ข่าว ในประเทศไทย

กลุ่มติดอาวุธไนจีเรียคืนชีพขู่โจมตีบริษัทนํ้ามัน พฤษภาคม 15, 2009

กลุ่มติดอาวุธไนจีเรียคืนชีพขู่โจมตีบริษัทนํ้ามัน

กลุ่มติดอาวุธในไนจีเรีย เริ่มออกอาละวาดในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์อีกครั้ง หลังหยุดยิงไปหลายเดือน ขีดเส้นตายให้บริษัทน้ำมันอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ภายใน 48 ชั่วโมง และล่าสุดโจมตีเรือสินค้าลำหนึ่งและจับลูกเรือต่างชาติ 15 คนเป็นตัวประกัน
 
ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ หรือเอ็มอีเอ็นดี ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในไนจีเรีย เพิ่มเวลาเป็น 48 ชั่วโมงกำหนดเส้นตายให้บรรดาบริษัทน้ำมันต่างชาติในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ อพยพเจ้าหน้าที่ออกไป และขู่ปฏิบัติการโจมตีเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินหลังจากผ่านเส้นตาย โดยแหล่งข่าวความมั่นคงที่ทำให้บริษัทน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่ของแอฟริกา ระบุว่า พวกเขาได้รับคำขู่จากกลุ่มหัวรุนแรงติดอาวุธอย่างจริงจัง แต่ยังไม่มีแผนการอพยพเจ้าหน้าที่
 
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เอ็มอีเอ็นดีสั่งให้คนงานบริษัทน้ำมันในไนจีเรีย ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในแอฟริกา อพยพออกจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากมีการปะทะกันอย่างหนักระหว่างเอ็มอีเอ็นดีและกองกำลังรักษาความมั่นคง โดยกลุ่มเอ็มอีเอ็นดีระบุว่า ได้บุกจู่โจมฐานทัพทหาร 2 แห่งในพื้นที่บ่อน้ำมันทางตอนใต้ของประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา การบุกเกิดขึ้นหลังจากปะทะกับทหารเมื่อเช้าวันพุธ ซึ่งกลุ่มติดอาวุธอ้างว่า ได้จมเรือปืนของกองทัพไป 2 ลำและทหารฝ่ายรัฐบาลได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
 
อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธเอ็มอีเอ็นดี ได้เริ่มอาละวาดอย่างจริงจังตามคำขู่เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี โดยได้โจมตีฐานทัพทหาร 2 แห่ง และทำลายเรือปืน 5 ลำ แต่เจ้าหน้าที่กองทัพของรัฐบาลยังไม่ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับเหตุการณ์  ดังกล่าว นอกจากนี้ กลุ่มติดอาวุธยังได้ปล้นเรือสินค้าเอ็มวี สปิริต ในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ และจับลูกเรือชาวต่างชาติ 15 คนเป็นตัวประกัน
 
เหตุการณ์รุนแรงในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ เงียบสงบเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน หลังจากกลุ่มติดอาวุธประกาศหยุดยิงแต่เพียงฝ่ายเดียว ภายหลังก่อเหตุโจมตีบริษัทน้ำมันที่เข้ามาลงทุนในภาคใต้ของประเทศ ความขัดแย้งดังกล่าว ซึ่งกลุ่มติดอาวุธต่อสู้และลักพาตัวคนงานต่างชาติหลายร้อยคนเพื่อเรียกค่าไถ่ ทำให้การผลิตน้ำมันของไนจีเรียลดลงไปถึง 1 ใน 4.

อ่านต่อที่ : กลุ่มติดอาวุธไนจีเรียคืนชีพขู่โจมตีบริษัทนํ้ามัน

ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท พฤษภาคม 14, 2009

ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท

ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท กรุงเทพฯ14 พ.ค.-นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ธสน.ไตรมาสแรกปีนี้ ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อและรับประกันการส่งออก เพื่อสนับสนุนแก่ผู้ส่งออกและนักธุรกิจไทยทั้งสิ้น 5,434 ล้านบาท

ทั้งนี้ สิ้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ 48,028 ล้านบาท และภาระผูกพันประกันการส่งออก 12,539 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท มีสินทรัพย์ 57,546 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ 48,432 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้ธสน. 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับบริการประกันการส่งออก (เอ็กซิม อินชัวร์รันซ์) เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ส่งออกไทย จากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ท่ามกลางภาวะวิกฤติการเงินโลก โดย ธสน.ร่วมกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงิน 10 แห่งให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยที่เป็นลูกค้าของสถาบันการเงินเข้าถึงบริการประกันการส่งออกของ ธสน.ได้สะดวกขึ้น โดยติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่ตนเองมีธุรกรรมอยู่ ทั้งยังมีโอกาสได้รับการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น เนื่องจากกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ ธสน. ถือเป็นหลักประกันประเภทหนึ่งที่สามารถโอนสิทธิการรับค่าชดเชยสินไหมทดแทนให้แก่ธนาคารผู้ให้กู้ได้

ขณะเดียวกัน ธสน.ได้เปิดให้บริการใหม่ คือ เอ็กซิมฟอร์เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นบริการประกันการส่งออก ที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกเอสเอ็มอีที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกินปีละ 100 ล้านบาท มั่นใจที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกไปยังตลาดการค้าเดิม หรือตลาดใหม่มากขึ้น แม้วิกฤติการเงินโลกจะส่งผลให้ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศสูงขึ้นก็ตาม โดย ธสน.จะช่วยกลั่นกรองข้อมูลผู้ซื้อและประเมินความสามารถในการชำระเงินของผู้ซื้อในต่างประเทศ รวมทั้งช่วยให้ผู้ส่งออกไทยเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่แข่งขันได้ กรณีที่ส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อแล้วแต่ไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า ธสน.จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สูงสุดถึงร้อยละ 90 ของความเสียหายที่เกิดขึ้น. -สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ไตรมาสแรกปีนี้ ธสน.ปล่อยสินเชื่อส่งออกไปกว่า 5,400 ล้านบาท

คุมไอ้โหด! ฆ่าแขกพันล้านฝากขัง-ค้านประกันกลัวหนี! พฤษภาคม 14, 2009

คุมไอ้โหด! ฆ่าแขกพันล้านฝากขัง-ค้านประกันกลัวหนี!

คุมไอ้โหด! ฆ่าแขกพันล้านฝากขัง-ค้านประกันกลัวหนี!

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
14 พฤษภาคม 2552 14:29 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ภาพเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนควบคุมตัวนายวันชัย เจะเตะ คนร้ายเอาไว้ได้ในวันก่อเหตุ

ตำรวจลุมพินี หิ้วผู้ต้องหาฆ่าปาดคอเศรษฐีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาคอนโดหรู ฝากขังศาล ค้านประกัน เกรงหลบหนี ด้าน ตร.เตรียมออกหมายจับนายเคน ผู้จ้างวาน ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างในวันพรุ่งนี้
       
       วันนี้ (14 พ.ค.) ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้ควบคุมตัว นายวันชัย เจะเตะ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาฆ่า นายอนันต์ สิงห์จิรกุล อายุ 38 ปี ชาวไทยเชื้อสายซิกข์ เศรษฐีเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในห้องพักเลขที่ 19/69 ชั้น 9 ในอาคารสุขุมวิทสวีท ซ.สุขุมวิท 13 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กทม.เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ค.มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 14-25 พ.ค.เนื่องจากยังต้องสอบปากคำพยานเพิ่มอีก 7 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์รอยพิมพ์นิ้วมือ รอผลการตรวจสอบประวัติอาชญากร รอผลาการตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่นๆ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ อ้างว่าได้รับค่าจ้างจากนายนายแคน จำนวน 4 แสนบาท ฆ่าผู้ตาย เนื่องจากญาตินายแคนถูกผู้ตายโกงเงิน 2 ล้านบาท จากการทำธุรกิจไม้หอม
       
       ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหากระทำการอุกอาจโหดเหี้ยมทารุณ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และอาจหลบหนี
       
       ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
       
       ด้าน พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้วประมาณ 10 ปาก ยังเหลือพยานที่ต้องสอบปากคำอีก 3 ปาก เพื่อให้สำนวนคดีครบถ้วยสมบูรณ์ ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนพอจะทราบแล้วว่า นายเคน ที่นายวันชัย อ้างว่าเป็นผู้จ้างวานนั้นคือใคร โดยคาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้ภายในวันพรุ่งนี้
       
       นอกจากนี้ ยังสั่งให้ฝ่ายสืบสวนทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายวันชัย ผู้ต้องหา และเส้นทางการประกอบธุรกิจของนายอนันต์ ผู้ตาย ว่า มีหุ้นส่วนรายใดต้องสงสัยบ้าง ซึ่งแนวทางการสืบสวนในเรื่องนี้ก็คืบหน้าไปมากแล้ว สำหรับประเด็นการสังหารนั้น ก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางธุรกิจ เรื่องธุรกิจไม้หอม และเรื่องชู้สาว
       
       คุมพ่อค้าไม้หอมเชือดคอแขกพันล้านทำแผน พบเพื่อนจ้างฆ่า 4 แสน
       ทวงเงิน 2 ล้านฆ่าปาดคอแขกเจ้าของโครงการพันล้าน!ตร.ปักใจฆ่าล้างหนี้มากกว่า

อ่านต่อที่ : คุมไอ้โหด! ฆ่าแขกพันล้านฝากขัง-ค้านประกันกลัวหนี!

ชาวสวนลำไยเชียงรายร้องผู้ว่าฯ-ทวงเงินประกันจำนำค้างเก่า 5 ปีคืน พฤษภาคม 14, 2009

ชาวสวนลำไยเชียงรายร้องผู้ว่าฯ-ทวงเงินประกันจำนำค้างเก่า 5 ปีคืน

ชาวสวนลำไยเชียงรายร้องผู้ว่าฯ-ทวงเงินประกันจำนำค้างเก่า 5 ปีคืน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 11:07 น.

       เชียงราย – ชาวสวนลำไยบุกร้องผู้ว่าฯเชียงราย ทวงเงินค้ำประกันจำนำลำไยที่ค้างคามานานกว่า 5 ปีคืน จี้สหกรณ์ลำไยอำเภอพานจัดการให้เสร็จภายใน 7 วัน ไม่เช่นนั้นรวมพลกลับมาทวงสัญญาซ้ำอีก
       
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า กลุ่มชาวสวนผู้ปลูกลำไยจากพื้นที่ อ.พาน อ.พญาเม็งราย อ.ป่าแดด อ.เวียงชัย และ อ.แม่สรวย จำนวนประมาณ 50 คน นำโดยนายประดิษฐ์ อาสา และนายอำนวย กาซ้อน ได้ไปรวมตัวกันที่ศาลากลาง จ.เชียงราย เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ให้กับนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย โดยระบุว่าพวกเขาได้รับความเดือดร้อนมานานกว่า 5 ปีแล้ว จากกรณีที่ไม่ได้รับเงินค้ำประกันจากโครงการรับจำนำลำไยตั้งแต่ปี 2546 ที่ผ่านมา
       
       นายสุเมธ ได้มอบหมายให้นายอุดมเดช วิเศษพาณิชย์ หัวหน้าศูนย์ดำรงค์ธรรม จ.เชียงราย เข้ารับหนังสือร้องทุกข์ โดยพบว่า ในหนังสือมีเนื้อหาว่าชาวสวนลำไยจากหลายอำเภอที่ไปชุมนุมกันดังกล่าว เคยเข้าร่วมโครงการรับจำนำลำไยประจำปี 2546 กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ผ่านทางสหกรณ์ลำไย อ.พาน
       
       หลังเสร็จสิ้นโครงการทุกคนก็หวังว่า จะได้รับเงินค้ำประกันคืนรวมเป็นเงินทั้งหมด 1,940,000 บาท แต่ปรากฎว่าเวลาผ่านเนิ่นนานไปกว่า 5 ปีก็ไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด จึงประสบความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะต้องการนำเงินไปใช้จ่ายโดยเฉพาะเรื่องหนี้สินจากภาคการเกษตร
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังศูนย์ดำรงค์ธรรม จ.เชียงราย ได้รับเรื่องแล้วได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประสานไปยังสหกรณ์ลำไย อ.พาน ได้ชี้แจงเรื่องราวดังกล่าวกับชาวบ้านภายใน 7 วันด้วย เพื่อให้ชาวบ้านได้เห็นทางออกของปัญหา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดพอใจในการดำเนินการของทางจังหวัด จึงแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา แต่ก็แจ้งว่าหากภายใน 7 วันยังไม่ได้รับคำตอบที่สมเหตุผลหรือไม่ได้รับที่คงค้าง ก็จะกลับไปชุมนุมเรียกร้องกันอีกครั้งแน่นอน

อ่านต่อที่ : ชาวสวนลำไยเชียงรายร้องผู้ว่าฯ-ทวงเงินประกันจำนำค้างเก่า 5 ปีคืน

พณ.ประสาน 3 แบงก์รัฐปล่อยกู้ส่งออก พฤษภาคม 13, 2009

พณ.ประสาน 3 แบงก์รัฐปล่อยกู้ส่งออก

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ลงนามบันทึกความร่วมมือสนับสนุนวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ส่งออกระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 3 แห่ง คือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) แก่ผู้ส่งออก 23 สมาคม เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง
         

\”ขณะนี้ภาคเอกชนประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจึงต้องร่วมมือกันหาแหล่งเงินกู้เสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกของไทยมีสภาพคล่องในการผลิต และส่งออกสินค้า เกิดการจ้างงานต่อเนื่อง คนงานจะได้ไม่ถูกเลิกจ้าง และมีมูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่\” นางพรทิวา กล่าว
         

ส่วนความคืบหน้าการขอคืนภาษีมุมน้ำเงินเพื่อกระตุ้นภาคการส่งออกนั้น กระทรวงพาณิชย์ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมเอกสารและศึกษารายละเอียดผลดีผลเสียให้รอบด้าน เพราะเรื่องนี้ละเอียดอ่อนและมีข้อมูลมากจึงต้องหารือกับกระทรวงการคลังให้รอบด้านก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
         

 นายประดิษฐ์  ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวว่า หลักการเรื่องการขอคืนภาษีมุมน้ำเงินนั้น กระทรวงการคลังไม่ขัดข้อง เพื่อกระตุ้นภาคการส่งออก แต่การช่วยเหลือผู้ส่งออกต้องพิจารณาลงลึกทุกด้าน และต้องดูผลกระทบด้านอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ทำให้ภาคธุรกิจมีสภาพคล่องหรือเกิดการจ้างงาน หรือเกิดการลงทุนมากน้อยเพียงใด เพราะรัฐบาลมีงบประมาณที่จำกัด โดยในปีนี้คาดว่ารายได้จะหายไปถึง 250,000 ล้านบาท

อ่านต่อที่ : พณ.ประสาน 3 แบงก์รัฐปล่อยกู้ส่งออก

แบงก์อิสลาม-บสย.ค้ำประกันเงินกู้SME พฤษภาคม 13, 2009

แบงก์อิสลาม-บสย.ค้ำประกันเงินกู้SME

นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการให้ระบบการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นมาตรการเสริมเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยธนาคารได้เข้าร่วมโครงการความร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้แก่ผู้ขอสินเชื่อ ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme โดยมอบวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ ให้แก่ธนาคารและสถาบันการเงินทุกแห่งรวม 30,000 ล้านบาท ในการนำไปจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้กับ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สำหรับการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้เอสเอ็มอีที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ สามารถเข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. และสามารถมาขอสินเชื่อกับธนาคารอิสลามฯ ได้ โดยเอสเอ็มอีแต่ละรายจะได้รับการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 20 ล้านบาท
อ่านต่อที่ : แบงก์อิสลาม-บสย.ค้ำประกันเงินกู้SME

ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท พฤษภาคม 13, 2009

ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท

ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 7 พ.ค.- นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการให้ระบบการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นมาตรการเสริมเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยธนาคารได้เข้าร่วมโครงการความร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้แก่ผู้ขอสินเชื่อ ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme โดยมอบวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ ให้แก่ธนาคารและสถาบันการเงินทุกแห่งรวม 30,000 ล้านบาท ในการนำไปจัดสรรวงเงินค้ำประกันให้กับ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สำหรับการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้เอสเอ็มอีที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ สามารถเข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. และสามารถมาขอสินเชื่อกับธนาคารอิสลามฯ ได้ โดยเอสเอ็มอีแต่ละรายจะได้รับการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 20 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ธนาคารอิสลามฯ จับมือ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เอสเอ็มอี 30,000 ล้านบาท

เอเอซีพีลุยขายประกันในงานมันนี่เอ็กซ์โป พฤษภาคม 13, 2009

เอเอซีพีลุยขายประกันในงานมันนี่เอ็กซ์โป

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต เปิดเผยว่า อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.เข้าร่วมงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 9 MONEY EXPO 2009 ในวันที่ 7-10 พฤษภาคม 2552 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์      

โดยได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ขายดีมานำเสนอในงานเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดของงานที่จัดภายใต้แนวคิด “สร้างทุน สร้างสุข สนุกกับชีวิต: Let Life Have Fun(d)” ที่มุ่งนำเสนอบริการทางการเงินและการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจและความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงชีวิต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น 
 
ทั้งนี้ การประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นด้วยเหตุผล 4 ประการ คือ 1) มีความเสี่ยงต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรือการซื้อกองทุน 2) ให้ผลตอบแทนดี เพราะมีแบบประกันชีวิตหลายแบบที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากธนาคาร 3) ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี ตามกฎเกณฑ์ของกรมสรรพากรที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตให้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท และ 4) เป็นการลงทุนแบบเดียวที่ให้ความคุ้มครองชีวิต เพื่อเป็นหลักประกันของครอบครัวหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

“การออมเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจหรือเหตุการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ทุกครอบครัวควรมีหลักประกันที่มั่นคงสำหรับการดำเนินชีวิต และในชีวิตของคนเราก็มี 2 หลักประกันที่สำคัญ คือ เงิน และ สุขภาพ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. จึงเลือกผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุดมานำเสนอร่วมกันเพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับทุกจังหวะชีวิต คือ เอเอซีพี มาย แพลน ที่เป็น “หนึ่งเดียวในตลาดที่ให้ลูกค้าเลือกระยะเวลาออมเงินและระยะเวลาคุ้มครองได้ตามจังหวะชีวิตของตน ประกันโรคมะเร็ง ที่ให้ความคุ้มครองทั้งก่อนระยะลุกลามและระยะลุกลาม ซึ่งมะเร็งเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ฮิตที่สุดของบริษัทฯในเวลานี้คือ อยุธยาทรัพย์เพิ่มพูน 10/3” นางสาวพัชรา กล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอภายในงาน Money Expo 2009 ประกอบด้วย เอเอซีพี มายแพลน (มีเงินปันผล) ที่มีแบบประกันให้เลือกมากถึง 216 แบบ ให้ลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาออมเงินและระยะเวลาคุ้มครองได้เอง ด้วยระยะเวลาคุ้มครองให้เลือกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 25 ปี และมีระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 5 ปี จนถึงระยะเวลาที่คุ้มครองสูงสุด 25 ปี ทุนประกันขั้นต่ำเริ่มที่ 50,000 บาท สำหรับลูกค้าอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ถึงสูงสุด 70 ปี พร้อมรับผลตอบแทนเป็นเงินครบกำหนดสัญญาสูงถึง 180% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองโรคมะเร็ง ที่มอบความคุ้มครองโรคมะเร็งทั้งก่อนระยะลุกลามครอบคลุมไปจนถึงระยะลุกลาม เบี้ยประกันภัยเฉลี่ยเพียงวันละไม่ถึง 3 บาท รับความคุ้มครองสูงถึง 1,000,000 บาท โอกาสได้รับความคุ้มครองถึง 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

อยุธยาทรัพย์เพิ่มพูน 10/3 (มีเงินปันผล) มีระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 3 ปี ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี เปิดโอกาสให้ได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่า เพราะนอกจากเงินจ่ายคืนแน่นอน 2% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1- 9 และ เงินครบกำหนดสัญญา 122% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมยังเปิดโอกาสให้ได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมทุกปีอย่างไม่จำกัดในรูปแบบของเงินปันผลที่คาดว่าจะจ่ายรายปี และเมื่อครบกำหนดสัญญา

นอกจากนี้ในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2552 เวลา 11.00 – 12.30 น. ยังจะมีการสัมมนาในหัวข้อ “เพิ่มมูลค่าเงินในกระเป๋า” อีกด้วย

อ่านต่อที่ : เอเอซีพีลุยขายประกันในงานมันนี่เอ็กซ์โป

กษ.เล็งใช้ระบบประกันราคาสินค้าเกษตรแทนการรับจำนำ พฤษภาคม 13, 2009

กษ.เล็งใช้ระบบประกันราคาสินค้าเกษตรแทนการรับจำนำ
หน้าแรกผู้จัดการ Online | เกาะติดสถานการณ์

เกาะติดสถานการณ์ เศรษฐกิจ

ShowMemberLite()

กษ.เล็งใช้ระบบประกันราคาสินค้าเกษตรแทนการรับจำนำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 13:05 น.

       นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำเกิดขึ้นทุกฤดูกาล ส่วนใหญ่เกิดจากสินค้าล้นตลาด และปัญหาด้านคุณภาพ โดยมีกระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ ในการหามาตรการรับมือปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ
        อย่างไรก็ตามคาดว่า ผลผลิตผลไม้ของภาคตะวันออก จะลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ในแต่ละจังหวัด จะทำหน้าที่ประสานงานมายังส่วนกลาง เพื่อหาทางแก้ไข เช่น ให้ความช่วยเหลือด้านการขนส่ง สนับสนุนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับการรับซื้อสินค้า เป็นต้น
        ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรฯ เตรียมเริ่มจัดกระบวนการประกันราคา แทนการรับจำนำ โดยจะคำนวณต้นทุนการผลิต และกำไร แจ้งให้เกษตรกรทราบล่วงหน้าว่า จะผลิตสินค้าชนิดนั้นมาขายหรือไม่ และขายสินค้าไปตามกลไกตลาด เพื่อให้เกษตรกรมีส่วนร่วมตามแผนที่วางไว้อย่างโปร่งใส
        นายธีระ กล่าวแนะนำให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนประเภทการผลิตสินค้าเกษตรกับกระทรวงฯ เพื่อให้ทราบปริมาณผลผลิตแต่ละชนิด และสามารถพยากรณ์จำนวน และส่วนแบ่งตลาดให้ถูกต้อง

อ่านต่อที่ : กษ.เล็งใช้ระบบประกันราคาสินค้าเกษตรแทนการรับจำนำ

เตือนผู้ประกันตนรีบรับเช็คช่วยชาติก่อน 15 มิ.ย.นี้ พฤษภาคม 13, 2009

เตือนผู้ประกันตนรีบรับเช็คช่วยชาติก่อน 15 มิ.ย.นี้
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกภูมิภาค | ภาคเหนือ

ShowMemberLite()

เตือนผู้ประกันตนรีบรับเช็คช่วยชาติก่อน 15 มิ.ย.นี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 10:58 น.

       พะเยา – ประกันสังคมพะเยา ให้ผู้ประกันที่ยังไม่มารับเช็คช่วยชาติ ให้มารับภายในวันที่ 15 มิ.ย. ก่อนส่งเช็คคืน พร้อมเตรียมจ่ายเช็คงวดที่ 4 ตั้งแต่ 19 พ.ค.นี้
       
       นางสาวเพ็ญประภา วงศ์วานรุ่งเรือง ประกันสังคมจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน และบุคลากรภาครัฐ หรือเช็คช่วยชาติ โดยจังหวัดพะเยามีผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์ 17,654 คน ซึ่งมีผู้ประกันตนมารับเช็คช่วยชาติทั้ง 3 งวด แล้ว จำนวน 14,692 คน เป็นเงิน 29,384,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 98.55 % แต่ขณะนี้ ยังมีเช็คช่วยชาติที่ยังไม่ได้จ่ายอีก จำนวน 216 ฉบับ รวมเป็นเงิน 432,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา
       
       นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกันตน ตามมาตร 33,38 และมาตร 39 ที่ยังไม่ได้แจ้งสิทธิ์ของรับเช็ค จำนวน1,284 ฉบับ เป็นเงิน 2,568,000 บาท ซึ่งสามารถมายื่นขอรับเงินได้ ในงวดที่ 4 ใน วันที่ 19 พ.ค.นี้
       
       นางสาวเพ็ญประภา กล่าวว่า ผู้ประกันตนสามารถมาตรวจสอบรายชื่อและขอรับเช็คได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพะเยา จนถึงวันที่ 15 มิถุนายนนี้ หากผู้ประกันตนไม่สะดวกในการเดินทางมารับ สามารถมอบอำนาจให้ญาติพี่น้องมารับแทนได้
       
       ซึ่งหากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ทางสำนักงานประกันสังคมจะถือว่าผู้ประกันตนได้สละสิทธิ์ในการขอรับเช็ค และส่งเช็คที่เหลือกลับคืนเข้าคลังจังหวัด เพื่อเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
       
       ทั้งนี้ ผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพะเยา โทรศัพท์ 054-484001ถึง2 หรือ 081-4982419

อ่านต่อที่ : เตือนผู้ประกันตนรีบรับเช็คช่วยชาติก่อน 15 มิ.ย.นี้