ข่าว ในประเทศไทย

“อิเนียสตา-ปิเก” หวั่น “รูนีย์” ทำแสบบาร์ซา พฤษภาคม 27, 2009

“อิเนียสตา-ปิเก” หวั่น “รูนีย์” ทำแสบบาร์ซา
อิเนียสตา หวั่นลูกบู๊รูนีย์ทำพิษ

       อันเดรส อิเนียสตา และ เคราร์ด ปิเก 2 ดาวเตะบาร์เซโลนา มองเป็นเสียงเดียวกันว่า เวย์น รูนีย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือนักเตะที่อันตรายที่สุดที่จะเล่นงานบาร์ซา ในเกมชิงชนะเลิศยูฟา แชมเปียนส์ ลีก คืนวันพรุ่งนี้
       
       แม้ว่าบริษัทรับพนันถูกกฎหมายเกือบทุกสำนักจะออกอัตราให้ คริสเตียโน โรนัลโด เป็นเต็งหนึ่งที่จะ ยิงประตูแรกในเกมนัดชิงฯ แชมเปียนส์ ลีก ที่สนามโอลิมปิก กรุงโรม แต่ทว่า อันเดรียส อิเนียสตา และ เคราร์ด ปิเก มองว่า เวย์น รูนีย์ คือนักเตะที่อันตรายที่สุดของแมนฯยู
       
       โดยกองกลางจอมเทคนิคทีมชาติสเปน ที่เป็นฮีโรยิงประตูตีเสมอเชลซี 1-1 พร้อมนำทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จเผยว่า “มันเป็นงานหนักของเราแน่หากทุกคนในทีมแมนฯยูเล่นได้ดุดันในแบบฉบับของรูนีย์”
       
       “เขาสร้างปัญหาให้แบ็คซ้ายของเราอย่างมากในการพบกันในรอบรองชนะเลิศเมื่อปีที่แล้ว เขาจะเป็นตัวอันตายที่สุดของเราอย่างไม่ต้องสงสัย” อิเนียสตา ร่ายยาว
       
       เช่นเดียกับ ปิเก อดีตกองหลังแมนฯยู ที่จะลงทำหน้าที่ปราการหลังรับมือทีมเก่าในเกมนี้มองว่า “เมื่อใดที่เขาได้เล่นในเกมที่ถนัด เขาคือกองหน้าที่ยากจะต้านทาน ผมไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนมีพละกำลังล้นเหลือแบบนี้มาก่อนเลย เขาสามารถวิ่งและยิงประตูได้แบบไม่มีหมด ตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงนาทีสุดท้าย”

อ่านต่อที่ : “อิเนียสตา-ปิเก” หวั่น “รูนีย์” ทำแสบบาร์ซา

เอเชียมีความเสี่ยงภัยธรรมชาติมากที่สุด พฤษภาคม 17, 2009

เอเชียมีความเสี่ยงภัยธรรมชาติมากที่สุด

เอเชียมีความเสี่ยงภัยธรรมชาติมากที่สุด สหประชาชาชาติ 17 พ.ค.- สหประชาชาติ เผยรายงานประเทศกำลังพัฒนามีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติมากที่สุด โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย

สหประชาชาติ เผยว่า อินเดีย จีน และบังกลาเทศ มีความเสี่ยงสูงจากสถานการณ์อุทกภัยรุนแรง โดยคิดเป็นร้อยละ 75 ของประชากรทั่วโลกที่เสี่ยงกับภัยน้ำท่วม นอกจากนี้ จีนและอินเดียมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเกิดแผ่นดินไหว ในขณะที่บังกลาเทศเป็นประเทศที่มีอันตรายจากภัยพายุไซโคลนมากที่สุด ส่วนอินเดียและอินโดนีเซียเป็นประเทศในลำดับต้นๆ ที่มีความเสี่ยงอันตรายจากดินถล่ม

รายงานชี้ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติจะส่งผลร้ายแรงในเอเชีย เพราะเอเชียมีชุมชมแออัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการเติบโตของเศรษฐกิจ และชุมชนเหล่านี้มักขาดโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ในขณะที่หลายประเทศล้มเหลวในการแก้ปัญหาการเพิ่มจำนวนของชุมชนแออัด ตลอดจนดูแลความปลอดภัยของที่อยู่อาศัยและอาคารสาธารณะ.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : เอเชียมีความเสี่ยงภัยธรรมชาติมากที่สุด

18:30 น. ชาวบ้านอยุธยาผวากิ้งกือเพ่นพ่านกัดคน แพทย์ชี้อันตรายไม่มาก พฤษภาคม 17, 2009

18:30 น. ชาวบ้านอยุธยาผวากิ้งกือเพ่นพ่านกัดคน แพทย์ชี้อันตรายไม่มาก

17 พค. 2552 18:30 น.

ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนถูกกิ้งกือกัดบ่อยมากในเขต อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และยังเกิดคำล่ำลือว่าหากกิ้งกือกัดแล้วก็จะไข่เอาไว้ในแผล ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าผู้ที่ถูกกิ้งกือคือนายกฤษดา ภาคอุบล อายุ 20 ปี ถูกกัดที่ต้นขาข้างขวาไปทางด้านหลัง เหนือพับขาประมาณ 5 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นวงกว้างประมาณ 3 เซนติเมตร เป็นรอยแดงคล้ายอาการผื่นคัน ตรงกลางมีจุดคล้ำมองเห็นเป็นรอยจุด ซึ่งนายกฤษดายืนยันว่าเป็นรอยคมเขี้ยวของกิ้งกือ โดยถูกกัดเมื่อเย็นวันที่ 9 พฤษภาคม ปรากฎว่ากลางคืนมีอาการแสบร้อนและเจ็บที่รอยกัด จึงลุกเอายาหม่องทา ปรากฎว่าตอนเช้าตื่นเกิดอาการคันและเจ็บแผล มีรอยผื่นเป็นวงกว้างจึงได้ไปที่โรงพยาบาลบางปะอิน แพทย์ได้ฉีดยากันบาดทะยักและให้ยาแก้อักเสบ โดยนัดให้ไปฉีดอีก 2 ครั้ง ส่วนตัวหลังจากถูกกิ้งกือกัดก็ไม่ได้เกรงกลัว แต่ต้องคอยระวังไม่ให้เข้าบ้าน เพราะอาจมากัดคนในบ้านอีก ก่อนหน้านี้เพื่อนของตนเองก็เพิ่งถูกกิ้งกือกัด
นางเกษร ภาคอุบล อายุ 52 ปี มารดาของนายกฤษดา เปิดเผยว่า เคยได้ยินเพื่อนบ้านและคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า ช่วงฤดูฝนจะมีกิ้งกือเพ่นพ่านมาก ส่วนใหญ่จะออกมาผสมพันธุ์และจะดุมาก โดยเฉพาะกิ้งกือสีดำที่จะกระโดดกัดทันทีหากมีอะไรเข้าใกล้ และหากใครโดนกัดแล้ว กิ้งกือก็จะไข่ทิ้งไว้ในบาดแผล หากไม่รักษาก็จะมีตัวอ่อนหรือลูกของกิ้งกือเข้าไปในร่างกาย และอาจเข้าสู่สมองถึงตายได้
ด้าน นพ.เลิศชัย จิตเสรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางปะอิน กล่าวว่า ได้รับทราบจากแพทย์และพยาบาลว่ามีชาวบ้านถูกกิ้งกือกัดมารักษาหลายรายจริง แต่ก็เป็นคำบอกเล่าของชาวบ้านเท่านั้น เราไม่ได้เห็นตอนมันกัด แต่การถูกสัตว์กัดหรือบาดแผลที่เกิดจากสัตว์จะมียาหลักๆคือบาดทะยักและยาแก้อักเสบเป็นมาตรฐาน ซึ่งคาดว่าความรุนแรงจากการกัดของกิ้งกือคงไม่น่าจะเป็นอันตรายมาก อย่างไรก็ตามอยากจะเตือนประชาชนว่าในช่วงฤดูฝนนี้ ไม่ว่าสัตว์อะไรกัดก็ควรจะหาแพทย์เพื่อตรวจสอบ และควรหลีกเลี่ยงการเดินในที่รกๆที่มีความเสี่ยงต่อการถูกสัตว์ หรือแมลงทำร้ายได้
อ่านต่อที่ : 18:30 น. ชาวบ้านอยุธยาผวากิ้งกือเพ่นพ่านกัดคน แพทย์ชี้อันตรายไม่มาก

โอบามาไม่แพร่ภาพทารุณกรรมนักโทษ พฤษภาคม 15, 2009

โอบามาไม่แพร่ภาพทารุณกรรมนักโทษ

ผู้นำสหรัฐปฏิเสธที่จะเปิดเผยภาพการทารุณกรรมผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย เพราะเกรงจะทำให้เกิดกระแสต่อต้านกองทัพสหรัฐ และจะทำให้ทหารตกอยู่ในอันตราย
 
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐจะพยายามคัดค้านแผนการเผยแพร่   ภาพที่ทหารสหรัฐกระทำทารุณกรรมนักโทษในอิรักและอัฟกานิสถานในเดือนนี้ เนื่องจากผู้บัญชาการกองทัพมีความวิตกกังวลว่า การเผยแพร่ภาพอื้อฉาวดังกล่าวอาจทำให้ทหารสหรัฐตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง
 
ประธานาธิบดีโอบามาตัดสินใจว่า เขารู้สึกไม่สบายใจกับการเผยแพร่ภาพดังกล่าวและเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ได้รับคำแนะนำจากทีมกฎหมายของเขาให้ต่อสู้ในชั้นศาล แต่ล่าสุดนายโรเบิร์ต กิ๊บส์ โฆษกทำเนียบขาว เผยว่า ประธา นาธิบดีโอบามา ได้ตัดสินใจแล้วที่จะไม่เปิดเผยรูปภาพต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการทารุณกรรมผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย โดยสั่งการทีมทนายความให้ปฏิเสธคำสั่งศาล เนื่องจากเกรงว่าการเปิดเผยรูปภาพดังกล่าว จะเป็นอันตรายต่อกองทัพสหรัฐ ทั้งนี้ ในสมัยที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับ   เบิลยู. บุช เป็นผู้นำสหรัฐ กองทัพได้ใช้สารพัดวิธีในการรีดข้อมูลจากผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย
 
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐระบุว่า จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้เผยแพร่ภาพการทารุณกรรมผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายของกองทัพสหรัฐภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีบุช ภายในวันที่ 28 พ.ค. แม้จะกังวลว่าการแพร่ภาพดังกล่าวอาจสร้างกระแสต่อต้านปฏิบัติการของกองทัพ
 
ประธานาธิบดีโอบามา เชื่ออย่างหนักแน่นว่า การเผยแพร่ภาพเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ จะเป็นการโหมไฟสงคราม เป็นอันตรายต่อกองทัพสหรัฐ และทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของทหารสหรัฐในหลายพื้นที่ เช่น อิรักและอัฟกานิสถานมีความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีโอบามาได้แจ้งให้ พลเอกเรย์ โอเดียร์โน ผู้บัญชาการทหารในอิรักทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวแล้วระหว่างการประชุมที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา.

อ่านต่อที่ : โอบามาไม่แพร่ภาพทารุณกรรมนักโทษ

อุตุฯเตือนภัยฉบับ4 ฝนตกหนักทั่วประเทศ พฤษภาคม 15, 2009

อุตุฯเตือนภัยฉบับ4 ฝนตกหนักทั่วประเทศ

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนภัย ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทยฉบับที่ 4(87/2552)ลงวันที่ 15 พ.ค.2552หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมภาคกลาง-ภาคใต้ตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี นครสวรรค์ กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี เพชรบุรี ระนอง ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในระยะ 1-2 วันนี้ (15-16 พฤษภาคม 2552)

ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ออกประกาศ เวลา 05.30 น. 
 
 
 

อ่านต่อที่ : อุตุฯเตือนภัยฉบับ4 ฝนตกหนักทั่วประเทศ

ภาคกลาง-ใต้ฝนตกหนัก14-15พค.นี้ พฤษภาคม 14, 2009

ภาคกลาง-ใต้ฝนตกหนัก14-15พค.นี้

ขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พาดผ่านประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค. 52 นี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม อาทิเช่น จังหวัดตาก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี และเพชรบุรี ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันไว้ด้วย

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา 

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ตาก พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครพนม หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา

ภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัด ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

อ่านต่อที่ : ภาคกลาง-ใต้ฝนตกหนัก14-15พค.นี้

เทศบาลเมืองมุกดาหารสืบสานประเพณีบรรพบุรุษ พฤษภาคม 14, 2009

เทศบาลเมืองมุกดาหารสืบสานประเพณีบรรพบุรุษ

จัดพิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนางฯ เพื่อเป็นสิริมงคล

การทำพิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานับร้อยปี ตามความเชื่อเพื่อปกป้องภัยอันตรายและความเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนจังหวัดมุกดาหาร ไสยศาสตร์-ภูตผีปิศาจ-เวทมนตร์คาถา ความเชื่อในเรื่องนี้ที่ทำให้บรรพบุรุษของชาวมุกดาหารปฏิบัติเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ     คงความเชื่อสืบทอดกันมาเป็นเวลาอันยาวนาน เพื่อให้บรรพบุรุษบันดาลความมหัศจรรย์ ปกป้องภัยอันตราย กลายมาเป็นประเพณีที่ชาวบ้านมุกดาหาร เรียกกันมาว่า “พิธีเลี้ยงผี”
 
ที่ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ริมฝั่งแม่น้ำโขงตลาดอินโดจีนมุกดาหาร อำเภอเมือง จ.มุกดา หาร ชาวบ้านในเขตเทศบาลได้ร่วมกันทำพิธีเซ่นไหว้และบวงสรวงเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ซึ่งเป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดข้างเคียง โดยมี นายสัมฤทธิ์ โภค สวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร และชาวบ้านร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก ในพิธีได้ 

มีการอัญ เชิญเจ้าแม่สองนางพี่น้อง เจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง ซึ่งเป็นเจ้าครองเมืองมุกดาหาร

และเจ้าพ่อหัวดอนต่าง ๆ ที่อัญเชิญมาในพิธี เช่น เจ้าหัวดอนดิน-เจ้าแก่งกะเบา-เจ้าดอนหินสูง-เจ้าดอนหนองหล่ม-เจ้าดอนถ้ำเงิน ฯลฯ ต่อมาก็มาประทับร่างทรงคารวะ เจ้าฟ้ามุงเมือง และ เจ้าแม่สองนางพี่น้อง ซึ่งเป็นเจ้าครองเมืองมุกดาหาร
 
 ภายในงานมีการร่วมแสดงร่ายรำลีลาตามประเพณีของแต่ละหัวเมือง และเล่นกินดื่มของผีในแต่ละหัวเมืองตลอดทั้งวัน ในพิธีมีชาวบ้านทุกครัวเรือนจะนำเครื่องเซ่นไหว้ ดอกไม้ ธูปเทียน สุรา มาถวายต่อศาลเจ้าฟ้ามุงเมือง และศาลเจ้าแม่สองนาง    พี่น้อง และเจ้าหัวดอนต่าง ๆ ซึ่งมี นางเทียมหรือจ้ำ อัญเชิญเข้าประทับร่างทรง การแสดงร่ายรำลีลาตามประเพณีของแต่ละหัวเมือง และเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานนับร้อยปี เมื่อถึงวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวบ้าน จะได้ร่วมกันจัดพิธี

ดังกล่าวขึ้นตามความเชื่อนอกจากปกป้องอันตรายทั้งหลายทั้งปวงมิให้เกิดขึ้นในจังหวัด ยังเพื่อเป็น   สิริมงคลแก่ประชาชนจังหวัดมุกดาหารด้วย
 
สำหรับเจ้าแม่สองนางพี่น้องมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย ว่า เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วมีเจ้าเมืองชื่อว่า เจ้าฟ้างุ้ม แห่ง เมืองล้านช้าง ได้พาลูกหลานอพยพมาตามลำแม่น้ำโขง ผ่านเมืองหนองคาย นครพนม พอมาถึงบริเวณปากห้วยมุก จังหวัดมุกดาหาร เรือได้เกิดล่ม ทำให้พระธิดาสองพระองค์คือ นางพิมพา และ นางลมพามา ได้จมน้ำเสียชีวิต ต่อมาชาวบ้านได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงทั้งสองคนทุกคืน ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเสียงของธิดาทั้งสอง และได้แสดงอภินิหารให้เห็นบ่อย ๆ เจ้าเมืองมุกดาหาร จึงได้ตั้งศาลขึ้น ณ ที่แห่งนั้น เพื่อให้ดวงวิญญาณของทั้งสองธิดาได้สิงสถิต และศาลนั้นเรียกว่า หอเจ้าแม่สองนางพี่น้อง อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวบ้าน พอถึงวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี จะทำพิธีเซ่นไหว้และบวงสรวงเจ้าแม่สองนางพี่น้อง และเมื่อวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 และ 13 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันแข่งเรือออกพรรษาของจังหวัดมุกดาหารชาวบ้านก็จะเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่ลงเรือ เพื่อเปิดน่านน้ำแล้วจึงแข่งขัน โดยเชื่อว่าถ้าไม่เชิญเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เบิกน่านน้ำก็จะมีเหตุทำให้เรือล่ม
 
นายสัมฤทธิ์ โภคสวัสดิ์ นายกเทศ มนตรีเทศบาลเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ปัจจุบันเทศบาลเมืองมุกดาหารได้สร้างศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องขึ้นใหม่อย่างสวยงาม และเป็นสถานที่เคารพสักการบูชาของชาวจังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดใกล้เคียงตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร การจัดพิธีเลี้ยงผี หรือเลี้ยงของรักษา จึงเป็นความเชื่อของชาวมุกดาหารที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาเพื่อให้ผีบ้านผีเมืองซึ่งเป็นบรรพบุรุษได้ปกป้องภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง และให้เกิดความร่มเย็น ซึ่งเป็นความเชื่อกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน.

อนุศักดิ์-สมบูรณ์ แสนวิเศษ

อ่านต่อที่ : เทศบาลเมืองมุกดาหารสืบสานประเพณีบรรพบุรุษ

หนุนรบ.เลิก ผลิตปุ๋ยเคมี ลดต้นทุนพุ่ง พฤษภาคม 14, 2009

หนุนรบ.เลิก ผลิตปุ๋ยเคมี ลดต้นทุนพุ่ง

นายวิเชียร พวงลำเจียก อุปนายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า เห็นด้วยยิ่งที่รัฐบาลจะมีการ ออกกฎหมาย และยกเลิกการผลิตปุ๋ยเคมีในไทยภายในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากเห็นว่าหากรัฐบาลยังสนับสนุนเกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีต่อไปจะมีแต่ผลเสียต่อเกษตรกร ทั้งจะได้รับอันตรายต่อสุขภาพจากสารเคมีและต้นทุนสูงขึ้น

“ที่สำคัญการใช้ปุ๋ยเคมียังเป็นตัวการทำลายสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ แต่หากสนับสนุนให้ยกเลิกใช้ปุ๋ยเคมีจริง รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องลงมาส่งเสริม ให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพ อย่างจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยให้เกษตรกรดำเนินการแต่ฝ่ายเดียว อาจจะ ไม่ประสบความสำเร็จ” อุปนายกสมาคมชาวนาไทย กล่าว

นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ทดลองทำนาแบบผสมผสานที่ อ.ผักไห่ มาหลายปี เน้นใช้ปุ๋ยชีวภาพเป็นหลัก พบว่าสามารถลดต้นทุนการผลิตต่อไร่ของนาข้าวต่างกันมาก เมื่อเทียบกับการใช้สารเคมี จะมีต้นทุนเหลือมากกว่า 5,000 บาท แต่เมื่อใช้นานเข้าแมลงศัตรูพืชจะลดลงไปเอง

อ่านต่อที่ : หนุนรบ.เลิก ผลิตปุ๋ยเคมี ลดต้นทุนพุ่ง