ข่าว ในประเทศไทย

พดส.ภาค 2 รุดช่วยเหลือเด็กหญิง 3 ขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย พฤษภาคม 14, 2009

พดส.ภาค 2 รุดช่วยเหลือเด็กหญิง 3 ขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย

พดส.ภาค 2 รุดช่วยเหลือเด็กหญิง 3 ขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 12:03 น.

       ศูนย์ข่าวศรีราชา – ตำรวจ พดส.ภาค 2 และเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาเด็กเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 3 ขวบกลางเมืองพัทยาหลังรับแจ้งว่าถูกทำโทษเป็นประจำ
       
       วันนี้ (14 พ.ค.52) กำลังเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิทักษ์เด็กเยาวชน และสตรีตำรวจภูธรภาค 2 ( พดส.) พร้อม นายศุภกร โนจา ผอ.ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาเด็กเมืองพัทยา เดินทางเข้าช่วยเหลือน้องเพลง อายุ 3 ปี ที่บ้านพักแห่งหนึ่งหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าน้องเพลง ถูกพ่อเลี้ยงทำโทษอยู่เป็นประจำ
       
       จากการตรวจสอบพบน้องเพลง อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ตรวจสอบตามร่างกายพบว่ามีร่องรอยเขียวช้ำ บริเวณข้อมือซ้ายบวม กลางหลังมีร่อยรอยการถูกตีจนแดง ก้นทั้งสองข้างเขียวช้ำ สอบสวนนายวัลลภ โฉมศรี อายุ 61 ปี อาชีพขับรถสหกรณ์สองแถวพัทยา ให้การว่าทุกวันน้องเพลงจะเดินมาหาเพื่อขอข้ามและขนมกิน และมักเล่าให้ฟังว่าถูกพ่อเลี้ยงตีเป็นประจำ จึงรู้สึกสงสารก่อนแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาเด็กเมืองพัทยา
       
       ด้านนายศุภกร โนจา ผอ.ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาเด็กเมืองพัทยา กล่าวว่าหลังพูดคุยกับน้องเพลง ก็ทราบว่าพักอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง โดยมีพี่สาวร่วมสายโลหิต 1 คน และมีน้องสาวที่พึ่งเกิดจากพ่อเลี้ยงอีก 1 คน ส่วนตัวพ่อเลี้ยงเป็นคนขี้โมโห และเมื่อทำผิดก็มักโดนลงโทษด้วยการตีหลายครั้ง
       
       อย่างไรก็ตามต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายวิทยา พิทักษ์กร อายุ 30 ปี พ่อเลี้ยงและนางทิพยลดา บุญลิ้ม อายุ 29 ปี แม่ของน้องเพลง มาทำการสอบสวน เบื้องต้นนางทิพยลดา แม่ของน้องเพลงให้การว่าไม่ค่อยจะมีเวลาดูแลลูกเนื่องจากต้องทำงาน จึงให้ นาย วิทยา ที่เป็นพ่อเลี้ยงคอยดูแลแทน แต่นายวิทยา เป็นคนอารมณ์ร้อน และยอมรับว่ามีการทำโทษน้องเพลง หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าเป็นการทำโทษตามปกติและไม่คิดว่าจะร้ายแรงหรือรุนแรงอะไร
       
       ขณะที่นายวิทยา ให้การว่าได้ทำโทษน้องเพลง จริงแต่ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายร่างกายหรือทารุณกรรม อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบปากคำน้องเพลง และชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ เพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

อ่านต่อที่ : พดส.ภาค 2 รุดช่วยเหลือเด็กหญิง 3 ขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย

ด.ญ.วัย 12 เก็บเงินแสนคืนเจ้าของ-จยย.วินฉวยไปแบ่งกันหน้าตาเฉย! พฤษภาคม 13, 2009

ด.ญ.วัย 12 เก็บเงินแสนคืนเจ้าของ-จยย.วินฉวยไปแบ่งกันหน้าตาเฉย!
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรม | ข่าว

ShowMemberLite()

ด.ญ.วัย 12 เก็บเงินแสนคืนเจ้าของ-จยย.วินฉวยไปแบ่งกันหน้าตาเฉย!

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
7 พฤษภาคม 2552 15:59 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ด.ญ.สุพรรณิการ์ ทองสา หรือ น้องแพรว วัย 12 ปี มอบเงินจำนวน 140,000 บาท คืนให้ น.ส.ศิริพร มหาโคตร เจ้าของเงิน

พ.ต.อ.อำนาจ อินทรประสาท ผกก.สน.บึงกุ่ม มอบประกาศเกียรติคุณให้น้องแพรว

เด็กหญิงวัย 12 ปี พบธนบัตรก้อนโตตกกลางถนนเป็นเงิน 1.4 แสนบาท แต่ จยย.รับจ้างแสบ ฉกไปต่อหน้าต่อตา โดยแบ่งให้ 6 หมื่นบาท เป็นค่าปิดปาก แต่หนู้น้อยไม่เอา อ้างไม่ใช่เจ้าของ จากนั้น นำความไปบอกแม่ ผู้เป็นแม่จึงโทร.แจ้งตำรวจ ไปตามเงินคืนเจ้าของได้ครบทุกบาททุกสตางค์ พร้อมตกรางวัลเป็นสินน้ำใจ 5 พันบาท ส่วนวิน จยย.รอดคุกหวุดหวิด เพราะตำรวจไม่เอาความ อ้างไปถามปุ๊บ รีบคืนเงินให้ทันที ทั้งที่แบ่งกันไปแล้ว
       
       วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ สน.บึงกุ่ม พ.ต.อ.อำนาจ อินทรประสาท ผกก.สน.บึงกุ่ม พร้อมคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สน.บึงกุ่ม ได้ทำพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัลให้กับ ด.ญ.สุพรรณิการ์ ทองสา หรือ น้องแพรว อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.5/1 โรงเรียนคลองกุ่ม ภายหลังจากที่วานนี้ (6 พ.ค.) น้องแพรวเก็บเงินจำนวน 140,000 บาท ได้ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร หลังสำนักงานเขตบึงกุ่ม ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้ส่งมอบคืนให้กับ น.ส.ศิริพร มหาโคตร อายุ 25 ปี เจ้าของเงินที่พักอยู่ในหมู่บ้านเอื้ออาทรเช่นเดียวกัน
       
       ด.ญ.สุพรรณิการ์ หรือ น้องแพรว กล่าวว่า พักอาศัยที่อยู่ที่แฟลต 31 หมู่บ้านเอื้ออาทร กับพ่อแม่ และน้องอีก 3 คน โดยแม่มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงเด็ก ส่วนพ่อ มีอาชีพขับรถให้เจ้านาย โดยเมื่อเย็นวานนี้ ได้เดินออกไปซื้อกวยจั๊บ แต่ขากลับระหว่างที่เดินผ่านหน้าแฟลต 25 พบเงินตกอยู่ที่พื้นถนนในลักษณะมัดไว้ จึงก้มไปดู ก็พบเป็นเงินจำนวนมาก และขณะนั้นเอง มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนหนึ่ง ตรงเข้ามาสอบถามว่า มีอะไร จึงได้บอกไปว่า พบเงินจำนวนดังกล่าว ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนดังกล่าว จึงรีบก้มลงหยิบเงินขึ้นมาแล้วบอกว่า จะแบ่งให้คนละครึ่ง แต่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ส่งเงินให้ 60,000 บาท จึงได้บอกไปว่า ไม่เอา เพราะไม่ใช่เงินของตนเอง หลังจากนั้น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนดังกล่าว จึงนำเงินไปทั้งหมด ตนจึงเดินกลับเข้าบ้าน และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้มารดาฟัง มารดาจึงบอกว่า ดีแล้ว เพราะไม่ใช่เงินของเราเอง หลังจากนั้น มารดาก็โทรศัพท์ไปบอกตำรวจ ตำรวจจึงมาสอบถามถึงรูปพรรณสัณฐานของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่เป็นคนเอาเงินไป และตำรวจก็สามารถติดตามจนเจอตัวพร้อมกับได้เงินคืน
       
       
อ่านต่อที่ : ด.ญ.วัย 12 เก็บเงินแสนคืนเจ้าของ-จยย.วินฉวยไปแบ่งกันหน้าตาเฉย!

ฎีกายืนคุกภาวนาพุทโธ50ปี พฤษภาคม 13, 2009

ฎีกายืนคุกภาวนาพุทโธ50ปี

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจำลอง คนซื่อ หรือ อดีตพระภาวนาพุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จ.นครปฐม ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน และพวกรวม 8คน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเป็นธุระจัดหา และชักพาหญิงไปเพื่อสำเร็จความใคร่ เพื่อการอนาจาร เหตุเกิดเมื่อระหว่างปี 2531-2538 โดยพิพากษายืนให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 50ปี ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โดยศาลฎีกาได้ตรวจสำนวน ประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่าฎีกาของจำเลยที่ 1 และ3ตามที่ได้ยื่นมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่สาระสำคัญของคดี ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กับ จำเลยที่ 3 กระทำผิดตามฟ้อง

สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างเดือนสิงหาคม ปี 2531 ถึงเดือนมกราคม ปี 2538 จำเลยที่ 1 ซึ่งในขณะนั้น มีฉายาว่า พระมหาจำลอง กิตติปัญโญ หรือ พระภาวนาพุทโธเป็นประธานมูลนิธิหลวงพ่อพุทโธภาวนา รับอุปาการะเลี้ยงดูเด็กชาวเขายากจน และอยู่ในถิ่นทุรกันดารจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2-8 เป็นแม่ชี อยู่ในวัดสามพราน ได้ร่วมกันจัดหาเด็กหญิงชาวเขา จำนวน 9 คน มาให้จำเลยที่ 1 กระทำการอนาจารและข่มขืน

ต่อมาในชั้นศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 50 ปี จำคุก จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 31 ปี จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 28 ปี จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 10ปี จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 3 ปี จำเลยที่ 6 เป็นเวลา  4 ปี  จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 8 ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากศาลอาญาด้วยว่า การฟังคำพิพากษาวันนี้ มีประชาชนที่ยังคงศรัทธาในตัวอดีตพระภาวนาพุทโธจำนวนกว่า 100 คน แต่งกายด้วยชุดสีขาวเดินทางเข้าฟังการอ่านคำพิพากษและเป็นกำลังใจให้กับนายจำลองด้วย

อ่านต่อที่ : ฎีกายืนคุกภาวนาพุทโธ50ปี

ศาลฏีกายืนจำคุก 50 ปีภาวนาพุทโธกระทำชำเราเด็กหญิง พฤษภาคม 13, 2009

ศาลฏีกายืนจำคุก 50 ปีภาวนาพุทโธกระทำชำเราเด็กหญิง

ศาลฏีกายืนจำคุก 50 ปีภาวนาพุทโธกระทำชำเราเด็กหญิง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฏีกาคดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจกย์ยื่นฟ้องนายจำลอง พลซื่อ หรือพระภาวนา พุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพรานจว.นครปฐมกับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยความผิดฐานกระทำชำเรา หญิงอายุไม่เกิน 13 และ 15 ปีซึ่งอยู่ในความดูแลเป็นศิษย์และพยายามกระทำชำเราหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งอยู่ความดูแลเป็นศิษย์และป็นธุระจัดหาชักพาหญิงไปเพื่อสำเร็จความใคร่และอนาจารระว่างปี 2531-2538

จำเลยที่ 1 ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดสามพานและเป็นประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิหลวงพ่อภาวนาพุทโธได้รับเลี้ยงดูอุปการะเด็กหญิงชาวเขา แล้วได้กระทำการชำเราเด็กหญิงเสียหาย 9 คน ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำคุกนายจำลอง จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 160 ปี แต่ทั้งนี้ตามกฏหมายเมื่อรวมกระทงลงโทษทุกฐานความผิดให้จำคุกได้ ไม่เกิน 50 ปี ศาลจึงให้จำคุกจำเลยที่ 50 ปี จำเลยที่หนึ่งและนส.ช่อผา สกุลวนาการ จำเลยที่ 3 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 28 ปีในความผิดฐานกระทำชำเรา เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ได้ยื่นฏีกาแต่ทั้งนี้ศาลฏีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานโจกย์ที่นำสืบแล้ว มีผู้เสียหาย เบิกความยืนยัน เกี่ยวกับสถานที่ ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิด ภายในกุฏิวัดสามพานที่มีช่องลับ ให้ผู้เสียหายขึ้นไปยังกุฏิได้โดยไม่มีบุคคลภายนอกหรือคนมาปฏิบัติธรรมในวัดได้เห็นแม้กุฏิจำเลยอยู่ในเขตบริเวณสงฆ์ พยานหลักฐานโจกย์จึงมีนำหนักเชื่อถือ ส่วนฏีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

อ่านต่อที่ : ศาลฏีกายืนจำคุก 50 ปีภาวนาพุทโธกระทำชำเราเด็กหญิง

สลดบังคับเด็กนักเรียนหญิงมีเซ็กส์กับสุนัข พฤษภาคม 13, 2009

สลดบังคับเด็กนักเรียนหญิงมีเซ็กส์กับสุนัข

สลดบังคับเด็กนักเรียนหญิงมีเซ็กส์กับสุนัข

แทนซาเนียจำคุกลูกจ้าง 3 ราย 20 ปี ฐานบังคับให้เด็กหญิงที่ลวงมาให้มีเซ็กส์กับสุนัข ด้านนักพิทักษ์โวยศาลลงโทษสุดเบา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ว่า ศาลแทนซาเนีย ได้พิพากษาจำคุกชาย 2 ราย และหญิง 1 ราย ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทเหมืองในเมืองเอ็มวานซ่า เป็นจำนวน 20 ปี ในคดีบังคับเด็กนักเรียหญิงรายหนึ่งให้มีเซ็กส์กับสุนัข เมื่อเดือนมี.ค.ปี 2008 โดยในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งสามได้ล่อลวงนักศึกษาหญิงรายหนึ่งให้อยู่กับพวกเขาในช่วงกลางคืน ก่อนบังคับให้เธอมีเซ็กส์กับสุนัขของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ด้านนักพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแทนซาเนียออกโรงโจมตีศาลว่าสั่งลงโทษคนเหล่านี้เบาเกินไป แทนที่จะดำเนินโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต เพื่อให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างสำหรับพฤติกรรมผิดมนุษย์ของคนเหล่านี้

อ่านต่อที่ : สลดบังคับเด็กนักเรียนหญิงมีเซ็กส์กับสุนัข

11:51 น. ศาลฏีกาพิพากษายืนจำคุก 50 ปีภาวนาพุทโธชำเราเด็กหญิง พฤษภาคม 13, 2009

11:51 น. ศาลฏีกาพิพากษายืนจำคุก 50 ปีภาวนาพุทโธชำเราเด็กหญิง

7 มิย. 2552 11:51 น.

ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฏีกาคดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจกย์ยื่นฟ้องนายจำลอง พลซื่อ หรือพระภาวนา พุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพรานจว.นครปฐมกับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยความผิดฐานกระทำชำเรา หญิงอายุไม่เกิน 13 และ 15 ปีซึ่งอยู่ในความดูแลเป็นศิษย์และพยายามกระทำชำเราหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งอยู่ความดูแลเป็นศิษย์และป็นธุระจัดหาชักพาหญิงไปเพื่อสำเร็จความใคร่และอนาจารระว่างปี 2531-2538
จำเลยที่ 1 ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดสามพานและเป็นประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิหลวงพ่อภาวนาพุทโธได้รับเลี้ยงดูอุปการะเด็กหญิงชาวเขา แล้วได้กระทำการชำเราเด็กหญิงเสียหาย 9 คน ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำคุกนายจำลอง จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 160 ปี แต่ทั้งนี้ตามกฏหมายเมื่อรวมกระทงลงโทษทุกฐานความผิดให้จำคุกได้ ไม่เกิน 50 ปี ศาลจึงให้จำคุกจำเลยที่ 50 ปี จำเลยที่หนึ่งและนส.ช่อผา สกุลวนาการ จำเลยที่ 3 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 28 ปีในความผิดฐานกระทำชำเรา เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ได้ยื่นฏีกาแต่ทั้งนี้ศาลฏีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานโจกย์ที่นำสืบแล้ว มีผู้เสียหาย เบิกความยืนยัน เกี่ยวกับสถานที่ ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิด ภายในกุฏิวัดสามพานที่มีช่องลับ ให้ผู้เสียหายขึ้นไปยังกุฏิได้โดยไม่มีบุคคลภายนอกหรือคนมาปฏิบัติธรรมในวัดได้เห็นแม้กุฏิจำเลยอยู่ในเขตบริเวณสงฆ์ พยานหลักฐานโจกย์จึงมีนำหนักเชื่อถือ ส่วนฏีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

อ่านต่อที่ : 11:51 น. ศาลฏีกาพิพากษายืนจำคุก 50 ปีภาวนาพุทโธชำเราเด็กหญิง

ศาลฎีกาพิพากษายืน คุก 50 ปีอดีตพระภาวนาพุทโธข่มขืนเด็ก พฤษภาคม 13, 2009

ศาลฎีกาพิพากษายืน คุก 50 ปีอดีตพระภาวนาพุทโธข่มขืนเด็ก
หน้าแรกผู้จัดการ Online | เกาะติดสถานการณ์

เกาะติดสถานการณ์ อาชญากรรม

ShowMemberLite()

ศาลฎีกาพิพากษายืน คุก 50 ปีอดีตพระภาวนาพุทโธข่มขืนเด็ก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 11:59 น.

       ศาลอาญารัชดาพิพากษายืนในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจำลอง คนซื่อ หรือ อดีตพระภาวนาพุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จ.นครปฐม กับพวกรวม 8 คน ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเป็นธุระจัดหาและชักพาหญิงไปเพื่อสำเร็จความใคร่ เพื่อการอนาจาร จากกรณี จำเลยที่ 1 กระทำอนาจารและข่มขืนเด็กชาวเขาที่อยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ ปี 2531 – 2538 ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพาษายืนกับจำเลยที่ 1 เป็นเวลา50 ปี โดยจำเลยที่ 1 และ 3 ยื่นฎีกา ศาลฎีกาตรวจสำนวน ประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยที่ 1 กับ 3 ไม่ใช่สาระสำคัญของคดี ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กับ จำเลยที่ 3 กระทำผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
        อย่างไรก็ตาม การฟังคำพิพากษาวันนี้ มีประชาชนที่ยังคงศรัทธาในตัวอดีตพระภาวนาพุทโธกว่า 100 คน แต่งกายด้วยชุดสีขาว เข้าฟังการอ่านคำพิพากษา และเป็นกำลังใจให้กับนายจำลองด้วย

อ่านต่อที่ : ศาลฎีกาพิพากษายืน คุก 50 ปีอดีตพระภาวนาพุทโธข่มขืนเด็ก

ชุดปราบละเมิดลิขสิทธิ์ลุยจับย่านพัฒนพงษ์ เจอกลุ่มผู้ค้ารุมตึ้บจนท.หวิดนองเลือด พฤษภาคม 13, 2009

ชุดปราบละเมิดลิขสิทธิ์ลุยจับย่านพัฒนพงษ์ เจอกลุ่มผู้ค้ารุมตึ้บจนท.หวิดนองเลือด

ชุดปราบละเมิดลิขสิทธิ์ลุยจับย่านพัฒนพงษ์ เจอกลุ่มผู้ค้ารุมตึ้บจนท.หวิดนองเลือด

เมื่อเวลา 22.30 น. คืนวันที่ 6 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานำกำลังประมาณ 50 นายบุกเข้ากวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่วางขายย่านพัฒนพงษ์ แต่ขณะเข้าจับกุมบรรดาพ่อค้าแม่ค้าประมาณ 200 คนรวมตัวกันไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ยึดสินค้าจนเกิดการชุลมุนวุ่นวาย และมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คน ถือไม้กรูเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งปาขวดและก้อนอิฐเข้าใส่ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 10 นาย อาการสาหัสอีก 1 นาย อีกทั้งกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ชักปืนยิงขึ้นฟ้า 4 นัดเพื่อข่มขู่ แต่เจ้าหน้าที่สามารถนำสินค้าของกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระเป๋าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมนำใส่รถตู้จำนวน 4 คัน และควบคุมผู้ต้องหาประมาณ 10 คน ไปดำเนินคดีที่ สน.บางรัก

อย่างไรก็ตาม ระหว่างเจ้าหน้าที่จะขับรถนำของกลางส่ง สน.บางรัก กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าได้พากันออกมารวมตัวปิดกั้นถนน เพื่อไม่ให้รถตู้ของเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่สามารถขับฝ่าออกไปได้ 3 คัน เหลือ 1 คันที่ถูกกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าใช้ไม้และก้อนอิฐทุบใส่รถ ทำให้กระจกด้านหน้าแตกและตัวถังรถเสียหาย นอกจากนั้น พ่อค้าแม่ค้าได้เปิดประตูด้านท้ายรถนำสินค้าของกลางออกไป โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 คนยืนประจันหน้ากับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าบริเวณถนนสุริยวงศ์เยื้องโรงแรมมณเฑียร เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นเพื่อไม่ให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าผ่านเข้ามาในบริเวณดังกล่าว แต่พ่อค้าแม่ค้ายังคงตะโกนด่าทอพร้อมทั้งพยายามก่อกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่

หลังจากนั้น เวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม กลุ่มผู้ค้าย่านพัฒน์พงษ์กว่า 300 คนยกขบวนมายัง สน.บางรักเพื่อแจ้งความดำเนินกับชุดจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์กระทรวงพาณิชย์ โดยมีการถือป้ายระบุข้อความว่า ประชาชนถูกทำร้าย ถูกปล้นทรัพย์สิน ไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมกับโห่ร้องเมื่อแกนนำกล่าวโจมตีนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์และรัฐบาล

นายสรกฤต เทียนวัจนธรรม อายุ 36 ปี พาร่างเต็มไปด้วยคราบเลือดเข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.ชลิก สุขวรรณ สารวัตรเวร สน.บางรักว่า ตนมีอาชีขายเสื้อยืดไทยแลนด์ ขณะกำลังขายเสื้ออยู่นั้นได้เห็นเหตุการณ์ชุลมุนจึงรีบวิ่งไปตามแฟนก็ถูกกลุ่มคนที่อ้างตัวว่ามาจากระทรวงพาณิชย์รุมทำร้ายด้วยการใช้เหล็ก เก้าอี้ รุมตีจนได้รับบาดเจ็บจมูกฉีก รักษาตัวที่รพ.จุฬาฯ,นายปิยะวัฒน์ พรหมจรวย อายุ 33 ปี แจ้งว่า นายอิทธิพล พรหมจรวย อายุ 31 ปี น้องชายมีอาชีพขายเสื้อถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน ทำร้ายและใช้อาวุธปืนขู่บังคับจับตัวขึ้นรถตู้หายไป

น.ส.บุษบา ขันโท อายุ 30 ปี แจ้งว่า นางพรทวี การุณ อายุ 34 ปี พี่สาวมีอาชีพขายผ้าไหม ย่านพัฒน์พงษ์ถูกจับกุมตัวหายไป ไม่สามารถติดต่อได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ประชาชนไม่ได้ผิดกฏหมาย ทำไมต้องขนสินค้าไปด้วย ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ขายสินค้าโอทอปก็ไม่เกี่ยวกับสินค้าหนีภาษี นายอาทิตย์ ศรีมหาพรหม อายุ 24 ปี แจ้งความว่า มีอาชีพขายนาฬิกา ขณะเกิดเหตุ ตนมีเงินจำนวน 8,000 บาท อยู่ในปกระเป๋าคาดเอวแขวนไว้ที่แผงสินค้าได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ปล้นไป

นายรัตนศักดิ์ ตุ้มทอง อายุ 27 ปี าชีพขายนาฬิกา นำร่างเต็มไปด้วยคราบเลือดเนื่องจากมีบาดแผลถูกแทงด้วยเหล็กเข้าที่หน้าอกและศรีษะถูกตี กล่าวว่า ขณะขายนาฬิกาได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าทำการจับกุม ตนก็ยอมให้จับกุม แต่ขณะรอขึ้นรถตู้ที่เจ้าหน้าที่กระทรวงาพาณิชย์นำมาอยู่นั้นได้มีเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชนย์รุมทำร้าย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำร้ายตนด้วยทั้งที่ยอมให้จับกุม

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พานิชย์ กล่าวว่า การเข้าไปจับกุมผู้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำแรงไปหรือไม่นั้นก็ต้องฟังูไว้หู จนท.ปฏิบัติการสามทุ่มครึ่งและแจ้งข้อกล่าวหา และยึดของกลางผู้ค้าบางส่วนให้ความร่วมมือจากนั้น 1 ชม.ไฟดับและมีการยิงปืนขึ้นฟ้าตลอดจนมีการทำร้ายจนท.บาดเจ็บสาหัส 1 รายและบาดเจ็บ 1 ราย

กระทรวงพานิชย์ให้โอกาสผู้ค้าและจนท.ที่ได้รับผลกระทบหากเห็นว่าไม่เป็นธรรมตนยินดีพิจารณาความเป็นธรรมอย่างเต็มที่จนท.ที่ไปเป็นของกระทรวงพานิชย์ ขึ้นตรงคณะกรรมการนโยบายป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มีนายกฯเป็นประธาน เป็นจนท.ของรัฐทั้งหมดและอาสาช่วยปฏิบัติราชการของกรมทรัพย์สินทางปัญญา มีสิทธิ์พกปืน เหตุการณ์ที่จนท.โดนทำร้ายก็โดนทุกวันพวกที่หนีกม.หรือทำธุรกิจเถื่อนก็ไม่กลัว จนท.เวลาไปจับก็มีกาจ่ายใต้โต๊ะ แต่เราไม่มีนโยบายให้ธุรกิจเถื่อนซื้อความถูกต้องได้

\”เราปล่อยให้สังคมเราอ่อนแอไปกว่านี้ไม่ได้ ไม่อยากให้เราเป็นประเทศที่ไปลักเขาไปปล้นเขา เอาเปรียบคนอื่น อย่ามาอ้างว่านักท่องเที่ยวมา เพราะเขาไม่ได้มาซื้อสินค้าเถื่อน\”

อ่านต่อที่ : ชุดปราบละเมิดลิขสิทธิ์ลุยจับย่านพัฒนพงษ์ เจอกลุ่มผู้ค้ารุมตึ้บจนท.หวิดนองเลือด

ศาลฎีกากำลังอ่านคำพิพากษาอดีตพระภาวนาพุทโธร่วมกับแม่ชีข่มขืนเด็กหญิง พฤษภาคม 13, 2009

ศาลฎีกากำลังอ่านคำพิพากษาอดีตพระภาวนาพุทโธร่วมกับแม่ชีข่มขืนเด็กหญิง

ศาลฎีกากำลังอ่านคำพิพากษาอดีตพระภาวนาพุทโธร่วมกับแม่ชีข่มขืนเด็กหญิง กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – ศาลฎีกากำลังอ่านคำพิพากษา อดีตพระภาวนาพุทโธ ร่วมกับแม่ชี ข่มขืนเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 50 ปี

คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจำลอง คนซื่อ หรือ พระภาวนาพุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จังหวัดนครปฐม กับพวกรวม 8 คน ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน เป็นผู้สนับสนุนเป็นธุระจัดหาและชักพาหญิงไป เพื่อสำเร็จความใคร่ เพื่อการอนาจาร จากกรณีเมื่อ ปี 2531 – 2538

จำเลยที่ 1 คือ พระภาวนาพุทโธ ในขณะนั้นเป็นประธานมูลนิธิหลวงพ่อพุทโธภาวนา รับอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาวเขายากจนและอยู่ในถิ่นทุรกันดารจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2-8 เป็นแม่ชี อยู่ในวัดสามพราน ได้ร่วมกันจัดหาเด็กหญิงชาวเขา จำนวน 9 คน มาให้จำเลยที่ 1 กระทำการอนาจารและข่มขืน คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 50 ปี  จำคุก จำเลยที่ 2 -7 ลดหลั่นกันไป ส่วนจำเลยที่ 8 ยกฟ้อง.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ศาลฎีกากำลังอ่านคำพิพากษาอดีตพระภาวนาพุทโธร่วมกับแม่ชีข่มขืนเด็กหญิง

“ภาวนาพุทโธ” ลุ้นคำพิพากษาศาลฎีกาคดีข่มขืนเด็กวันนี้ พฤษภาคม 13, 2009

“ภาวนาพุทโธ” ลุ้นคำพิพากษาศาลฎีกาคดีข่มขืนเด็กวันนี้

"ภาวนาพุทโธ" ลุ้นคำพิพากษาศาลฎีกาคดีข่มขืนเด็กวันนี้

ศาลอาญารัชดา นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา วันนี้ (7 พ.ค.) เวลา 09.30 น. ในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจำลอง คนซื่อ หรือ พระภาวนาพุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จ.นครปฐม กับพวกรวม 8 คน ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเป็นธุระจัดหาและชักพาหญิงไป เพื่อสำเร็จความใคร่ เพื่อการอนาจาร
       
จากกรณีเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2531 ถึงเดือนมกราคม ปี 2538 จำเลยที่ 1 ซึ่งในขณะนั้น มีฉายาว่า พระมหาจำลอง กิตติปัญโญ หรือ พระภาวนาพุทโธเป็นประธานมูลนิธิหลวงพ่อพุทโธภาวนา รับอุปาการะเลี้ยงดูเด็กชาวเขายากจนและอยู่ในถิ่นทุรกันดารจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2-8 เป็นแม่ชี อยู่ในวัดสามพราน ได้ร่วมกันเป็นธุระจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 16 ปี 15 ปี และหญิงชาวเขาอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 9 คน มาให้จำเลยที่ 1 กระทำการอนาจารและข่มขืนตั้งแต่ปี 2531 -2538 โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ซึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
       
ศาลอาญาพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งหมดกระทำผิดจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 รวมความผิดหลายข้อหารวม 160 ปี แต่ตามกฎหมายแล้วกำหนดให้จำคุกจำเลยไว้ได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 50 ปี จำเลยที่ 2 จำคุก 31 ปี จำเลยที่ 3 จำคุก 28 ปี จำเลยที่ 4 จำคุก 10 ปี จำเลยที่ 5 จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 6 จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 7 จำคุก 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 8 ยกฟ้อง

อ่านต่อที่ : “ภาวนาพุทโธ” ลุ้นคำพิพากษาศาลฎีกาคดีข่มขืนเด็กวันนี้