jump to navigation

ไทยโรดโชว์โลจิสติกส์ รับ3ปีเปิดเสรีอาเซียน พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: ,
add a comment

ไทยโรดโชว์โลจิสติกส์ รับ3ปีเปิดเสรีอาเซียน

อลงกรณ์ พลบุตร

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เผยหลังเสวนาระดมความคิดเห็นเรื่อง “เปิดเอฟทีเอภาคขนส่ง-โลจิสติกส์ ผู้ประกอบการไทยจะอยู่รอดและปรับตัวอย่างไร” ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดโรดโชว์นำธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ไปเจรจาทำธุรกิจร่วมทุนกับนักธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศอาเซียน 9 ประเทศ

ทั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมเปิดเสรีภาคบริการและโลจิสติกส์ในปี 2556 อีกทั้งจะทำให้สามารถเชื่อมโยงการค้าและการทำธุรกิจระหว่างกันได้มากขึ้น โดยอาเซียนมีมูลค่าของจีดีพีถึง 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และมีประชากรเกือบ 600 ล้านคน

“แนวทางในการพัฒนาโลจิสติกส์ภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนนั้น รัฐบาลไทยจะสนับสนุนการลงทุนระหว่างนักธุรกิจโลจิสติกส์จากประเทศอาเซียนเพื่อแลกเปลี่ยน รวมทั้งจะมีแนวทางทำให้เกิดการร่วมลงทุนระหว่างนักธุรกิจไทยและชาติอื่นจากอาเซียน เพื่อขยายขอบเขตของการทำธุรกิจโลจิสติกส์ให้มากยิ่งขึ้น” นายอลงกรณ์ กล่าว

ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเปิดเสรีด้านบริการขนส่งโลจิสติกส์อีก 3 ปีข้างหน้า รัฐบาลจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการว่า เมื่อเปิดเสรีโลจิสติกส์แล้วจะกระทบด้านใดและจะต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยอยู่รอด

นอกจากนี้ ต้องเร่งสร้างความตื่นตัวให้ผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อม เพื่อจับคู่ธุรกิจหรือร่วมกับนักลงทุนต่างชาติในลักษณะร่วมทุน สร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจ ขณะเดียวกันภาครัฐก็ต้องดูแลให้ภาคธุรกิจโลจิสติกส์ยังอยู่ในมือคนไทยหรือคนไทยเป็นเจ้าของ เพราะหากธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยตกอยู่ในมือต่างชาติ ก็จะสูญเสียรายได้ที่เป็นเงินหมุนเวียนในประเทศออกไปยังต่างประเทศ ผ่านบริษัทโลจิสติกส์ต่างชาติเหล่านั้น

อ่านต่อที่ : ไทยโรดโชว์โลจิสติกส์ รับ3ปีเปิดเสรีอาเซียน

โลจิสติกส์เข้าคิวรอเจ๊ง3หมื่นราย พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: ,
add a comment

โลจิสติกส์เข้าคิวรอเจ๊ง3หมื่นราย

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  เปิดเผยว่า การเปิดเสรีภาคขนส่ง-โลจิสติกส์ ในกลุ่มประ เทศอาเซียน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 56 จะส่งผลบริษัทเกี่ยวกับการขนส่งและโลจิสติกส์ 2-3 หมื่นราย หรือ  20-30% จากทั้งหมดกว่า 1 แสนราย ต้องปิดกิจการลงทันที เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับทุนจากสิงคโปร์และมาเลเซียที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ดังนั้นภาครัฐบาลต้องสนับสนุนให้ผู้ประ กอบการไทยรวมกลุ่มกันให้มีขนาดใหญ่แล้วเจรจาร่วมทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจไทย

“ปัจจุบันธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทยมีการจ้างงาน 2.5 ล้านคน สร้างรายได้ 7-8 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งในปี 56 ต่างชาติมาถือหุ้นในธุรกิจประเภทนี้ได้ถึง 70% ถือว่าเป็นเจ้าของรายใหญ่เต็มตัว แม้ข้อดีอาจมีการจ้างงานเพิ่มแต่ผู้ประกอบการรายเล็ก 20-30% คงปิดกิจการ ที่สำคัญเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไหลไปสู่บริษัทแม่ต่างชาติ โดยปัจจุบันประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ขณะเดียวกันก็ต้องแข่งขันกับทุนจีนที่แอบแฝงในลักษณะนอมินีในประเทศลาวและเวียดนาม”
 
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์  กล่าวว่า เตรียมนำนักธุรกิจด้านโลจิสติกส์ไทยไปโรดโชว์ในกลุ่มประเทศอาเซียนอีก 9 ประเทศ ให้ผู้ประกอบการไทยได้เจรจาร่วมทุนกับต่างชาติเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ซึ่งการเปิดเสรีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะให้สอดคล้องภายใต้กรอบความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียนอีก 9 ประเทศ เนื่องจาก กรอบความร่วมมือนี้จะทำให้มีประชากรที่เกี่ยวข้องทำธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีประชากรรวมกัน 575 ล้านคน
 
สำหรับสถานการณ์การส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก เพราะตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาเริ่มฟื้นตัว ส่วนไตรมาส 2 จะขยายตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสแรก เพราะสถานการณ์ไม่ต่างกันนัก และยอมรับว่ามีเรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกิดอย่างไม่คาดคิดทำให้การเดินทางมาเจรจาธุรกิจทั้งในจีนและญี่ปุ่นชะลอออกไป
 
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจนถึงสิ้นปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้แข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้ เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งกันลดราคา หากไม่สามารถดำเนินการได้อาจทำให้ส่งออกขยายตัวในอัตราติดลบมากขึ้น
 
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงยังไม่มีแผนที่จะขยายเพดานเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากอัตราปัจจุบัน แม้มีผู้ค้าน้ำมันบางรายเสนอให้เก็บเงินกองทุนในส่วนเบนซิน 95 เพิ่มอีก เพื่อเป็นแนวทางลดการใช้เบนซินและหันไปส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาการใช้เบนซิน 95 จะขยับขึ้นจาก 5 แสนลิตรเป็น 6 แสนลิตรต่อวัน.

อ่านต่อที่ : โลจิสติกส์เข้าคิวรอเจ๊ง3หมื่นราย

แรงงานเมินสมัครต้นกล้าอาชีพอุตฯ พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

แรงงานเมินสมัครต้นกล้าอาชีพอุตฯ

นายพสุ โลหารชุน รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า การอบรมแรงงาน เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมในโครงการต้นกล้าอาชีพ ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือน เม.ย. 2552 พบปัญหาแรงงาน ไม่ถนัดที่จะสมัครผ่านเว็บไซต์ ส่งผลให้มีแรงงานมาสมัครเพียง 200 คน จากเป้าที่ตั้งไว้จำนวน 6,000 คน บางหลักสูตรจึงเปิดอบรมไม่ได้ เพราะมีแรงงานไม่ ถึง 50 คน

กระทรวงอุตสาหกรรมได้แก้ปัญหาด้วยการตั้งโต๊ะรับสมัครผู้ว่างงานหน้านิคมอุตสาหกรรมใน จ.ปทุมธานี และจะขยายไปตามนิคมในจ.พระนครศรีอยุธยา และชลบุรี ซึ่งการอบรมจะมีหลักสูตรช่างรองเท้า แรงงานในธุรกิจโลจิสติกส์ และหลักสูตรการสร้างอาชีพใหม่ เช่น ทำอาหาร นวด เป็นต้น

การอบรมเพื่อสร้างคนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมจะทำให้ผู้ว่างงานมีงานทำไม่น้อยกว่า 90% เพราะการตั้งโต๊ะรับสมัครจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถอธิบายแนวโน้มการได้งานทำลังอบรม โดยสมาคมรองเท้าไทยได้ตอบรับที่จะรับผู้ผ่านอบรมหลักสูตรช่างรองเท้า 3,000 คน ซึ่งจะแจ้งว่าตลาดรองเท้ายังขยายตัวและไม่ได้รับผลกระทบมากเหมือนอุตสาหกรรมอื่น

รวมทั้งผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรแรงงานในธุรกิจโลจิสติกส์ 1,000 คน เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการโลจิสติกส์พร้อมรับเข้าทำงานเพราะปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรโลจิสติกส์น้อย

สำหรับแรงงานในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยต้องการให้กระทรวงอุตสาหกรรมอบรมแรงงาน ป้อน 1.6 หมื่นคน ได้ส่งต่อให้กระทรวงแรงงานเป็นผู้ดำเนินการให้ เพราะกระทรวงแรงงานมีหลักสูตรการ ตัดเย็บอยู่แล้ว

อ่านต่อที่ : แรงงานเมินสมัครต้นกล้าอาชีพอุตฯ

เมินเอกชน เน้นให้กู้รัฐ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

เมินเอกชน เน้นให้กู้รัฐ

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมีความสนใจเข้าปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่กระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานที่รัฐบาลให้การค้ำประกัน และสนใจที่จะปล่อยสินเชื่อในโครงการกระตุ้น เศรษฐกิจระยะที่ 2 ของรัฐบาล ที่เตรียมออกพ.ร.ก. และพ.ร.บ. เพื่อกู้เงิน 8 แสนล้านบาท ไว้ลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคโลจิสติกส์ และระบบชลประทาน

เลอศักดิ์ จุลเทศ

นายเลอศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารมีสภาพคล่องส่วนเกินล้นอยู่หลายหมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการออกสลากออมสินในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี จนมียอดขายสลากร่วม 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดเงินฝากคงค้าง ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2552 มีอยู่สูงกว่า 7.2 แสนล้านบาท

ดังนั้น การมุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อโดยตรงให้กับรัฐวิสาหกิจที่กระทรวง การคลังค้ำประกันและรัฐบาล จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการระบายสภาพคล่องของธนาคาร

ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารปล่อยกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจเพื่อนำไปลงทุนในหลายโครงการแล้ว เช่น โครงการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การรถไฟแห่งประเทศไทย 3,600 ล้านบาท การทางพิเศษแห่งประเทศไทยอีก 800 ล้านบาท รวมทั้งยอมลดดอกเบี้ยในโครงการรับจำนำข้าวให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 3.5 หมื่นล้านบาท

แหล่งข่าวธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า ธนาคารได้เตรียมพร้อมสำหรับการปล่อยกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจและรัฐบาล ทั้งในรูปเงินลงทุนและวงเงินทุนหมุนเวียนในปีนี้ไว้ไม่น้อยกว่า 2-2.5 แสน ล้านบาท

สินเชื่อเอกชนนั้นปีนี้คงจอดสนิทแล้ว เพราะเสี่ยงเกินไปที่จะเกิดหนี้เสีย จึงเชื่อว่าปีนี้ทั้งปีก็จะติดลบ 1% ถึงลบ 2% เพราะเอกชนชะลอการผลิต จึงต้องจัดสรรสภาพคล่องมารองรับการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาล เอกชนที่รับเหมางานจากรัฐบาลแทน ซึ่งน่าจะสร้างรายได้ และลดความเสี่ยง เพราะขณะนี้ต้นทุนทางการเงินระยะ 1 ปีต่ำมากแค่ 1.6-1.8% หากสามารถปล่อยกู้ที่ระดับดอกเบี้ย 4.5-5% ก็สามารถทำกำไรได้ดีกว่าให้เอกชนกู้ที่จะมีหนี้เสีย 2-5%” แหล่งข่าวเปิดเผย

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า การที่รัฐบาลเตรียมกู้เงิน 8 แสนล้านบาท ถือเป็นข่าวดีที่ช่วยขับเคลื่อนการลงทุน ซึ่งสภาพคล่องในประเทศ มีเพียงพอไม่เป็นปัญหา และหากเป็นไปได้ธนาคารกรุงเทพก็มีความพร้อมและต้องการเข้าร่วมปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลด้วย

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ธนาคาร กรุงเทพได้สั่งการให้ จัดเตรียมเงินเพื่อรองรับการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาล ในปีนี้ไว้ร่วม 1-2 แสนล้านบาท ทั้งการประมูลพันธมิตร และการปล่อยกู้โครงการรัฐ

อ่านต่อที่ : เมินเอกชน เน้นให้กู้รัฐ

รัฐบาลตั้ง กก.พัฒนาระบบขนส่งสินค้าและบริการช่วยผู้ส่งออก พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

รัฐบาลตั้ง กก.พัฒนาระบบขนส่งสินค้าและบริการช่วยผู้ส่งออก

รัฐบาลตั้ง กก.พัฒนาระบบขนส่งสินค้าและบริการช่วยผู้ส่งออก

กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – นายอลงกรณ์ พลบุตร  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางและมาตรการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นภาคการส่งออก ว่า  รัฐบาลได้กำหนดให้งานแก้ไขสภาวะเศรษฐกิจประเทศตกต่ำเป็น 1 ในนโยบายเร่งด่วนสำคัญ และถือเป็น “นโยบายวาระแห่งชาติ” ซึ่งโลจิสติกส์เป็นพื้นฐานกลไกสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจทั้งมหภาคและจุลภาค จำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ ระเบียบ  มีมาตรฐานระดับชาติและที่สำคัญ  ทุกภาคส่วนของโลจิสติกส์ในประเทศจะต้องเป็นเอกภาพ จึงจะมีพลังในการแก้ไขสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ หรือ กบส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อกำกับดูแลกำหนดแนวทางดำเนินการด้านโลจิสติกส์ของประเทศอย่างเป็นบูรณาการ

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มกระทรวงเศรษฐกิจ และเป็นกระทรวงหลักในพันธกิจด้านการสร้างรายได้นำเม็ดเงินเข้าประเทศ  โดยกำกับดูแล แก้ไขและพัฒนางานสำคัญ 2 ด้านที่จะดำเนินการคู่ขนานกันไป คือ 1. เพิ่มมูลค่าการส่งออก และ 2.พัฒนาขีดความสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าไทยในตลาดโลกได้กำหนดนโยบายที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาโลจิสติกส์การค้าให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและเพื่อรองรับพันธกิจ
การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล  รวมทั้งเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งในภาคการผลิตส่งออก และธุรกิจโลจิสติกส์ โดยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการโลจิสติกส์การค้า ซึ่งมีตนเป็นประธาน และมีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาและกลั่นกรองแผนงานในคณะกรรมการโลจิสติกส์การค้าขึ้นมาเพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือให้เป็นรูปธรรมต่อไป

อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการพัฒนาและกลั่นกรองแผนงานได้พิจารณาศึกษาข้อมูล และประสานทุกภาคส่วนของการโลจิสติกส์ และได้แนวทางกำหนดเป็น 4 มาตรการเร่งด่วนสำคัญด้าน โลจิสติกส์เพื่อกระตุ้นการส่งออกไทย  คือ  1.ลดค่าธรรมเนียม พิธีการ นำเข้า – ส่งออกของกรมศุลกากร 2.ลดค่ารับรองเอกสารถิ่นกำเนิด Certificate of Origin (C.O.) 3.ลดค่าธรรมเนียมพิธีการ “ยก ขึ้นลงสินค้า” ณ ท่าเรือ และ 4. ลดค่าธรรมเนียมทางมอเตอร์เวย์สำหรับรถบรรทุกสินค้า ซึ่งทั้ง 4 แนวทางเป็นมาตรการเร่งด่วนสำคัญเน้นความสำคัญให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมขึ้นโดยเร็วทันที และเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถของภาคธุรกิจเอกชนการส่งออกไทยให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งในตลาดโลกได้.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : รัฐบาลตั้ง
ก.พัฒนาระบบขนส่งสินค้าและบริการช่วยผู้ส่งออก