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนอื่นๆ

 

อ่านต่อที่ : อุตฯ พีซีขานรับตลาดอัพเกรด กระแสแรงยุคลูกค้าประหยัดงบ