ข่าว ในประเทศไทย

ลูกเรือกัมพูชาเปิดศึกฆ่ากันเอง อิสลามยกพวกกระหน่ำฟันแทง 3 เขมรพุทธปางตาย พฤษภาคม 17, 2009

ลูกเรือกัมพูชาเปิดศึกฆ่ากันเอง อิสลามยกพวกกระหน่ำฟันแทง 3 เขมรพุทธปางตาย
ศูนย์ข่าวศรีราชา-ลูกเรือประมงกัมพูชาช่องแสมสาร เหิมเกริมหนักก่ออาชญากรรมรายวัน สุดโหด เปิดศึกล้างแค้นพุทธ –อิสลาม ใช้สารพัดอาวุธมีดาบซามูไร สปาต้า เหล็กขูดชาร์ฟ บุกห้องพักกระหน่ำฟัน แทง 3 ลูกเรือเขมรสายพุทธ จมกองเลือดอาการปางตาย ตำรวจระดมกำลังไล่ล่าแต่ไร้วี่แวว
       
       วันนี้(17 พ.ค.52) ด.ต.รวยทรัพย์ รักอิสระ หัวหน้าป้อมยามตำรวจแสมสาร และด.ต.ธวัชชัย ทับทิม ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ จุดช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้เกิดเหตุลูกเรือประมงชาวกัมพูชาสายอิสลาม ใช้อาวุธมีด และของมีคมหลายชนิดทำร้ายลูกเรือประมงสายพุทธ ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย จำนวน 3 คน ได้แก่ นายซิน อายุ 28 ปี ซึ่งถูกอาวุธมีดฟัดเข้าบริเวณหน้าอกเหนือราวนมซ้าย ศีรษะ เป็นบาดแผลฉกรรจ์ และถูกเหล็กขูดชาร์ฟแทงเข้าชายโครงขวา นายจอย อายุ 28 ปี ถูกฟันเข้าบริเวณหน้าอกเหนือราวนมขวาบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูก และนายจัน อายุ 27 ปี ถูกเหล็กขูดชาร์ฟแทงเข้าเข้าบริเวณหน้าท้อง ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย เป็นลูกเรือประมงชาวกัมพูชา สายพุทธ ได้ถูกให้การช่วยเหลือออกมาจากบริเวณหน้าห้องแถวเรือวอ ม.4 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ นำตัวส่งรักษายังห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
       
       ในเวลาต่อมา ร.ต.ท.เรวัตร พิศโสระ ร้อยเวรสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้รุดไปตรวจสอบยังห้องฉุกเฉิน พบแพทย์กำลังให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย ซึ่งได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส จากการสอบสวน นายดา อายุ 29 ปี ลูกเรือประมงชาวกัมพูชา สายพุทธ คนเห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่า ขณะที่ทั้ง 3 คน ได้เดินกลับจากเที่ยวเตร่ร้องเพลง ดื่มสุราในร้านคาราโอเกะตลาดแสมสาร และนั่งคุยกันอยู่หน้าห้องแถว เวลาผ่านไปได้เพียง 10 นาที ก็มีกลุ่มลูกเรือประมงชาวกัมพูชา สายอิสลาม จำนวน 7 คน
       
       ภายในมือมีอาวุธมีดสปาร์ต้าชนิดหัวตัด 2 เล่ม และเหล็กขูดชาร์ฟ เข้ามาล้อมทั้ง 3 คน ก่อนจะเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้เปิดฉากใช้มีดดาบสปาร์ต้า และเหล็กขูดชาร์ฟ กระหน่ำฟัน แทง ทั้ง 3 คน จนล้มฟุบจมกองเลือดอยู่กับพื้น ก่อนวิ่งหนีกระจัดกระจายหายไปกับความมืด
       
       พ.ต.อ.สมชาย สุนทวนิค ผกก.สภ.สัตหีบ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ให้ พ.ต.ท.ดำรงค์ อ้วนสูงเนิน สวป.และชุดสืบสวนลงพื้นที่แสมสารเพื่อหาตัวคนร้ายมาลงโทษ เพราะขณะนี้แรงงานต่างด้าวเหิมเกริมหนัก ก่อเหตุอาชญากรรมฆ่า ทำร้ายกันเองไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะชาวกัมพูชาสายอิสลาม ทำร้ายเพื่อนร่วมชาติสายพุทธ
       
       ขณะนี้ชุดสืบสวน ร่วมกับตำรวจตำบลแสมสาร และตำรวจอาสาแสมสาร ออกติดตามจับกุมตัวคนร้ายกลุ่มนี้ จากการสันนิษฐาน กลุ่มคนร้ายอาจเกิดมีการเขม่น และมีเรื่องขัดแย้งกันมาจากร้านคาราโอเกะ ประกอบกับแต่งต่างกันทางศาสนา จึงได้ติดตามมาทำร้ายร่างกายยังห้องพัก ทั้งนี้ต้องรอผู้ได้รับบาดเจ็บมีสติ รักษาตัวจนหายดี จึงจะนำตัวมาทำการสอบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาลงโทษได้อย่างแน่นอน

อ่านต่อที่ : ลูกเรือกัมพูชาเปิดศึกฆ่ากันเอง อิสลามยกพวกกระหน่ำฟันแทง 3 เขมรพุทธปางตาย

คลังเชื่อสินเชื่อเช่าซื้อรถฯ ช่วยสร้างงานได้กว่าพันครอบครัว พฤษภาคม 14, 2009

คลังเชื่อสินเชื่อเช่าซื้อรถฯ ช่วยสร้างงานได้กว่าพันครอบครัว

คลังเชื่อสินเชื่อเช่าซื้อรถฯ ช่วยสร้างงานได้กว่าพันครอบครัว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 13:00 น.

       นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สร้างอาชีพใหม่ โดยเชื่อว่า จะช่วยสร้างงานให้กับประชาชนในต่างจังหวัดได้กว่า 1,000 ครอบครัว
        ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารอิสลาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ดูแลสินเชื่อให้กับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

อ่านต่อที่ : คลังเชื่อสินเชื่อเช่าซื้อรถฯ ช่วยสร้างงานได้กว่าพันครอบครัว

“Karmakamet” ขายความหอม สร้างกลิ่นหวนถึงวันวาน พฤษภาคม 14, 2009

“Karmakamet” ขายความหอม สร้างกลิ่นหวนถึงวันวาน

“Karmakamet” ขายความหอม สร้างกลิ่นหวนถึงวันวาน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 10:18 น.

ณัทธร รักษ์ชนะ

       คงปฏิเสธไมได้ว่ากลิ่นหอม ที่ช่วยสร้างบรรยากาที่ดีให้กับสถานที่นั้นๆ ทำให้เด็กหนุ่มจากแดนปักษ์ใต้ อาศัยอยู่ในจังหวัดนราธิวาส ที่แม้จะเกิดเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำ แต่สังคมรอบข้างเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ทำให้ตนเองได้รับวัฒนธรรมเหล่านั้นมาด้วย ส่งผลให้ร้านที่ครอบครัวของอากง (ปู่) ที่เปิดขายสินค้าจำพวกเครื่องหอมต้องมีทั้งของไทย และเครื่องเทศของชาวมุสลิมที่ใช้ด้วย สุดท้ายกลายเป็นความได้เปรียบในการเปิดร้านขายความหอม “Karmakamet” ที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการเครื่องหอม มาผสมผสานกับไอเดียด้านงานออกแบบได้อย่างลงตัว
       

ถุงหอม สร้างบรรยากาศดีๆ ได้ทุกที่

       ณัทธร รักษ์ชนะ เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องหอมนานาชนิด ภายใต้แบรนด์ “Karmakamet” (คาม่าคาเมต) ซึ่งเป็นชื่อของยอดเขา เล่าว่า ตนเองถือได้ว่าเป็นผู้ที่ชื่นชอบงานออกแบบ และงานศิลปะทุกแขนง ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบภายใน มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อเรียนจบก็หนีไม่พ้นการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทั้งงานโฆษณา การเป็นสไตล์ลิส (Stylist) ให้กับภาพยนต์เรื่ององคุลีมาล แต่เมื่อใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองกรุงมายาวนาน ได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้รู้สึกอยากหลีกหนีออกจากความวุ่นวาย ด้วยการเปิดร้านเล็กๆ ที่ออกแบบให้เหมือนโลกส่วนตัว ขายสินค้าที่ตนเองชื่นชอบอย่างของตกแต่งบ้านจำพวก หมอน ที่ออกแบบเอง และจ้างผลิต รวมถึงยังได้มีการนำเครื่องหอมจากที่บ้าน (จ.นราธิวาส) มาจำหน่ายในร้านด้วย

เทียนที่รับประกันว่าเมื่อจุดแล้ว กลุ่มจะหอมฟุ้ง ตามกลิ่นที่ลูกค้าเลือกซื้อ

       ซึ่งในช่วงที่ณัทธรเปิดร้านขายของตกแต่งบ้าน ก็มีหุ้นส่วนมีองค์ความรู้ในเรื่องการทำน้ำหอม จึงเกิดแนวความคิดนำความรู้ดังกล่าวมาผสมผสานกับสมุนไพรไทย ต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์นำร่องด้วยน้ำมันหอมระเหยกานพลู และกะวาน ซึ่งราคาสูงกว่าตามท้องตลาดหลายเท่าตั้ว เนื่องจากทางร้านเน้นน้ำมันที่สกัดมาจากสุมนไพรนั้นๆ อย่างแท้จริง ไม่มีการนำมาผสมสารใดทั้งสิ้น รวมถึงผลิตธูปหอม เทียนหอม ที่เมื่อจุดจะมีกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดนั้นอย่างชัดเจน

โลชั่นบำรุงผิว เพื่อความหอมให้ผิวกาย

       “หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรื่องการนำน้ำมันหอมระเหยมาช่วยเพิ่มความหอมให้กับบ้านนั้น ถือว่าในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่ด้วยคุณภาพของสินค้าที่เราทดลองเปิดหน้าร้านที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โครงการ 2 ซอย 3 ก็มีผู้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้บางครั้งผลิตสินค้าไม่พอขาย แสดงให้เห็นว่าเราเดินมาถูกทาง จึงมุ่งมั่นการทำสินค้าจำพวกเครื่องหอมอย่างจริงจัง ในช่วง 7-8 ปี ที่เรายึดทำเลที่สวนจตุจักรก็มีลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจเช่นกัน รวมถึงลูกค้าประจำ ทำให้เราคิดว่าธุรกิจเริ่มอยู่ตัว และอยากจะขยับขยาย พื้นที่เปิดร้านที่รวบรวมเครื่องหอมอย่างจริงจัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เราต้องการโดยเฉพาะการออกแบบร้านให้เป็นมุมสงบ ได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งวันวานที่อาศัยอยู่ที่ จ.นราธิวาสที่มีแต่ความสงบสุข ตามที่ตนเองฝันไว้”

ถุงใส่สินค้าเหมาะกับการนำไปเป็นของฝาก

       Secret World ถือเป็นคอนเซ็ปต์ของร้าน Karmakamet ที่ต้องการให้เป็นโลกส่วนตัวของลูกค้าได้มานั่งพักผ่อน เลือกซื้อสินค้าที่สร้างความสุขให้กับชีวิตอย่างเครื่องหอม ในมุมที่สงบ ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิร์ล ชั้น 2 เน้นการตกแต่งด้วยสีดำ ดูเก่าแก่ คล้ายกับร้านขายยาจีน และอีกมุมหนึ่งที่จัดให้เป็นมุมจิบชากว่า 35 ชนิด คล้ายร้านน้ำชาในภาคใต้ ที่เข้ากันได้ดีกับสินค้าที่ออกแบบดูทันสมัยแต่แฝงไว้ด้วยความเรียบง่าย
       

บรรยากาศภายในร้าน

       ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Karmakamet นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องน้ำมันหอมระเหยแล้ว สินค้าอื่นๆ ยังได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น เทียมหอม, ถุงหอม, Hot Balm (ยาหม่อง) ที่แตกไลน์ตามสรรพคุณ เช่น ไมเกรน, Jet lag เป็นต้น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกาย เช่น น้ำมันนวด โลชั่น เจลอาบน้ำ สบู่ แชมพูสระผม เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ถือได้ว่าร้าน Karmakamet ได้กลายเป็นศูนย์รวมเรื่องกลิ่นหอมจากทั่วโลกมารวบรวมไว้ ทั้งจากกลิ่นที่เกิดจากดอกไม้ที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ และกลิ่นที่ทางร้านคิดขึ้นเองจากการ Blend รวมถึงทางร้านยังรับ “สร้างกลิ่น” ให้กับบริษัทต่างๆ และโรงแรมด้วย เพื่อให้กลิ่นเป็นเอกลักษณ์ของบริษัทนั้นๆ ด้วย

ถุงหอมอีกหนึ่งรูปแบบ

       สินค้าของ Karmakamet เรียกได้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่มักจะซื้อไปเป็นของฝาก เนื่องจากทางร้านจะบรรจงห่อสินค้าอย่างสวยงาม ด้วยกระดาษ และถุงพลาสติก สื่อถึงความตั้งใจจริงของทั้งผู้ผลิต และผู้ที่ซื้อไปเป็นของฝาก แต่หากใครที่ต้องการพักผ่อนไปกับกลิ่นหอม ท่ามกลางท้องทะเลไทย ทางณัทธรก็ได้เปิดอีกหนึ่งธุรกิจคือ โรงแรม Karmakamet Aromatic Hotel ตั้งอยู่ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้แนวคิด “กินหอม อยู่หอม” ที่ใช้ความหอมมาสร้างจุดขาย
       

อีกมุมหนึ่ง ที่มองจากภายนอกร้านให้ความรู้สึกบ้านของคนจีนเมื่อครั้งวันวาน

       การเรียกร้องชีวิตในวันวาน ใครจะคิดว่าได้กลายมาเป็นธุรกิจที่สร้างความสุขให้กับเจ้าของธุรกิจและลูกค้า ที่ณัทธร บอกว่าไม่ได้หวังในเรื่องของกำไรมากนัก เพียงแต่ต้องการทำตามฝันของตนเอง ขอเพียงมุมเล็กๆ ในโลกที่ทำให้ชีวิตมีความสงบสุข สามารถหลีกหนีจากความวุ่ยวายได้เมื่อต้องการ และ ณ ขณะนี้ฝันนั้นก็ได้กลายเป็นจริง จากคนที่มุ่งมั่นวิ่งตามความฝัน

มุมจิบชากว่า 35 ชนิด

ไม้ขีดไฟก้านยาว สำหรับจุดเทียน

       ***สนใจติดต่อ 0-2391-7391 หรือที่ http://www.karmakamet.co.th***

อ่านต่อที่ : “Karmakamet” ขายความหอม สร้างกลิ่นหวนถึงวันวาน

จัดยิ่งใหญ่ 47 ปี สมโภชหลักเมืองและกาชาด พฤษภาคม 14, 2009

จัดยิ่งใหญ่ 47 ปี สมโภชหลักเมืองและกาชาด

สานต่อยุทธศาสตร์ยะลาสันติสุขคนสำราญงานสำเร็จ

คำว่า ยะลา มาจากภาษาพื้นเมืองเดิมว่า ยะลอ ซึ่งแปลว่า “แห” เป็นเมืองชายแดนภาคใต้ที่มีความน่าสนใจทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชนต่างเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน และอิสลาม ตัวเมืองยะลามีการวางผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้ ศาลหลักเมืองยะลา เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวยะลา ตั้งอยู่ใจกลางวงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยอดเสาหลักเมืองให้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2505 เวลา 12.00 น. ภายในศาลประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งสร้างด้วยแก่นไม้ชัยพฤกษ์สูง 50 ซม. วัดโดยรอบฐาน 43 นิ้ว ที่ปลาย 36 นิ้ว พระเศียรยอดเสาเป็นรูปพรหมจตุรพักตร์และเปลวไฟ สาเหตุที่มาของการสร้างศาลหลักเมืองยะลา สืบเนื่องจาก พ.ต.อ. (พิเศษ) ศิริ คชหิรัญ ผวจ.ยะลา คนที่ 31 ได้ทำการค้นคว้าประวัติศาสตร์และพบว่า จ.ยะลา เดิมเป็นบริเวณ 7 หัวเมืองเป็นส่วนหนึ่งของ จ.ปัตตานีและแยกออกมาเป็นเมืองยะลา ในสมัยรัชกาลที่ 1 และมีการสถาปนาเป็นเมืองยะลาแล้ว ได้มีการย้ายที่ตั้งเมืองมาแล้ว 5 ครั้ง สาเหตุมีการย้ายเมือง 5 ครั้งเนื่องจากต้องการเลือกชัยภูมิที่เหมาะสม และยังกล่าวกันว่า จ.ยะลา ยังไม่โปรดเกล้าฯให้สร้างหลักเมืองตามโบราณราชประเพณี จึงมีการประชุมเพื่อสร้างหลักเมืองขึ้น การสร้างหลักเมืองครั้งนี้ ได้อัญเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทางไสย ศาสตร์หลายท่านมาเป็นผู้ตรวจชัยภูมิเมือง เช่น หลวงพ่อเงิน และ หลวงพ่อ  สำเนียง จ.นครปฐม และได้กำหนดเอาใจกลางของวงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดเป็นที่ตั้งศาลหลักเมือง เริ่มสร้างเมื่อปี 2504 โดยได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานหลักเมืองยะลา และอัญเชิญลงหลุมตามเวลาฤกษ์โหรหลวง สำนักพระราชวัง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2505 เวลา 12.00 น. บริเวณโดยรอบจัดเป็นสวนสาธารณะร่มรื่นสวยงาม เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีการจัดงานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมือง ในวันที่ 25 พฤษภาคม-       4 มิถุนายน ของทุกปี
 
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา เปิดเผยถึงการจัดงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาดจังหวัดยะลา ระหว่างวันที่ 25  พฤษภาคม-4 มิถุนายน 2552 11 วัน 11 คืน ณ วงเวียนศาลหลักเมืองหน้าศาลากลางจังหวัดยะลาและถนนสุยางค์ ถือได้ว่าเป็นประเพณีที่สำคัญยิ่งของจังหวัดยะลา ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี  ตั้งแต่ ปี 2505 เป็นต้นมา และในปีนี้ ครบรอบ 47 ปี จัดได้ว่ายิ่งใหญ่กว่าทุก ๆ ปี ในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การออกร้านนิทรรศการจากภาคเอกชนและส่วนราชการต่าง ๆ มากมาย กิจกรรมตำบล/หมู่บ้านสันติสุข กิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง การออกร้านนาวากาชาด การออกรางวัลสลากการกุศล และเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวจังหวัดยะลา และจังหวัดใกล้เคียง ได้พักผ่อนหย่อนใจในรอบปี และยังเป็นการหารายได้เพื่อสมทบทุนในกิจกรรมการ กุศลของเหล่ากาชาดจังหวัดยะลาด้วย โดยเฉพาะในวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 วันเปิดงานสมโภชหลักเมืองฯ จะมีกิจกรรมสมโภชศาลหลักเมืองเริ่มตั้งแต่เช้า เวลา 06.30 น. จะเป็นพิธีอาราธนาศีล รับศีล   ต่อด้วยพิธีสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์ จาก      
นั้นขึ้นไปประกอบพิธีพราหมณ์บนศาลหลักเมืองทั้ง 4 ทิศ โดยมีการถวายผ้าแพร พวงมาลัย ปิดทองจุดธูปเทียนสักการบูชาศาลหลักเมือง พร้อมกันนี้ได้มีการเชิญนางรำ รำถวายรอบศาลหลักเมือง 3 รอบ ในช่วงบ่าย จะเป็นการอัญเชิญหลักเมืองจำลองขึ้นประดิษฐานบนราชรถ แห่ไปรอบเมืองยะลา ตามด้วยขบวนของดีจากทุกอำเภอ และหน่วยงานต่าง ๆ กว่า 30 ขบวนอย่างตระการตา อาทิ ขบวนกลองยาว ขบวนอังกอร์ ขบวนแต่งกายชุด   บานง ที่เป็นวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวไทยมุสลิม ในภาคกลางคืนจะมีร้านนาวากาชาด ซึ่งปีนี้ ทางร้านนาวากาชาดได้เพิ่มรางวัลการตักนาวากาชาดในงานมากมายเพื่อตอบแทนประชาชนผู้ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมของกาชาดยะลามาโดยตลอด โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วงของการเปิดร้าน ตั้งแต่ 18.00-22.00 น. จะเป็นการมอบรางวัลนาวากาชาดโดยทั่วไป ซึ่งจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่น ๆ ตามปกติ และในช่วง 23.00 น. มีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า  ราคาถูก และจำหน่ายสินค้าจาก 4 ภาค กว่า 100 คูหา สำหรับงานกาชาดในปีนี้ ถือว่าเป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน  เนื่องจากเป็นการจัดงานหาเงินสมทบทุนการบริหารจัดการของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องรับผิดชอบในการบรรเทาทุกข์ และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกกรณี โดยเฉพาะการบรรเทาทุกข์ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ การรับบริจาคโลหิต เพื่อนำไปช่วยเหลือบรรดาทหารตำรวจอาสาสมัครและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่
 
การช่วยเหลือบำบัด ความเครียด ความหวาดผวา ความทุกข์ของชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่มาเป็นเวลายาวนานกว่า 5 ปี นั้น การจัดงานรื่นเริงตามนโยบายของผวจ.ยะลา ที่ว่า คนสำราญ งานสำเร็จ การบริจาคให้ทาน ทำบุญการกุศล นับว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่จะสามารถคลายความทุกข์ ความเครียดของผู้คนในพื้นที่ โดยเฉพาะสายธารที่หลั่งไหลมาจากภูมิภาคอื่นของประเทศสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งที่ต้องการอย่างยิ่งยังหวังว่าสักวันสถานการณ์คงกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว หากทุกคนช่วยกันห่วงใย ช่วยกันแก้ไข.

อับดุลการิม  รามันห์สิริวงศ์

อ่านต่อที่ : จัดยิ่งใหญ่ 47 ปี สมโภชหลักเมืองและกาชาด

แบงก์อิสลาม-บสย.ค้ำประกันเงินกู้SME พฤษภาคม 13, 2009

แบงก์อิสลาม-บสย.ค้ำประกันเงินกู้SME

นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการให้ระบบการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นมาตรการเสริมเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยธนาคารได้เข้าร่วมโครงการความร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้แก่ผู้ขอสินเชื่อ ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme โดยมอบวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ ให้แก่ธนาคารและสถาบันการเงินทุกแห่งรวม 30,000 ล้านบาท ในการนำไปจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้กับ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สำหรับการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้เอสเอ็มอีที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ สามารถเข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. และสามารถมาขอสินเชื่อกับธนาคารอิสลามฯ ได้ โดยเอสเอ็มอีแต่ละรายจะได้รับการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 20 ล้านบาท
อ่านต่อที่ : แบงก์อิสลาม-บสย.ค้ำประกันเงินกู้SME

ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท พฤษภาคม 13, 2009

ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท

ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 7 พ.ค.- นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการให้ระบบการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นมาตรการเสริมเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยธนาคารได้เข้าร่วมโครงการความร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้แก่ผู้ขอสินเชื่อ ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme โดยมอบวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ ให้แก่ธนาคารและสถาบันการเงินทุกแห่งรวม 30,000 ล้านบาท ในการนำไปจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้กับ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สำหรับการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้เอสเอ็มอีที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ สามารถเข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. และสามารถมาขอสินเชื่อกับธนาคารอิสลามฯ ได้ โดยเอสเอ็มอีแต่ละรายจะได้รับการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 20 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท

กทม.ผุดแหล่งให้กู้เงินสร้างอาชีพลงทะเบียนขอสิทธิ์ 12-18 พ.ค.นี้ พฤษภาคม 13, 2009

กทม.ผุดแหล่งให้กู้เงินสร้างอาชีพลงทะเบียนขอสิทธิ์ 12-18 พ.ค.นี้

กทม.ผุดแหล่งให้กู้เงินสร้างอาชีพลงทะเบียนขอสิทธิ์ 12-18 พ.ค.นี้

กรุงเทพฯ 7 พ.ค.- ผู้ว่าฯ กทม.แถลงโครงการจัดหาแหล่งเงินกู้จาก ธ.ออมสิน และ ธ.อิสลามฯ ให้ประชาชนที่เดือดร้อนกู้เพื่อลงทุนสร้างอาชีพหรือหมุนเวียนในกิจการ เริ่มให้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ทุกสำนักงานเขตตั้งแต่ 12-18 พ.ค.นี้ และวันที่ 30 พ.ค.จัดมหกรรมยิ้มสู้ กู้สร้างอาชีพ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานแถลงข่าวโครงการ "ยิ้มสู้…กู้สร้างอาชีพ" โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง กทม.และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยและธนาคารออมสินตามนโยบายที่ต้องการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อนำเงินไปลงทุนประกอบอาชีพ หรือเพิ่มทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการ โดยไม่ต้องกู้เงินนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง สำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก พ่อค้าแม่ค้า หรือประชาชนทั่วไป ส่วนผู้ที่สนใจจะขอกู้เงิน สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์กู้ที่สำนักงานเขตที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือสำนักงานเขตที่ประกอบอาชีพได้ตั้งแต่วันที่ 12-18 พ.ค. 2552 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น.และในวันที่ 30 พ.ค.นี้ กทม.จะจัดงาน "มหกรรมยิ้มสู้…กู้สร้างอาชีพ" ที่อาคารกีฬาเวศน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ตั้งแต่เวลา 09.00 – 20.00น. เพื่อให้ผู้ที่ลงทะเบียนที่เขตนำเอกสารประกอบการขอสินเชื่อมายื่นให้กับทั้งสองธนาคารภายในงานหากผู้ใดที่ไม่ได้ลงทะเบียนที่เขตสามารถมาลงทะเบียนภายในงานได้

สำหรับวงเงินกู้ และอัตราดอกเบี้ยของธนาคารออมสิน กำหนดให้กู้ได้ไม่เกินรายละ 100,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน สำหรับกรณีกู้ขั้นต่ำ 5,000 บาท สามารถเลือกผ่อนชำระรายเดือน 60 งวด เพียงงวดละ 122 บาท ส่วนกรณีกู้เต็มวงเงิน 100,000 บาท จะต้องผ่อนชำระเดือนละ 2,417 บาท และหากไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้จะลดอัตราดอกเบี้ยให้ในปีถัดไป เหลืออัตราร้อยละ 0.50 ต่อเดือนเท่านั้น

ส่วนการค้ำประกันธนาคารได้ผ่อนปรนเงื่อนไขหลักประกันเงินกู้ประเภทบุคคล เพื่อเพิ่มช่องทางและความยืดหยุ่นให้ผู้ที่ต้องการกู้มากขึ้น

ส่วนธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กำหนดให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระคืน ในวงเงินรายละ 5,000 – 100,000 บาท โดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ยจะคิดเฉพาะค่าธรรมเนียมในอัตรา 75 บาทต่อเงินต่อวงเงิน 5,000 บาท สำหรับเงื่อนไขการค้ำประกันกรณีวงเงิน 5,000 – 10,000 บาทไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกันวงเงิน 10,001 – 50,000 บาท ใช้บุคคลค้ำประกัน 1 คน วงเงิน 50,001 – 100,000 บาทใช้บุคคลค้ำประกัน 2 คน โดยจะหักเงินจากบัญชีเงินฝาก ทั้งสองธนาคารสามารถอนุมัติสินเชื่อภายใน 2 สัปดาห์ นับจากยื่นเอกสารครบถ้วน.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : กทม.ผุดแหล่งให้กู้เงินสร้างอาชีพลงทะเบียนขอสิทธิ์ 12-18 พ.ค.นี้

กทม.จับมือ พฤษภาคม 13, 2009

กทม.จับมือ
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกคุณภาพชีวิต | ชุมชนเมือง

ชุมชนเมือง ข่าว

ShowMemberLite()

กทม.จับมือ
อ่านต่อที่ : กทม.จับมือ

สพท.ยะลาเขต 1 จัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม แก่ครูในพื้นที่ พฤษภาคม 13, 2009

สพท.ยะลาเขต 1 จัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม แก่ครูในพื้นที่
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกภูมิภาค | ภาคใต้

ShowMemberLite()

สพท.ยะลาเขต 1 จัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม แก่ครูในพื้นที่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 12:12 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ยะลา – สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 1 จัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม แก่ข้าราชการครู เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มคุณธรรมจริยธรรม สร้างความสงบสุขในพื้นที่
       
       วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา อ.เมือง จ.ยะลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 1 ได้จัดโครงการอบรมคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม ประจำปี 2552 เพื่อให้ข้าราชการครู และบุคคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปประยุกต์ใช้พัฒนาการปฏิบัติงาน ในการอบรมสั่งสอนให้นักเรียนเป็นคนดี และอยู่ในสังคมได้อย่างมีสันติสุข
       
       ซึ่งการจัดอบรมในครั้งนี้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 1 ได้มีการดำเนินการตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2545 เป็นต้นมา สำหรับการอบรมครั้งนี้ มีข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา จากอำเภอเมือง อำเภอรามัน และอำเภอกรงปินัง ให้ความสนใจเข้ารับการอบรม ทั้งหมด 260 คน โดยการอบรมจะแบ่งเป็น 2 กิจกรรม
       
       กิจกรรมที่ 1 คือ จัดอบรมให้ความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนา ระหว่างวันที่ 7 – 8 พฤษภาคม 2552 บรรยายโดย ดร.อิสมาแล ลุตฟี จะปากียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ดร.อิบรอเฮม ณรงค์รักษาเขต อาจารย์ซอและห์ ตาแล๊ะ จากมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา นายรอซีดี เลิศอริยะพงศ์กุล ตัวแทนจากสมาคมมุสลิมแห่งประเทศไทย และกิจกรรมที่ 2 จะนำผู้เข้าอบรมไปปฏิบัติธรรมในช่วงเดือนตุลาคม 2552 เป็นเวลา 15 วัน ณ นครมะกะฮ์ ประเทศซาอุดีอารเบีย
       
       นายดนุพล อ้นพวงรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 1 กล่าวว่า โครงการนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้ารับการอบรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง บ่งชี้ถึงความตระหนักในการพัฒนาตนเอง ตรงตามแนวปฏิรูปการศึกษาอย่างชัดเจน และตนเองเชื่ออย่างยิ่งว่า หากข้าราชการครูในพื้นที่เห็นถึงความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรมแล้ว ย่อมจะสามารถประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน
       
       ปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยจิตรสำนึกที่ดี มีระเบียบวินัยทุ่มเท และเสียสละ มีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก มีจิตรใจสงบ ไม่กระวนกระวายอย่างไร้เหตุผล ทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจ จะทำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อพัฒนาเยาวชน ให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น โดยราบรื่นไม่ประสบกับปัญหาใด ๆ มารบกวนอีกต่อไป

อ่านต่อที่ : สพท.ยะลาเขต 1 จัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม แก่ครูในพื้นที่