jump to navigation

เตือนประเทศปล่อยก๊าซเรือนกระจกชะตาโลกขึ้นอยู่กับการแก้โลกร้อน พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: ,
add a comment

เตือนประเทศปล่อยก๊าซเรือนกระจกชะตาโลกขึ้นอยู่กับการแก้โลกร้อน
       ที่ประชุม Major Economies Forum (เอ็มอีเอฟ) ซึ่งเป็นเวทีให้รัฐมนตรีจากประเทศที่เมื่อรวมกันแล้วทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด มาประชุมร่วมกันที่กรุงปารีสเมื่อวันจันทร์ (25) กล่าวเตือนว่า “ชะตากรรมของโลก” อาจขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
       
       การประชุมเอ็มอีเอฟมีขึ้นก่อนที่สหประชาชาติจะจัดประชุมเพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกนในเดือนธันวาคมปีนี้
       
       “ชะตากรรมของโลกอาจมีเดิมพันอยู่ที่การประชุมที่โคเปนเฮเกน” ฌ็อง-หลุยส์ บอร์ลู รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศสกล่าวในการเปิดการประชุมเอ็มอีเอฟซึ่งมีกำหนดการสองวัน
       เขายังกล่าวตอบโต้ผู้ที่ตั้งข้อสงสัยว่าจะสนธิสัญญาดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจโลกทรุดลงไปอีกด้วยว่า “สนธิสัญญาโคเปนเฮเกนไม่ใช่วิสัยทัศน์แบบถอยหลังเข้าคลอง นี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการเติบโตเชิงลบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาเรื่องคาร์บอนที่เข้มแข็ง ยั่งยืน และรอบคอบ”
       
       ทั้งนี้ การประชุมกรอบโครงสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอฟซีซีซี) ณ กรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งจะมีประเทศที่เข้าร่วม 192 ประเทศ มีเป้าหมายที่จะรักษาข้อตกลงในเรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกและป้องกันประเทศยากจนซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด สนธิสัญญาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังปี 2012 เมื่อข้อตกลงตามพิธีสารเกียวโตหมดอายุลงแล้ว
       
       อย่างไรก็ตาม การเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญาดังกล่าวก็ซับซ้อนและมีอุปสรรคอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเอ็มอีเอฟจึงพยายามที่จะหาข้อตกลงพื้นฐานร่วมกันในหมู่ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกก่อน จากนั้นจึงให้ยูเอ็นเอฟซีซีซีรับรองต่อไป อีกทั้งเอ็มอีเอฟจะเจรจาในเรื่องการสนับสนุนด้านการเงินและการโอนย้ายเทคโนโลยีสะอาด

อ่านต่อที่ : เตือนประเทศปล่อยก๊าซเรือนกระจกชะตาโลกขึ้นอยู่กับการแก้โลกร้อน

“มาร์ค”ชี้ไม่เลิกขัดแย้งปฏิรุปการศึกษาล่ม พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in คุณภาพชีวิต.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

“มาร์ค”ชี้ไม่เลิกขัดแย้งปฏิรุปการศึกษาล่ม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ทิศทางและนโยบายของรัฐบาลต่อการปฏิรูปการศึกษารอบสอง” เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่สโมสรทหารบก ว่า ขณะนี้สังคมตั้งคำถามว่า การปฏิรูปการศึกษาในปี 2542 ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว และคงคิดว่าการปฏิรูปในรอบใหม่นี้ จะนำไปสู่ปัญหาความยุ่งยากหลายสิ่ง ซึ่งตนมองว่าการปฏิรูปการศึกษา เป็นปัญหาใหญ่พอ ๆ กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถึงแม้จะ  มีการปรับแก้แล้ว แต่ก็ยังจับไม่ถูกจุด ซึ่งการปฏิรูปการศึกษาเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีความสำเร็จในหลายด้าน แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของสังคม และในบางด้านอาจจะยังหลงทาง หรือ เดินวนเวียนอยู่ อาทิ การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา เรื่องการเรียนฟรี ก็มีเสียงบ่นอยู่ว่า ยังไม่ฟรีจริง โดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญ คือ คุณภาพการศึกษา ที่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไทยในแต่ละช่วงชั้นยังคงเป็นที่น่าผิดหวัง ดังนั้นสิ่งที่ท้าทายในการปฏิรูปการศึกษารอบใหม่ คือ สำรวจว่าการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมามีจุดใดบ้างที่ยังล้มเหลว ไม่ก้าวหน้า เพื่อนำมาแก้ไขให้ตรงจุด และทำให้การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนและแท้จริง
 
“ผมอยากให้ผู้เกี่ยวข้องนำบทเรียนจากการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมา เป็นแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหม่ โดยเฉพาะปัญหาที่เมื่อมีการเดินหน้าการปฏิรูปกันจริง ๆ กลับไปเสียเวลาถกเถียง และขัดแย้งกัน ในเรื่องที่ไม่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการศึกษา เช่น การปรับโครงสร้างหน่วยงาน เป็นต้น เพราะถึงแม้วันนี้โครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ จะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่เนื้อหาหรือระบบการบริหารกลับไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นในการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ ไม่ว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านใด อาทิ การปรับโครงสร้าง หรือการตั้งหน่วยงานใหม่  แต่สิ่งจำเป็นที่สุดต้องมองถึงเป้าหมายสุดท้ายว่า ทั้งหมดคือเครื่องมือในการสร้างคุณภาพให้เกิดขึ้นในวงการศึกษา เพราะตราบใดที่ยังก้าวไม่ พ้นจุดนี้ ต่อให้ปฏิรูปกันกี่รอบก็เสียดายเวลาเปล่า” นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในสังคมการศึกษาจะต้องเอาชนะแรงเฉื่อย และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิม ๆ
 
ด้าน ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อดีต รมว. ศึกษาธิการ กล่าวว่า การปฏิรูปรอบสองควรเป็นการปรับแต่งในสิ่งที่เป็นปัญหาในการปฏิรูปรอบแรกให้ดี และทันสมัยขึ้น รวมถึงเติมเต็มสิ่งที่ขาดอยู่ โดยมุ่งพัฒนาปัจจัยคุณภาพทุกด้าน และให้ประชาชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ภายในระยะเวลา 8 ปี จากปัจจุบันการศึกษาเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 8.2 ปี รวม  ถึงพัฒนาตัวผู้เรียนให้มีความพร้อม ซึ่งควรดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และสิ่งสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนที่ถือว่าขาดไปมาก คือ เรื่องคุณธรรมที่ต้องเร่งปลูกฝังอย่างจริงจัง.

อ่านต่อที่ : “มาร์ค”ชี้ไม่เลิกขัดแย้งปฏิรุปการศึกษาล่ม

สับระบบแรงกิงเอทีพี สุดโหด-ไม่ยุติธรรม พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in กีฬา.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

สับระบบแรงกิงเอทีพี สุดโหด-ไม่ยุติธรรม

ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสมือ 1 โลกชาวสเปน เห็นตรงกับ โนวัก ยอโควิช ว่า ระบบป้องกันแต้มในปีก่อน ควรมีการเปลี่ยนแปลง หลังหนุ่มเซิร์บเสียตำแหน่งมือ 3 ของโลกให้ แอนดี เมอร์เรย์ ทั้งที่คว้าแชมป์ที่ 2 ของปี และเข้าชิงฯ มาสเตอร์ ซีรีส์ 3 รายการ

“ผมคิดว่าระบบจัดอันดับที่อิงจาก 2 ปีน่าจะดีกว่ามากในแง่ของความรู้สึกผ่อนคลาย และจะทำให้ผมเล่นอาชีพได้นานขึ้น” นาดาล กล่าวหลังชนะ เจอร์เกน เมลเซอร์ (ออสเตรีย) 6-3, 6-1 รอบสอง มาดริด มาสเตอร์ส

ระบบปัจจุบันนักหวดจะต้องป้องกันแต้มที่พวกเขาทำได้ในสัปดาห์เดียวของปีก่อนหน้า ซึ่งแชมป์ทำได้แค่รักษาแต้ม เพิ่มไม่ได้

“เฟเดอเรอร์ และนาดาล คว้าแชมป์ 4 ใน 5 แกรนด์สแลม ติดต่อกัน แต่กลับไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของระบบคิดคะแนนในกีฬานี้” ยอโควิช กล่าวหลังชนะ ออสการ์ เฮอร์นานเดซ (สเปน) 6-3, 6-3 และประกาศจะทวงมือ 3 คืนกลับมา

อ่านต่อที่ : สับระบบแรงกิงเอทีพี สุดโหด-ไม่ยุติธรรม

บอร์ดอสมทยืดรับสมัครเอ็มดีรอบ2 พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

บอร์ดอสมทยืดรับสมัครเอ็มดีรอบ2

นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) วานนี้ (14 พ.ค.) มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสรรหา เสนอให้มีการขยายเวลาเปิดรับสมัครกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท อีกเป็นครั้งที่ 2 ระยะเวลา 1 เดือน  ระหว่างวันที่ 15 พ.ค.-15 มิ.ย.2552  โดยคงหลักเกณฑ์และคุณสมบัติผู้สมัครเหมือครั้งแรก หลังจากนั้นคาดว่าจะดำเนินการสรรหา และคัดเลือกได้ภายในเดือน ก.ค.นี้

การขยายเวลาเปิดรับสมัครในครั้งนี้ เพราะเห็นว่าการเปิดรับสมัครครั้งแรก เกิดขึ้นหลังจากบอร์ดชุดเดิม มีมติให้ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ยุติการทำงาน ด้วยเหตุผลไม่สามารถทำงานกับบอร์ดชุดเดิมได้ โดยไม่มีเหตุผลเรื่องตัวชี้วัดการปฏิบัติงาน (KPI) มาประเมิน ซึ่งเชื่อว่าทำให้มืออาชีพที่ต้องการเข้ามาสมัครในตำแหน่งนี้ ไม่มั่นใจการทำงานร่วมกับบอร์ด หากเกิดการเปลี่ยนแปลงบอร์ดชุดใหม่

“แม้บอร์ดใหม่ อสมท 5 คน ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลปัจจุบัน แต่บอร์ดชุดนี้ มีกรรมการที่มาจากรัฐบาลทั้ง 3 ชุด และขอยืนยันว่า จะประเมินการทำงานของ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จากผลงานการบริหารจาก KPI เท่านั้น โดยไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง” นายสุรพล กล่าว

นอกจากนี้ยังยืนยันว่าการขยายเวลารับสมัครไม่มี “ใบสั่ง” ทางการเมือง หรือมีการล็อกสเปคบุคคล รัฐบาลชุดนี้เพียงแต่ขอให้กำกับดูแล อสมท ให้เป็นองค์กรสื่อมืออาชีพ ที่มีคุณภาพของประเทศเท่านั้น โดยผู้สมัครทั้ง 14 คนเดิม  ยังคงได้รับสิทธิในการรับการสรรหาเหมือนเดิม

เรียกค่าเสียหายทรูก่อนแก้สัญญาโฆษณา

นายสุรพล กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการพิจารณาเรื่อง การแก้สัญญา ทรูวิชั่นส์ มีโฆษณา ที่บอร์ดชุดเดิม ได้มีมติเห็นชอบให้แก้สัญญาให้มีโฆษณาไปแล้ว และแบ่งผลประโยชน์รายได้ให้ อสมท ในอัตรา 6.5% ซึ่งเรื่องดังกล่าวบอร์ดชุดนี้ ไม่มีความเห็นขัดแย้ง โดยขั้นตอนการแก้สัญญากำลังอยู่ระหว่าง อัยการ ตรวจพิจารณาร่างสัญญา ก่อนที่จะส่งกลับมาให้ อสมท เพื่อดำเนินการเซ็นสัญญากับทรูวิชั่นส์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม บอร์ดได้มีการพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท ทำหนังสือร้องเรียน ในประเด็นความเสียหายของ อสมท กับคู่สัญญา ทรูวิชั่นส์ ในหลายกรณี ที่บอร์ดชุดเดิม ไม่ได้นำมาพิจารณา ไปพร้อมกับการแก้สัญญา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการนำบริษัททรูวิชั่นส์ ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ทั้งที่สัญญาระบุให้ทรูวิชั่นส์ จดทะเบียนในตลาดฯ และ อสมท จะต้องเป็นผู้ถือหุ้นบางส่วน, การที่ทรูวิชั่นส์ไม่โอนอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ตามที่ระยะเวลาสัญญากำหนด หรือการที่ทรูวิชั่นส์มีโฆษณาในบางช่องรายการ โดยอ้างตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่ระบุให้ เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียมมีโฆษณาได้ แต่ไม่ได้จัดสรรรายได้ให้ อสมท โดยบอร์ดชุดเดิมเห็นว่าประเด็นเหล่านี้ เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร

แต่บอร์ดชุดนี้เห็นว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องกัน จึงต้องการแก้ปัญหาก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญา เบื้องต้นมีการรายงานว่า ได้มีคณะทำงานของ อสมท เจรจา กับทรูวิชั่นส์ เรื่องการชดเชยค่าเสียหายไว้แล้ว  โดยทรูวิชั่นส์ยินดีจ่ายค่าชดเชยดังกล่าว

นอกจากนี้บอร์ดได้มีมติยุบคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ จากเดิมที่มี 13 ชุด ให้เหลือ 6 ชุด  เนื่องจากบางส่วนทำงานซ้ำซ้อนกัน

อ่านต่อที่ : บอร์ดอสมทยืดรับสมัครเอ็มดีรอบ2

บิ๊กจิ๋วออกสมุดปกขาวสอนน้องบิ๊กทหาร พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

บิ๊กจิ๋วออกสมุดปกขาวสอนน้องบิ๊กทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการทหารบก ได้จัดทำหนังสือเรื่อง “ยุทธศาสตร์แก้ไขความขัดแย้ง” ปกสีขาวแจกจ่าย เนื่องในโอกาสวันเกิดครบรอบ 77 ปี เมื่อวันที่ 15 พ.ค.โดยรวมรวมคำบรรยายตั้งแต่ปี 2523 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความขัดแย้งในประเทศ ถึงขั้นใช้อาวุธเข้าต่อสู้กัน จนกระทั่งแก้ไขปัญหายุติความขัดแย้งลงได้ด้วยการที่ทำความเข้าใจกับผู้ที่หนีเข้าป่าไปอยู่ภายใต้การดูแลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งสงครามครั้งนั้นไม่มีผู้แพ้ ผู้ชนะ

พล.อ.ชวลิต กล่าวในบทนำว่า อยากให้ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง นำคำบรรยายของตนเองไปใช้ให้เป็นประโยชน์ และประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างเผด็จการ คอมมิวนิสต์และประชาธิปไตย ซึ่งตกค้างมากว่า 20 ปีที่แล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาในอดีตทำได้ด้วยความปรารถนาดีและหวังดีของคนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน และความกล้าหาญของพี่น้องทุกฝ่าย ด้วยความสามารถของรัฐบาลในยุคนั้น และที่สำคัญสูงสุดคือด้วยบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ และ พระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ทำให้ประเทศชาติหลุดพ้นจากภัยพิบัติในยุคนั้นมาได้

บทนำบอกด้วยว่า  ปัจจุบันสถานการณ์ความขัดแย้งเริ่มครุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีฝ่ายต่างๆ เผชิญหน้าแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ ประชาชน มุ่งเอาประชาชนเป็นเครื่องมือ ทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนเป็นอย่างมาก กองทัพซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการรักษาความมั่นคงของชาติ ควรจะยึดหลักให้มั่น คิดถึงความมั่นคงของชาติ ศาสน์ และ พระมหากษัตริย์เป็นหลัก เนื่องจากกองทัพไทยเป็นสถาบันคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณ โดยผ่านวิวัฒนาการและทำการต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาและค้ำจุนชาติมาทุกยุคทุกสมัย ได้รับบทเรียนทั้งในทางที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อชาติบ้านเมืองอย่างมากมาย

ทหารในกองทัพต้องมีความสำนึกอยู่เสมอว่า กองทัพเป็นของประชาชน ทุกสิ่งที่กองทัพกระทำ ต้องกระทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ และเจ้าของกองทัพ โดยกองทัพจะต้องมีอุดมการณ์และมีจุดยืนประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ เป็นองค์ประมุขแห่งรัฐ บทบาทของกองทัพที่มีต่อการเมือง หรือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในอันที่กองทัพจำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเฉพาะในห้วงระยะเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้น จะตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชนเสมอ โดยกองทัพจะร่วมมือกับฝ่ายพลเรือนเพื่อสร้างความสมัครสมานสามัคคีไม่แบ่งแยกในอันที่จะพัฒนาระบอบการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ คือระบอบการปกครองที่จะทำให้ประชาชนแผ่นดินนี้ มีความสำนึกว่าเขาเป็นเจ้าของแผ่นดิน และได้รับผลประโยชน์จากประเทศนี้อย่างเป็นธรรม กองทัพจึงต้องทำให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในสิ่งที่ทำ และ มีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของกองทัพอย่างแท้จริง

ในคำบรรยาย เรื่อง “ทหารกับประชาธิปไตยไทย” ในช่วงปี 2531 มีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า สถานการณ์ตอนนั้น กองทัพเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และเป็นประชาธิปไตยพอสมควรทีเดียว มีแนวโน้มเป็นกองทัพของประชาชน ดังที่กองทัพได้แสดงเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาคอมมิวนิสต์ตลอดมา กองทัพเป็นของประชาชน มาจากประชาชน และกองทัพเป็นมิตรของประชาชนและศัตรูของคอมมิวนิสต์ กองทัพนั้นเป็นได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง 2 อย่างคือ กองทัพเป็นของเผด็จการ (เป็นของคนส่วนน้อย) หรือกองทัพเป็นของประชาชน เพราะว่าระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นการปกครองของประชาชน

“บทบาทของกองทัพในห้วงระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงนั้น กองทัพเข้าใจดี และ มิได้คิดที่จะไปมีบทบาทในลักษณะไปยึดอำนาจในการปกครองประเทศมาเป็นของกองทัพเลยแม้แต่น้อย บางคนอาจมองว่าทหารต้องการปกครองประเทศ ทหารต้องการทุกสิ่งทุกอย่าง ทหารเป็นเทวดา ฯลฯ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทหารกลับคิดว่าทำอย่างไรจึงจะให้ระยะเปลี่ยนแปลงนั้นมันสั้นที่สุด ทำอย่างไรจึงจะถอนตัวออกมาให้เร็วที่สุด ประเทศชาติจะได้เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุขแห่งรัฐเท่านั้น เพราะเป็นระบอบที่เหมาะสมกับสังคมไทย และประชาชนไทยต้องการ จึงสรุปได้ว่าทหารหรือกองทัพไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปผูกพันทางการเมืองตลอดไป การผูกพันที่เป็นอยู่เป็นการผูกพันในห้วงระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น”

ในหนังสือได้นำเอกสาร ลับ บันทึกคำบรรยาย เรื่อง นโยบายและแนวทางการต่อสู้ในเมืองเพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ที่หอประชุมกิตติขจร เมื่อวันที่ 23 ธค. 23 มาตีพิมพ์ในท้ายของหนังสือด้วย โดยส่วนใหญ่ได้พูดถึง นโยบาย 66 / 23 พร้อมตบท้ายว่า เราจะบรรลุผลสำเร็จในการแก้ปัญหาของชาติได้เพียงใด ขึ้นอยู่กับทุกคน ว่าจะดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาทของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ที่ทรงถือว่า “ ทุกข์ของราษฎร ทุกข์ของชาติ คือทุกข์ของแผ่นดิน” หรือไม่เพียงใด

อ่านต่อที่ : บิ๊กจิ๋วออกสมุดปกขาวสอนน้องบิ๊กทหาร

ล้างสารพัดล้าง พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in คุณภาพชีวิต.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ล้างสารพัดล้าง

คมชัดลึก : ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือระดับอธิบดี ปลัดกระทรวง คำพูดที่เราได้ยินจากสื่อก็คือ…ย้ายล้างบาง เด้ง ดัน ดึง สวม

 คำเหล่านี้ได้ยินจนชาชิน แล้วก็เลยลืมนึกถึงอะไรๆ อีกหลายอย่าง ที่เป็นผลดีผลร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า… “ล้าง”

 ล้าง เป็นกริยาที่ทำให้สิ่งสกปรกหมดไป และเพื่อทำความสะอาด ตกแต่งสิ่งดีๆ ให้เกิดใหม่
 แต่คำนี้ก็มีการใช้ที่มีความหมายไม่ตรงกับหน้าที่ “ล้าง” ทุกครั้งไป เช่น ล้างตา คือ เมื่อมีผงเข้าตา หรือตาฝ้าฟาง

 ล้างทุจริต คือ การที่มีคนกระทำทุจริตกันมาก แล้วก็เกิดมีคนสุจริตเห็นว่า จะเป็นความหายนะแก่บุคคล และองค์กร ก็ตั้งกระบวนการจับทุจริต นำคนทำผิดมาลงโทษ    เมื่อกระทำได้สำเร็จแล้ว ชื่อว่า “ล้างทุจริต”

 ล้างกรรม ล้างบาง ล้างกระทรวง คือ การที่ในองค์กรนั้นๆ เปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชา เพื่อต้องการทำการกำจัดคนเก่าออกไป ต้องการนำคนใหม่ของตนเข้ามา จึงต้องมีการโยก และ ย้าย อย่างขนานใหญ่ อย่างนี้เรียกว่า “ล้างกรรม ล้างบาง ล้างกระทรวง

 ล้าง มีสารพัด ที่จะกล่าวถึง แต่สำหรับการล้างบางนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องคำนึงนึกถึงให้จงหนักว่า ทำเพื่อใคร ? และ ทำเพื่ออะไร ?

 และต้องเข้าใจเสมอว่า ผู้ที่จะล้างนั้น จะต้องสะอาดกว่าผู้ที่ถูกล้าง ถ้าผู้ที่ถูกล้างสะอาด แต่ผู้ล้างเลวกว่า สกปรกกว่า คนดูเขาก็จะสงสารคนที่ถูกล้าง คือ ถูกเด้ง ย้าย ปลด   แล้วคนดูเขาก็จะสมเพชการกระทำของที่ล้างบาง  นอกจากสมเพชแล้ว ก็จะพากันสาปแช่งสาปส่ง

 คนเราถ้าถูกคนดีมีศีลธรรมเขาสาปแช่งสาปส่ง โดยที่ตนเองไม่รู้ตัว ความวิบัติที่เกิดก็จะเกิดโดยไม่รู้ตัว ทั้งแก่ตัวเอง ครอบครัว พรรคพวก

 ข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ต้องตระหนักในความสุจริต ในการปฏิบัติหน้าที่ให้มั่นคง อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

 ข้าราชการประจำก็ควรคิดว่า “เราเป็นคนของพระราชา” จะต้องไม่เบียดเบียนข้าราชการประจำที่ดี ต้องรู้ว่า  “คนมาจากประชาชน” แล้วจึงมาเป็น “คนของพระราชา”

 การย้าย การโยก การยืน
 การยืน ในความเป็นข้าราชการนั้น  ขอให้ท่านผู้เป็นข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำ พึงสังวรระวัง “คนมหาภัย” ในองค์กรนั้นๆ

 คนมหาภัยจำพวกนี้ เขามีคำพูดติดปากอยู่ ๕ คำ คือ “ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย ฉิบหายผมหนี ได้ดีผมกลับ หมดทรัพย์ผมทิ้ง”

“พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ)”

อ่านต่อที่ : ล้างสารพัดล้าง

นายกฯ ชี้การศึกษาไทยไม่รุดหน้า ยังเดินวน-หลงทาง พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

นายกฯ ชี้การศึกษาไทยไม่รุดหน้า ยังเดินวน-หลงทาง

นายกฯ ชี้การศึกษาไทยไม่รุดหน้า ยังเดินวน-หลงทาง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ทิศทางและนโยบายของรัฐบาลต่อการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ว่า รัฐบาลมีนโยบายที่เน้นหนักไปในเรื่องของการกระจายโอกาสทางด้านการศึกษาให้ทุกคนมาร่วมสนับสนุน รวมทั้งระบบการศึกษาจะต้องมีการพัฒนาต่อเนื่องสม่ำเสมอให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษาของไทยหลายฝ่ายคงยังไม่พอใจ เนื่องจากไม่ไปไกลอย่างที่คิด ยังเดินวนและหลงทางบ้าง ดังนั้น ต้องใช้ทรัพยากรและสติปัญญาจากหลายฝ่ายเข้ามาช่วยกันทำงานแก้ปัญหา
       

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะเน้นเรื่องโอกาสทางการศึกษา ซึ่งขณะนี้ได้จัดระบบให้เรียนฟรี 15 ปี แต่ยังมีเสียงร้องเรียนฟรีไม่จริง มีปัญหาค้างคาอยู่ แต่คิดว่าเรื่องนี้จะดูแลอย่างเป็นระบบอย่างเต็มที่ โดยผู้เกี่ยวข้องคงจะมีการประมวลเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างตรงจุด และต้องไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ปกครอง ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลจะไปสะสาง

อ่านต่อที่ : นายกฯ ชี้การศึกษาไทยไม่รุดหน้า ยังเดินวน-หลงทาง

“วิมล”ลั่นพร้อมฟัน เชิ้ตดำคิดไม่ซื่อกับอาชีพ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in กีฬา.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

“วิมล”ลั่นพร้อมฟัน
เชิ้ตดำคิดไม่ซื่อกับอาชีพ

คมชัดลึก :เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฟุตบอลไทย ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 “บิ๊กมล” วิมล กาญจนะ อุปนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน ยอมรับมีปัญหาให้ตามแก้ แต่พอใจภาพของความเป็นมืออาชีพเริ่มดีขึ้น ชี้ทุกทีมต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ต้องมีคนเจ็บปวด และได้ประโยชน์ เชื่อไม่เกิน 3 ปี ทุกอย่างจะเข้าที่ ส่วนปัญหาเชิ้ตดำไม่ได้มาตรฐาน ยืนยันใครมีหลักฐานผู้ตัดสินรับเงินใต้โต๊ะ ขอให้แจ้ง พร้อมเขี่ยทิ้งพ้นวงการ

 หลังจากที่การแข่งขันฟุตบอลลีกของไทย ขยับขยายปรับเปลี่ยนแนวทางโดยเฉพาะในลีกดิวิชั่น  ที่กลายเป็นลีกภูมิภาค แข่งขันเพื่อหา 5 แชมป์แต่ละโซนมาฟาดแข้งในระบบลีก หา 3 ทีมขึ้นดิวิชั่น 1 “คม ชัด ลึก” ได้รับการเปิดเผยจาก “บิ๊กมล” วิมล กาญจนะ อุปนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดการแข่งขันว่ามีโอกาสได้เดินทางไปเยี่ยมชมการแข่งขันในสนามต่างๆ ทุกสุดสัปดาห์ พบว่า มีทั้งข้อดีและข้อด้อยที่เราต้องนำมาพัฒนา ซึ่งหลายทีมให้ความร่วมมือดีมาก ในการร่วมกันทำงาน และส่วนตัวพร้อมรับคำติชมเพื่อนำมาพัฒนาฟุตบอลลีกภูมิภาคให้แข็งแกร่งตามวัตถุประสงค์
 “ปีนี้เราสร้างลีกภูมิภาคขึ้นมาเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าย่อมมีทั้งผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ แต่หากเรามีเป้าหมายที่จะพัฒนาฟุตบอลให้เป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้คนไทยทั้งประเทศ ดังนั้นน่าจะเป็นความเจ็บปวดที่เราต้องร่วมกันรับมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ในแต่ละภูมิภาคสามารถมีรายได้จากฟุตบอลอาชีพ ทั้งการขายบัตร ขายของที่ระลึก กลายเป็นว่ามีงานให้คนในชุมชนอย่างน้อยๆ 7-8 เดือนต่อปี ซึ่งนั่นหมายถึงฟุตบอลอาชีพของเราเริ่มมาได้ถูกทาง”
 ประธานจัดศึกดิวิชั่น 2 กล่าวอีกว่า เรื่องปัญหาสนามแข่งขันที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น ในฤดูกาลนี้ เรามีการตรวจสนามทุกแห่ง และยอมรับว่ามีบ้างในบางสนามที่ยังไม่ได้มาตรฐาน แต่เรายอมให้จัดการแข่งขันได้แบบมีข้อแม้ นั่นคือจะต้องเร่งปรับปรุงสนามหลักให้ได้มาตรฐาน และกลับไปใช้แข่งขันโดยเร็ว
 “ขณะเดียวกันปัญหาของผู้ตัดสิน แน่นอนเมื่อใช้คนในภูมิภาค การตัดสินย่อมมีปัญหาบ้าง แต่นี่ถือว่าเราช่วยกันพัฒนากันทั้งระบบ ดังนั้นคงต้องให้เวลา แต่คณะกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขันไม่ได้นิ่งนอนใจ เราพยายามพัฒนาในส่วนนี้เต็มที่ และเรื่องที่ว่ามีบางคนรับเงินนั้น ผมอยากถามว่ามีหลักฐานหรือไม่ หากใครมีหลักฐานว่าผู้ตัดสินรับเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทีมใดทีมหนึ่ง ขอให้นำมาแจ้งผม ผู้ตัดสินคนนั้นจะอยู่ในวงการฟุตบอลไม่ได้”

อ่านต่อที่ : “วิมล”ลั่นพร้อมฟัน
เชิ้ตดำคิดไม่ซื่อกับอาชีพ

พท.ปูดงบอปท.มีพิรุธ บุญจงปัดเลือกปฏิบัติ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in การเมือง.
Tags: , , , , , , , , , ,
add a comment

พท.ปูดงบอปท.มีพิรุธ บุญจงปัดเลือกปฏิบัติ

นายศักดา คงเพชร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การใช้งบประมาณปี 2552 ในส่วนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ส่อว่ามีพิรุธ ถือว่ากระทำการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงงบประมาณโดยไม่ผ่านสภา หลังจากนี้จะขอรวบรวมหลักฐานเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

นายศักดา กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่างบประมาณที่จะใช้ก่อสร้างทางหลวงชนบทในหลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ของพรรคฝ่ายค้านได้ถูกยกเลิก ในขณะเดียวกันพื้นที่รัฐบาลกลับได้รับงบประมาณลงไปครบ

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช. มหาดไทย กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดโครงการที่นายศักดาระบุ เพราะหากเป็นงบประมาณของการก่อสร้างทางหลวงชนบท จะมีการกำกับดูแลโดยกระทรวงคมนาคม

“ไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน เพราะการพิจารณาแต่ละโครงการ คณะกรรมการฯ จะพิจารณาให้งบประมาณในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน” นายบุญจง กล่าว

นายบุญจง กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณของอปท.จะมีการพิจารณาหลายขั้นตอน โดยผู้ที่อนุมัติโครงการ คือคณะกรรมการให้ความเห็นชอบโครงการ แม้แต่ตนเองที่เป็นรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้เป็นกรรมการชุดนี้ จึงไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ และขอเตือนนายศักดาว่า กฎหมายในขณะนี้สส.ไม่สามารถเสนอโครงการได้ เพราะผิดกฎหมาย

อ่านต่อที่ : พท.ปูดงบอปท.มีพิรุธ บุญจงปัดเลือกปฏิบัติ

ข่าวลือ ข่าวจริง กับการซื้อขายหลักทรัพย์ พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in หุ้น.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ข่าวลือ ข่าวจริง กับการซื้อขายหลักทรัพย์

แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ เราจะทราบได้อย่างไรว่าข้อมูลที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือข่าวรั่วในห้องค้า ข่าวลือในเว็บบอร์ดหรือห้องสนทนาในอินเทอร์เน็ตจะเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ ดังนั้นผู้ลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณอย่างมากในการเลือกใช้ข้อมูลต่างๆ ในการตัดสินใจลงทุน เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของผู้ที่จงใจแสวงหาผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ โดยอาศัยข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้องเหล่านั้น

ด้วยเหตุผลข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกจึงให้ความสำคัญ กับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเป็นอย่างมาก โดยต่างตั้งอยู่บนหลัก ของการเปิดเผยข้อมูล (Disclosure-Based) ซึ่งถือว่าผู้บริหาร บริษัทจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลข่าวสารต่อผู้ถือหุ้น (ซึ่งอยู่ในฐานะเจ้าของกิจการ) ให้รับทราบ และในส่วนของทางการเองก็มีการออกกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อกำหนดประเภท และคุณภาพ ของข้อมูลที่ต้องเปิดเผย ทั้งยังมีหน่วยงานกำกับดูแลเรื่องดังกล่าวและบังคับใช้กฎหมาย ตัวอย่างเช่น สำนักงานก.ล.ต.ของ สหรัฐอเมริกาได้สั่งให้บริษัท Hewlett
อ่านต่อที่ : ข่าวลือ ข่าวจริง กับการซื้อขายหลักทรัพย์