jump to navigation

15:39 น. อภิสิทธิ์ขอดูผลการตัดสินคดี “ซูจี”ก่อนกำหนดท่าทีต่อไป พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: ,
add a comment

15:39 น. อภิสิทธิ์ขอดูผลการตัดสินคดี “ซูจี”ก่อนกำหนดท่าทีต่อไป

26 พค. 2552 15:39 น.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ถึงท่าทีของรัฐบาลไทยต่อพม่าลังที่มีการแถลงการณ์กล่าวหาว่าไทยเข้าไปแทรกแซงกิจการภายใน ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์แล้ว ก็ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราทำในฐานะประธานอาเซียนนั้น เป็นการดำรงหลักเกณฑ์ในการทำงาน การออกแถลงการณ์เหมือนในอดีตที่ผ่านมา และได้มีการปรึกษาหารือในช่วงที่มีการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส รมว.ต่างประเทศก็ได้รับทราบ ที่สำคัญสาระแถลงการณ์ของเราก็ยึดตามมติหรือความเห็นของผู้นำอาเซียนที่มีมาก่อนหน้านี้ และอยู่บนพื้นฐานของความปรารถนาดีที่มีต่อพม่า
เมื่อถามว่าแต่ดูเหมือนพม่าจะไม่สนใจคำแถลงการณ์ของอาเซียน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมที่กรุงฮานอยในวันนี้ รมว.ต่างประเทศอาเซียนก็มีการพูดคุยกัน
ต่อข้อถามว่าแต่ในแถลงการณ์ของพม่าระบุว่าไทยเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของพม่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมไปจากที่ผู้นำเคยมีความเห็นร่วมกัน และเคยออกเป็นส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ในอดีต เมื่อถามว่าจะมีการออกแถลงการณ์จุดยืนของอาเซียนเพิ่มเติมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางรมว.ต่างประเทศอาเซียนก็คงมีโอกาสในการปรึกษาหารือกัน ก็คงต้องรอดูพัฒนาการของเหตุการณ์ในพม่า ต่อข้อถามว่าในวันที่ 27 พ.ค.ก็จะเป็นวันสุดท้ายในการตัดสินคดี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องรอดูว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อผลออกมาแล้วก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

อ่านต่อที่ : 15:39 น. อภิสิทธิ์ขอดูผลการตัดสินคดี “ซูจี”ก่อนกำหนดท่าทีต่อไป

“กษิต”ไม่เชื่อคว่ำบาตร/ขับพ้นอาเซียน แก้ปัญหาภายในพม่าได้ พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: ,
add a comment

“กษิต”ไม่เชื่อคว่ำบาตร/ขับพ้นอาเซียน แก้ปัญหาภายในพม่าได้
       นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ครั้งที่ 9 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมอาเซมในวันนี้ จะเดินทางร่วมประชุมอาเซียน-อียูที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม ซึ่งในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะหารือกันอย่างไม่เป็นทางการที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา พูดคุยกันหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องพม่า เนื่องจากมีหลายฝ่ายหวาดหวั่นว่าหากมีการตั้งข้อหากับนางออง ซาน ซู จี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ถึงขั้นติดคุก หลังจากครบกำหนด 6 ปี การกักกันในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ จะส่งผลกระทบกับความมั่นคงในภูมิภาคด้วย เพราะหากพม่ายังไม่มั่นคง ก็จะไม่ได้แก้ไขปัญหาผู้อพยพและปัญหาข้ามแดนอื่นๆ ความปรองดองในพม่า ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงของทั้งพม่า ไทยและภูมิภาคโดยรวม
        ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนที่สนับสนุนประชาธิปไตยในพม่าเรียกร้องให้ขับพม่าพ้นจากสมาชิกอาเซียน หรือใช้การคว่ำบาตรพม่านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การคว่ำบาตรพม่าไม่ใช่ทางออก และผู้ได้รับผลกระทบคือประชาชนพม่า ส่วนการขับพม่าออกจากสมาชิกอาเซียนยิ่งจะทำให้พม่าหันหลังให้โลกมากขึ้น แต่การที่พม่ายังคงเป็นสมาชิกอาเซียนต่อไปจะช่วยให้พม่ามีโอกาสได้เปิดตัวออกสู่โลกภายนอกและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศอื่นๆ แต่ลำพังเพียงอาเซียนคงไม่สามารถที่จะสนับสนุนให้พม่าสามารถบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาประเทศได้ จึงเป็นความรับผิดชอบของประเทศอื่นๆ ที่จะช่วยกันสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพม่า ซึ่งสิ่งที่อาเซียนทำอยู่ไม่ใช่การปกป้องรัฐบาลพม่า แต่เป็นการสนับสนุนให้พม่าเป็นสมาชิกที่รับผิดชอบต่ออาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศ
        รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังเชื่อว่าการมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์และการพูดจากับพม่าอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้เกิดพัฒนาการในทางบวกมากขึ้น แม้ว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่าจะไม่เร็วอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง เพราะการเปลี่ยนแปลงไม่อาจเกิดขึ้นในทันทีทันใดแต่ก็ยังเป็นการก้าวไปข้างหน้าอยู่

อ่านต่อที่ : “กษิต”ไม่เชื่อคว่ำบาตร/ขับพ้นอาเซียน แก้ปัญหาภายในพม่าได้

“นพดล”ซัด”มาร์ค-กษิต”ทำลายสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: ,
add a comment

“นพดล”ซัด”มาร์ค-กษิต”ทำลายสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

"นพดล"ซัด"มาร์ค-กษิต"ทำลายสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวขัดแย้งระหว่างพม่ากับไทย ว่า ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงานก็ทำให้ความสัมพันธ์ของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อย่างพม่าและกัมพูชาต้องเสื่อมทรามลง ทั้งๆที่ไทยเป็นประธานอาเซียน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กลับทำให้เกียรติภูมิของประเทศในฐานะประธานอาเซียนลดลง โดยเฉพาะพฤติกรรมท่าทีของนายกษิตและการออกแถลงการณ์ในเชิงประณามพม่าของนายอภิสิทธิ์ จึงทำให้ถูกมองว่าเป็นการไปยุ่งกิจการภายในพม่า และทำให้พม่าไม่พอใจในที่สุด กังวลว่าในอนาคตจะส่งผลต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่างๆของพม่าและไทย เช่น พม่าอาจไม่ให้ความร่วมมือด้านความปลอดภัยบริเวณแนวตะเข็บชายแดน ทั้งเรื่องคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ปัญหายาเสพติด เป็นต้น ซึ่งคนที่จะเดือนร้อนคือประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน และทำให้ไทยเสียประโยชน์หลายๆ ประการ

“นายกษิตที่มีพฤติกรรมเอาแต่ไล่ล่าทักษิณ จนต่างประเทศเอือมระอา ซึ่งตนเห็นว่านายกษิตควรพิจารณาตัวเองและลาออกจากตำแหน่งโดยเร็ว เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ความสัมพันธ์ของพม่ากับไทยดีมาก ทั้งกรณีที่ไทยช่วยเหลือพม่าจากภัยธรรมชาติพายุนาร์กีส แต่มารัฐบาลชุดนี้กลับทำให้เกิดความเสื่อมทรามทั้งความสัมพันธ์ของพม่าและกัมพูชา จนพูดได้ว่าไม่เคยมียุคไหนที่ประเทศไทยมีความตึงเครียดกับพม่าเท่ากับตอนนี้” นายนพดลกล่าว

อ่านต่อที่ : “นพดล”ซัด”มาร์ค-กษิต”ทำลายสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

19:03 น. กษิตระบุไทยออกแถลงการณ์ซูจีฉบับ 2 ไม่ได้ตอบโต้พม่า พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: ,
add a comment

19:03 น. กษิตระบุไทยออกแถลงการณ์ซูจีฉบับ 2 ไม่ได้ตอบโต้พม่า

26 พค. 2552 19:03 น.

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชีย-ยุโรป(อาเซม) ได้กล่าวถึงการออกแถลงการณ์ของไทยฉบับที่สอง ว่า การดำเนินการเราไม่ได้เป็นการตอบโต้พม่า แต่เป็นการชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื้อหาในถ้อยแถลงการณ์ดังกล่าวก็ไม่ต่างไปจากที่ผู้นำอาเซียนได้พูดคุยกันในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมาในไทย ซึ่งไม่ได้มีอะไรแปลกหรือมีอะไรใหม่ แต่ระหว่างการประชุมมีหลายประเทศชื่นชมไทยในฐานะประธานอาเซียนว่ามีความกล้าหาญที่ได้ออกแถลงการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะหารือกันอย่างไม่เป็นทางการที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา คาดว่าจะมีโอกาสพูดคุยกันหลายเรื่องรวมถึงเรื่องพม่าด้วย
” ขณะนี้มีความหวาดหวั่นกันทำนองว่าถ้ามีการตั้งข้อหากับซูจีถึงขั้นติดคุกคงจะลำบาก พม่าจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบกับความมั่นคงในภูมิภาค แต่ที่เห็นกันอยู่ว่าตราบใดที่พม่ายังไม่มั่นคง ก็จะมีการพัฒนาไม่ได้ ปัญหาผู้อพยพ และปัญหาข้ามแดนอื่นๆ ก็ไม่ได้รับการแก้ไขความปรองดองในพม่าจึงเป็นเรื่องความมั่นคงของทั้งพม่า ไทย และภูมิภาคโดยรวม”นายกษิตกล่าว และว่า เรื่องของนางซูจีไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการพัฒนาเศรษฐกิจพม่าของไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียน เพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยในพม่าที่เรียกร้องให้ขับพม่าพ้นสมาชิกอาเซียน หรือใช้การคว่ำบาตรพม่า นายกษิต กล่าวว่า การคว่ำบาตรพม่าไม่ใช่ทางออก และผู้ได้รับผลกระทบคือประชาชนพม่า ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในความยากลำบากอยู่แล้ว เราไม่ต้องการจะซ้ำเติมประชาชนพม่าด้วยวิธีการเช่นนี้อีก ไทยจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยให้พม่าเดินหน้าตามแผนปรองดองในชาติ เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ส่วนการขับพม่าออกจากสมาชิกอาเซียนยิ่งจะทำให้พม่าหันหลังให้โลกมากขึ้น แต่การที่พม่ายังคงเป็นสมาชิกอาเซียนต่อไปจะช่วยให้พม่ามีโอกาสได้เปิดตัวเองออกสู่โลกภายนอก และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ดีลำพังเพียงอาเซียนไม่สามารถที่จะสนับสนุนให้พม่าสามารถบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาประเทศได้ จึงเป็นความรับผิดชอบของประเทศอื่นๆที่จะช่วยกันสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพม่า
” สิ่งที่อาเซียนทำอยู่ไม่ใช่การปกป้องรัฐบาลพม่า แต
เป็นการสนับสนุนให้พม่าเป็นสมาชิกที่รับผิดชอบต่ออาเซียน และประชาคมระหว่างประเทศ แต่หากการมีปฏิสัมพันธ์กับพม่าอย่างสร้างสรรค์ก็ถูกมองว่าเป็นการปกป้องพม่า เรื่องนี้อาจเป็นเพราะมุมมองที่ต่างกัน ซึ่งก็ไม่ถือเป็นปัญหาเพราะเราย่อมต้องเคารพความเห็นของผู้อื่น อย่างไรก็ดียังเชื่อว่าการมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ และการพูดจากับพม่าอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้เกิดพัฒนาการในทางบวกขึ้น แม้ว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่าจะไม่เร็วอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง เพราะการเปลี่ยนแปลงไม่อาจเกิดในชั่วข้ามคืน แต่เชื่อว่ายังเป็นการก้าวไปข้างหน้าอยู่ ” นายกษิตกล่าว
อ่านต่อที่ : 19:03 น. กษิตระบุไทยออกแถลงการณ์ซูจีฉบับ 2 ไม่ได้ตอบโต้พม่า

อาเซมประณามเกาหลีเหนือ เรียกร้องพม่าปล่อยตัวซูจี พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ต่างประเทศ.
Tags: ,
add a comment

อาเซมประณามเกาหลีเหนือ เรียกร้องพม่าปล่อยตัวซูจี
อาเซมระบุว่า การทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ละเมิดมะติของยูเอ็น

       เอเอฟพี – ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ออกแถลงการณ์ประณามการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนางอองซานซูจี ผู้นำประชาธิปไตยในพม่า
       
       ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซม อันประกอบไปด้วยกลุ่มประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 10 ชาติ กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มองโกเลีย ปากีสถานและอินเดีย เสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ (26) โดยได้ออกแถลงการณ์ประณามการทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดินของเกาหลีเหนือ เมื่อ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา
       
       อาเซมระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ละเมิดข้อตกลง 6 ฝ่ายการปลดอาวุธนิวเคลียร์ และมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้งยังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือไม่ให้ทดสอบนิวเคลียร์ใดๆ อีก รวมทั้งขอให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายด้วย
       
       นอกจากนี้ อาเซมยังได้แสดงความกังวลกับสถานการณ์ล่าสุดในพม่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจับตัวนางอองซานซูจี และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนางอองซานซูจี และยกเลิกข้อจำกัดแก่พรรคการเมืองภายในประเทศด้วย
       
       นางออองซานซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ กำลังถูกรัฐบาลทหารพม่าพิจารณคดีฐานละเมิดกฎหมายความคุมตัวเธอ หลังปล่อยให้ชายชาวอเมริกันว่ายน้ำบุกเข้าบริเวณบ้านพัก ซึ่งทำให้เธออาจจะถูกจำคุกเป็นเวลา 5 ปี อย่างไรก็ตาม เธอให้การวันนี้ว่า ไม่ได้ละเมิดกฎการควบคุมตัวเธอ แต่เพียงให้ที่พักพิงแก่ชายคนดังกล่าวเท่านั้น โดยทนายความของเธอระบุว่า การควบคุมตัวเธอจะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ แต่ผู้บัญชาการตำรวจพม่ากล่าวว่า รัฐบาลทหารพม่ามีสิทธิควบคุมตัวเธอต่อไปอีก 6 เดือน
       
       ทั้งนี้ พรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย(เอ็นแอลดี)ของอองซานซูจีชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 1990 อย่างถล่มทะลาย แต่รัฐบาลทหารพม่าไม่ยอมปล่อยให้พรรคของเธอก้าวขึ้นสู่อำนาจ และเธอยังถูกควบคุมตัวภายในบ้านพักเป็นเวลา 13 จากตลอด 19 ปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งในเรืองนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซมเรียกร้องให้พม่าเตรียมจัดการเลือกตั้งตามกำหนดไว้ในปีหน้าด้วยความ “มีเสรีภาพและยุติธรรม”
       
       รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอังกฤษ บิล แรมเมลล์ เผยว่า เนวิน รัฐมนตรีต่างประเทศของพม่าเข้าประชุมร่วมกับอาเซม แต่ยืนกรานไม่เปลี่ยนจุดยืน เขาระบุว่า ระบอบพม่าได้คำนวณสถานการณ์ผิดพลาดและมีความเสื่อมถอยจากปฏิกิริยาตอบโต้จากนานาชาติ
       
       ด้านจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรของทั้งเกาหลีเหนือและพม่าได้แสดงบทบาทที่ “สร้างสรรค์มาก” ระหว่างการประชุมอาเซมครั้งนี้ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฟินแลนด์กล่าว อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนีระบุว่า มีน้ำเสียงใหม่จากจีนในประเด็นพม่า แต่ที่กรุงปักกิ่ง กระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อพม่า โดยระบุว่าจีนจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของพม่าเด็ดขาด

อ่านต่อที่ : อาเซมประณามเกาหลีเหนือ เรียกร้องพม่าปล่อยตัวซูจี

ญี่ปุ่นเตรียมเสนอกรอบลงทุนที่ดินเกษตรในต่างแดน พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ต่างประเทศ.
Tags: ,
add a comment

ญี่ปุ่นเตรียมเสนอกรอบลงทุนที่ดินเกษตรในต่างแดน
ชาวนาญี่ปุ่นกำลังทำงานในที่น่าใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลยร์ของญีปุ่นในเมืองคาชิซากิ

       เอเจนซี – ญี่ปุ่นกำลังจะนำร่างหลักการดำเนินงาน ซึ่งมุ่งทำให้การไปลงทุนทำการเกษตรในประเทศกำลังพัฒนา สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไปเสนอต่อที่ประชุมระดับผู้นำกลุ่ม 8 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี8) ณ ประเทศอิตาลีในเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศในกรุงโตเกียวเมื่อวานนี้(26)
       
       ญี่ปุ่นและประเทศพัฒนาแล้วอีกบางแห่งที่ไม่สามารถผลิตอาหารได้อย่างพอเพียงในชาติของตน กำลังเพิ่มการลงทุนอย่างดุดันในกว้านหาที่ดินทำการเกษตรในต่างแดน โดยเฉพาะทางแถบแอฟริกา เพื่อใช้เป็นหนทางในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้แก่ประเทศตน
       
       “เรารู้สึกว่าควรที่จะต้องมีระเบียบกฎเกณฑ์ มีหลักการต่างๆ ขึ้นมาชุดหนึ่ง ในเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนในที่ดินการเกษตร ซึ่งจะทำให้เกิดสถานการณ์แบบชนะ-ชนะทั้งสำหรับประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้บริโภค” ทามากิ สึคาดะ ผู้อำนวยการกองความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าว
       
       “มีความจำเป็นที่จะต้องจัดทำแผนการเพื่อให้มั่นใจว่า การลงทุนของภาคเอกชนจะได้รับการส่งเสริม ขณะที่ผลประโยชน์ของประเทศผู้ผลิตก็ได้รับการคุ้มครอง” เขาบอก

อ่านต่อที่ : ญี่ปุ่นเตรียมเสนอกรอบลงทุนที่ดินเกษตรในต่างแดน

มะกันใจป้ำทุ่ม2.5ล้านดอลล์จับ3ตัวการกลุ่ม”อาบู ไซยาฟ” พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: ,
add a comment

มะกันใจป้ำทุ่ม2.5ล้านดอลล์จับ3ตัวการกลุ่ม”อาบู ไซยาฟ”

มะกันใจป้ำทุ่ม2.5ล้านดอลล์จับ3ตัวการกลุ่ม"อาบู ไซยาฟ"

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างคำประกาศของเอียน เคลลี่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ  เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ว่า สหรัฐฯ ให้รางวัลนำจับรวม 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 80 ล้านบาท แก่ผู้ให้ข้อมูลที่นำไปสู่ที่หลบซ่อนตัว การจับกุมตัว และการตัดสินโทษ 3 สมาชิกคนสำคัญของกลุ่มก่อการร้ายอาบู ไซยาฟ ของฟิลิปปินส์

สำหรับเงินรางวัลดังกล่าวนั้น แบ่งเป็นจับนายราดูลเลาห์ ซาฮิรอน หนึ่งในผู้นำระดับสูงของกลุ่มนี้ 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 35 ล้านบาท  ส่วนอีก 1 ล้านบาท สำหรับนายอับดุล บาซิต อุสแมน มือผลิตระเบิดสำหรับกลุ่มอาบู ไซยาฟ   กลุ่มเจห์มา อิสลามิยาห์ ในอินโดนีเซีย  และอีก 5 แสนดอลลาร์ หรือราว 17 ล้านบาท  สำหรับคาเออร์ มันโดส หนึ่งในผู้นำและเหรัญญิกของกลุ่ม ผู้หลบหนีออกจากเรือนจำเมื่อปี 2550 หลังถูกจับในข้อหาฟอกเงิน โดยนำเงินจากเครือข่ายก่อการร้ายอัลไกด้ามาให้นายคาดัฟฟี จันจาลานี ผู้นำอาบูไซยาฟ ใช้ก่อเหตุร้ายบนเกาะมินดาเนา

 

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า เชื่อกันว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสามคน หลบซ่อนอยู่ที่มินดาเนา และหากผู้ใดทราบเบาะแส ขอให้ติดต่อสถานฑูตหรือสถานกงสุลสหรัฐฯที่ใกล้ที่สุด หรือแจ้งต่อเจ้าหน้าที่หรือผู้บัญชาการทหารของสหรัฐฯ คนใดก็ได้ เพราะถือว่า ทั้งสามคนเป็นภัยคุกคามต่อพลเมืองและต่อผลประโยชน์ของชาวอเมริกันและฟิลิปปินส์ รวมทั้งพฤติกรรมของนายซาฮิรอนที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งเหตุลักพาตัวชาวอเมริกัน 3 คนกับชาวฟิลิปปินส์ 17 คนจากรีสอร์ตบนเกาะปาลาวันเมื่อปี 2544 ที่ชาวอเมริกัน 1 คนกับตัวประกันอื่นๆ ถูกสังหารด้วย

อ่านต่อที่ : มะกันใจป้ำทุ่ม2.5ล้านดอลล์จับ3ตัวการกลุ่ม”อาบู ไซยาฟ”

เผยผลแล็บผู้ป่วย”เฝ้าระวัง”ที่อยุธยาเป็นไข้หวัดธรรม พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

เผยผลแล็บผู้ป่วย”เฝ้าระวัง”ที่อยุธยาเป็นไข้หวัดธรรม

เผยผลแล็บผู้ป่วยเฝ้าระวังหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่อยุธยาเป็นแค่หวัดธรรมดา ตามฤดูกาล  ขณะที่ “สธ.”คาดพบผู้ป่วยที่มาจากต่างประเทศได้อีก “วิทยา” ฟุ้ง “มาร์กาเร็ต ชาน” อยากคุยด้วย  สนใจ อสม.ไทย “ศิริราช” เจ๋ง ตรวจยืนยันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ก่อนส่งต่อ ซีดีซี.ยันซ้ำ เผยศักยภาพห้องปฏิบัติการตรวจลึกถึงสายพันธุกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้ พร้อมส่งตัวอย่างไปยังธนาคารยีน มะกัน ด้าน “หมอประเสริฐ” ชี้ ต้องมีโรงงานผลิตวัคซีนไว้ใช้เอง ด้าน กต.-สธ.แจงสถานการณ์หวัดใหญ่ 2009 ต่อ ทูต ตปท. ย้ำแนวทางการป้องกัน-ความร่วมมือประเทศภูมิภาค

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ      ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขได้ประเมินทางวิชาการ คาดไทยมีแนวโน้มอาจพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มาจากต่างประเทศรายใหม่ได้อีก กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้มาตรการแซนด์วิช เพื่อค้นหาผู้ป่วยให้พบอย่างรวดเร็ว ให้การดูแลรักษาและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัด โดยคงมาตรการ เฝ้าระวังโรคในกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนที่ด่านตรวจโรคประจำสนามบิน ด่านพรม แดนต่าง ๆ และการค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านชุมชน และที่โรงพยาบาล คลินิก โรงพยาบาลเอกชน อย่างเข้มแข็ง
 
ทั้งนี้ที่ด่านควบคุมโรคสนามบินสุวรรณ ภูมิ ได้เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำการจากวันละ 60 คน เป็นวันละเกือบ 100 คน ตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีระบบการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยในรายที่มีไข้และเดินทางกลับจากต่างประเทศให้พื้นที่ต่าง ๆ ได้ติด ตามดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เล็ดลอดแม้แต่รายเดียว และให้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วออกติดตามผู้ป่วยที่บ้านทันที ส่วนสถานพยาบาล  ต่าง ๆ ทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน คลินิกทั่วประเทศ ให้เพิ่มการซักประวัติผู้ป่วยที่มีไข้ ไอ เจ็บคอหรือท้องเสีย อย่างถี่ถ้วนโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทั้งหมด 
 
รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่จะเดินทางไปประชุมสมัชชาอนามัยโลก ที่นครเจนีวาในเร็ว ๆ นี้ คงจะมีการรายงานผลการประชุมอาเซียนบวก 3 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพให้ที่ประชุมทราบ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการป้องกันควบคุมโรคในประเทศไทย รวมทั้งการ    ตั้งรับกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรค เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ได้รับแจ้งว่า พญ.มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก อยากพูดคุยกับตน เนื่องจากประเทศไทยมี   ความกระตือรือร้นในการระวังภัย โดยเฉพาะ การจัดประชุมอาเซียนที่ผ่านมา ถือเป็นการส่งสัญญาที่ดีให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อีกทั้งก่อนหน้านี้ตนเคยพบกับ พญ.มาร์กาเร็ต ชาน มาแล้วซึ่งได้ให้ความสนใจการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขของไทย (อสม.) ซึ่งต้องยอมรับว่า อสม.ไทยเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
 
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรม  การศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับ มาตรการการรักษา โดยจะพิจารณาให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์อย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาการดื้อยา โดยในรายที่ผลการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ จะได้รับยา   ต้านไวรัสทุกคน ซึ่งขณะนี้ผลการตรวจยืนยันจะรู้ผลเร็ว เนื่องจากมีการทำงานเป็นเครือข่ายระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ซึ่งทุกแห่งเป็นศูนย์ปฏิบัติ การอ้างอิงขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งศูนย์   ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาด้วย ทำ    ให้ผลมีความแม่นยำ รู้ผลเร็วภายใน 48 ชั่วโมง
 
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลก (ฮู) รายงานเมื่อเช้าวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า ไทยถูกจัดอันดับประเทศพบยืนยันติดเชื้ออันดับที่ 33 และมี 8 ประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่ม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร จีน โคลอมเบีย กัวเตมาลา ปานามา สำหรับผู้ป่วยชายอายุ 68 ปีที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เป็นข่าวนั้น ล่าสุดได้รับรายงานผลตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่าผลการตรวจวิเคราะห์แล้วป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดบี ซึ่งเป็นไข้ตามฤดูกาล ไม่ใช่ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด
 
ที่โรงพยาบาลศิริราช วันเดียวกัน ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานในการแถลงข่าวเรื่อง “ศิริราชตรวจพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งแรกในประเทศไทย” โดยมี ศ.เกียรติคุณ นพ. ประเสริฐ ทองเจริญ นายกสมาคมไวรัสวิทยา แห่งประเทศไทยและประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ ศ.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์   หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา และ ศ.ดร.พิไลพันธ์   พุธวัฒนะ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย และอาจารย์      ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา
 
ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลในฐานะที่เป็นห้องปฏิบัติการคู่ขนานกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจวิเคราะห์เชื้อก่อ    โรคอุบัติใหม่ เช่น เอดส์ ซาร์ส และไข้หวัดนก มากว่า 10 ปี ดังนั้นภายหลังจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจพบผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงได้ส่งตัวอย่างเชื้อที่สงสัยมายังศิริราชเพื่อทำการตรวจเพื่อยืนยัน เนื่องจากศิริราชได้มีการศึกษาวิจัยเชื้อไข้หวัดใหญ่และได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงมานานกว่า 30 ปี จากนั้นจึงทำการส่งต่อตัวอย่างเชื้อเพื่อไปเปรียบเทียบที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี เพื่อให้เกิดความชัดเจน
 
ส่วน ศ.ดร.พิไลพันธ์ กล่าวว่า เมื่อรับตัวอย่างเชื้อจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทางศิริราชได้ทำการตรวจทางอณูชีววิทยาถึง 3 ระดับ คือ ระดับแรกเป็นการตรวจดูว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอหรือไม่ ระดับที่ 2 เป็นการตรวจดูว่าเชื้อหวัดดังกล่าวเป็นสายพันธุ์ไข้หวัดธรรมดาหรือสายพันธุ์ใหม่ ระดับที่ 3 เป็นการนำมาวิเคราะห์ นิวคลิโอไทด์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่คือหน่วยย่อยของสายพันธุกรรมของเชื้อที่เล็กที่สุด เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอีกหรือไม่ ซึ่งผลพบว่าไม่แตกต่างจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาด อยู่ทั่วโลกขณะนี้ “ขณะนี้ทางศิริราชได้ส่งนิวคลิโอไทด์ไปยังธนาคารกลางเก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสที่สหรัฐแล้ว จำนวน 4 ยีน และกำลังทยอยส่งเพิ่ม  เติมอีก 4 ยีน คาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า”
 
ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับเชื้อที่ได้มานี้ทางศิริราชจะนำมาวิจัยต่อยอดทั้งในส่วนของการพัฒนาชุดตรวจหาเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ การพัฒนาวัคซีน และยาต้านไวรัสสำหรับเชื้อตัวนี้ รวมถึงการตรวจสอบการดื้อยา “เท่าที่ทราบองค์การอนามัยโลกอยู่ระหว่างการวิจัยวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยจะใช้เวลา 4-6 เดือนในการคิดค้นพัฒนาจึงจะได้วัคซีนต้นแบบเพื่อนำมาผลิตวัคซีนเพื่อใช้ป้องกันโรคที่เป็นการถ่ายเทคโนโลยีให้กับเอกชน รวมแล้วใช้เวลากว่า 1 ปี และเมื่อเอกชนผลิตจะสามารถผลิตได้เพียงแค่ 460 ล้านโด๊สเท่านั้น ซึ่งประเทศที่เป็นผู้ผลิตจะกักตุนวัคซีนเพื่อใช้ในประเทศให้เพียงพอก่อนขายให้กับประเทศอื่น ๆ ดังนั้นโอกาสที่ไทยจะซื้อวัคซีนนี้ได้จึงเป็นไปได้ยากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง ดังนั้นจำเป็นที่เราต้องมีโรงงานผลิตวัคซีนไว้ใช้เอง ซึ่งถือเป็นความมั่นคงของประเทศด้วย”
 
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่าง ประเทศ พร้อมด้วย นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิ์วัฒน์ นายคำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค และนายทวี โชติพิทยะสุนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันบรรยายสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต่อคณะทูตานุทูตที่ ประจำในประเทศไทย โดยมีคณะทูตจาก 32 ประเทศ และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ 5 องค์กร เข้าร่วมรับฟัง นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า ได้สรุปภาพรวมของสถานการณ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย พร้อมกับผลสรุปของการประชุมสมัยพิเศษรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม ว่าประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการป้องกันอย่างไร เพื่อรับมือกับปัญหา ซึ่งถือเป็นความสำเร็จเพราะทุกประเทศเข้าใจดีถึงความตั้งใจการทำงานที่มีอย่างเป็นระบบ ภายใต้กรอบความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน
 
ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจาก กรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียมว่า นายลอว์ เรตต์ ออนเคลิงค์ รมว.สาธารณสุขเบลเยียมแถลงว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายแรกของประเทศ และยังเป็นประเทศล่าสุดของโลก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (ฮู) ซึ่งระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสทั่ว โลกแล้ว 6,497 ราย และเสียชีวิต 65 ศพ ใน 33 ประเทศทั่วโลก ซึ่งยังไม่นับเบลเยียม โดยผู้ป่วยรายนี้เป็นชายวัย 28 ปี อาศัยอยู่ที่เมืองเกนต์ และเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงบรัส เซลส์หลังมีอาการป่วยและตรวจพบการติดเชื้อ
 
ส่วนที่ประเทศจีน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกรุงปักกิ่งและมณฑลชานตง ได้เร่งติดตามหาตัวผู้โดยสารร่วมมาบนเครื่องบินและรถไฟขบวนเดียวกันกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นนักศึกษาชายชาวจีนวัย 19 ปีที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศแคนาดา ด้วยเครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์แคนาดาถึงกรุงปักกิ่ง และรถไฟจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองจี่หนานมณฑลชานตง ซึ่งมีผู้โดยสารประมาณ 20 คนที่ทางการจีนต้องการพบตัวเพื่อนำมาตรวจว่าติดเชื้อหรือไม่ นับเป็นมาตรการคุมเข้มเพื่อป้อง กันการแพร่ระบาด หลังจากที่จีนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าดำเนินการล่าช้าในการป้องกันโรคซาร์สเมื่อ 6 ปีก่อน.

อ่านต่อที่ : เผยผลแล็บผู้ป่วย”เฝ้าระวัง”ที่อยุธยาเป็นไข้หวัดธรรม

สธ.แจง32ทูตต่างชาติไทยรับมือหวัดใหญ่ได้ พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in อื่นๆ.
Tags: , , , , , , , , , , , ,
add a comment

สธ.แจง32ทูตต่างชาติไทยรับมือหวัดใหญ่ได้

นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิ์วัฒน์ นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค นพ.ทวี โชติพิทยสุนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และนายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน ได้ร่วมบรรยายสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ให้คณะทูตจาก 32 ประเทศ และ ตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ 5 องค์กรรับฟัง

นพ.ศุภมิตร แถลงภายหลังว่า ได้สรุปภาพรวมสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในไทย รวมถึงผลสรุปการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวก 3 ว่า ไทยและประเทศในภูมิภาคจะรับมือได้สำเร็จ อีกทั้งมีคลังยาเพียงพอ

ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข เปิดเผยว่า ผลห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า ชาวพระนครศรีอยุธยาที่ป่วยหลังกลับจากยุโรปนั้นเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดบี ที่ระบาดตามฤดูกาลและคนไข้มีอาการปกติดีแล้ว

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข ได้ประเมินว่าไทยมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก จึงได้ใช้มาตรการแซนด์วิช รวมทั้งการเฝ้าระวังโรคกลุ่มเดินทางจากต่างประเทศที่ด่านตรวจโรคประจำสนามบิน และด่านพรมแดนต่างๆ

นอกจากนี้ จะค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านชุมชน โรงพยาบาล และคลินิกอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ประจำด่านที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นวันละเกือบ 100 คน ตลอด 24 ชั่วโมง

อ่านต่อที่ : สธ.แจง32ทูตต่างชาติไทยรับมือหวัดใหญ่ได้

นายกฯอัดยูเนสโกแฝงตัวจุ้นชายแดนเขมร พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in อื่นๆ.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

นายกฯอัดยูเนสโกแฝงตัวจุ้นชายแดนเขมร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การยูเนสโกได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาระหว่างไทยกัมพูชา บริเวณชายแดน และคงเป็นเรื่องการอนุมัติให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวกัมพูชาได้ทำตามยูเนสโกกำหนด

“แต่เราก็ยืนยันว่าถ้าเข้ามา ในพื้นที่ของเราก็ต้องแจ้ง และควรให้เราเห็นชอบเพื่อดูแลให้ความสะดวก” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่ายูเนสโกไม่ได้แจ้งฝ่ายไทยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีปัญหากันอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งแก่ยูเนสโกว่า ตามที่คณะกรรมการมรดกโลกได้ลงมติ ในสมัยประชุมที่ 32 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก กับกัมพูชา ขอให้กัมพูชาจัดตั้ง คณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาปราสาทฯ นั้น เนื่องจาก ข้อมติฯ กำหนดให้ทรัพย์สินที่ขึ้นทะเบียนคือ ตัวปราสาทเท่านั้น ไม่รวมถึงพื้นที่กว้างที่สูงยื่นออกไปกับหน้าผาและถ้ำ

ทั้งนี้ บทบาทของยูเนสโกและ ไอซีซีจึงถูกจำกัดด้วยขอบเขตทางภูมิศาสตร์ไว้เพียงเท่านั้น ดังนั้นกิจกรรมใดที่ยูเนสโก ไอซีซี หรือฝ่ายอื่นที่จะทำในพื้นที่ติดกับปราสาท นอกขอบเขตที่ได้ขึ้นทะเบียนจะต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการล่วงหน้าจากรัฐบาลไทย

นอกจากนั้นการเดินทางเข้าสู่ปราสาท ซึ่งจะต้องผ่านดินแดน หรือน่านฟ้าของไทย ก็จะต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากรัฐบาลไทยด้วยเช่นเดียวกัน

อ่านต่อที่ : นายกฯอัดยูเนสโกแฝงตัวจุ้นชายแดนเขมร