ข่าว ในประเทศไทย

เชื่อมั่นเม.ย.วูบสุด7ปี พฤษภาคม 15, 2009

เชื่อมั่นเม.ย.วูบสุด7ปี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,242 ตัวอย่าง เกี่ยวกับความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย. 2552 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และส่วนใหญ่ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. 2552 อยู่ที่ 72.1 ลดจากเดือนมี.ค. อยู่ที่ 72.8 ทั้งนี้ดัชนีเดือนเม.ย. เป็นค่าดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 87 เดือน หรือกว่า 7 ปี ตั้งแต่เดือนก.พ. 2545 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปัจจุบันลดลงจาก 62.9 ในเดือนมี.ค. มาอยู่ที่ 61.8 ซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบ 82 เดือน นับจากเดือนมิ.ย. 2545 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตลดลงจาก 74.6 มาอยู่ที่ 74.1 ต่ำสุดรอบ 20 เดือน

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 65.1 ต่ำสุดในรอบ 88 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเหลือ 64.5 ลดลงจากเดือนมี.ค. ซึ่งอยู่ที่ 65.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตลดลงจาก 87.3 ในเดือนมี.ค. มาอยู่ที่ 86.7 ในเดือนเม.ย.

สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงทุกรายการ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเมืองในอนาคต หลังจากมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่พัทยา และกรุงเทพฯ ซึ่งกระทบทางจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยว ประกอบกับผู้บริโภคกังวลปัญหาค่าครองชีพสินค้าราคาแพง และราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกเดือน มี.ค. ที่ติดลบ 22.7%

“สำหรับปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ซึ่งช่วยกระตุ้นจิตวิทยาในการบริโภค ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนเม.ย. ลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองคลี่คลายอย่างรวดเร็ว โดยใช้กระบวนการทางรัฐสภาและไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตติดลบน้อยกว่าปัจจุบัน สะท้อนว่าประชาชนหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ รัฐจะเกิดผลในไม่ช้า สถานการณ์การเมืองที่ไม่มีความวุ่นวาย” นายธนวรรธน์ กล่าว

อ่านต่อที่ : เชื่อมั่นเม.ย.วูบสุด7ปี

4เดือนรถหล่นไป30% พฤษภาคม 15, 2009

4เดือนรถหล่นไป30%

รายงานยอดจำหน่ายรถยนต์จากบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2552 ว่า ยอดรวม 147,487 คัน หดตัวลง 31.86% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณาแต่ละเซ็กเมนต์ จะพบว่าประเภทที่หดตัวมากสุด คือ รถยนต์อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือเอสยูวีลด 49.98% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

ขณะที่ตลาดใหญ่อย่างรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน หดตัวต่อเนื่อง 40.69% หรือยอดจำหน่าย 73,144 คัน ช่วง 4 เดือนแรกของปี ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นน้อย ที่สุด โดยลดลงเพียง 12.59% หรือมียอดจำหน่าย 59,949 คัน

สำหรับยอดจำหน่ายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าภาพรวมตลาดกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย โดยมียอดจำหน่ายรวมในเดือนเม.ย. 39,713 คัน ลดลงเพียง 3.91% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยรถปิกอัพยอดจำหน่าย 20,232 คัน ลดลง 2.95% รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยอดจำหน่าย 15,981 คัน หดตัวลงไป 1.32%

ด้านส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ โตโยต้ายังนำตลาดยอด 60,268 คัน หรือมีส่วนแบ่งตลาด 40.86% ครองแชมป์รถยนต์นั่งที่ทำยอดจำหน่ายไป 26,644 คัน หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 44.44% ขณะตลาดรถปิกอัพอีซูซุกลับมาทวงแชมป์ได้สำเร็จด้วยยอดจำหน่าย 29,939 คัน หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 40.93%

นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ตัวเลขยอดขายรถยนต์ 4 เดือนแรกที่หดตัวไป 30% เป็นเรื่องปกติตามที่มีการคาดการณ์ไว้อยู่แล้วในกลุ่มผู้ประกอบการ และเชื่อว่าตลอดไตรมาส 2 นี้ คาดตัวเลขจะลดลง 30% และจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งในภาพรวมคาดหดตัวไม่เกิน 20% ตลอดทั้งปี หรือมียอดจำหน่ายราว 4.8-5 แสนคัน

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาห กรรมยานยนต์อย่างใกล้ชิด

อ่านต่อที่ : 4เดือนรถหล่นไป30%

ส่งออกเม.ย.คืนชีพออร์เดอร์พุ่งขึ้น33% พฤษภาคม 15, 2009

ส่งออกเม.ย.คืนชีพออร์เดอร์พุ่งขึ้น33%

ลูกค้าสหรัฐ-อียูขยับสั่งซื้อสินค้าเพิ่ม

นายพงษ์ศักดิ์ อัสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ยอดการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (ซี/โอ) ของสมาชิกหอการค้าไทยในเดือน เม.ย. 52 มีมูลค่ารวม 1.01 แสนล้านบาท ขยายตัว 33% เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นเดือนแรกที่ขยายตัวเป็นบวกนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 51 ซึ่งส่งสัญญาณว่าภาคการส่งออกเดือน เม.ย. จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น
 
“การออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าของหอการค้าไทยคิดเป็นสัดส่วน 20% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ดังนั้นการส่งออกของไทยในเดือน เม.ย. น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนว่าหลังจากนี้แนวโน้มการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้น เพราะคู่ค้าในต่างประเทศได้ทยอยสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป แม้เป็น  ออร์เดอร์ระยะสั้น ๆ และจำนวนไม่มากก็ตาม”
 
ทั้งนี้ยอดออกใบ ซี/โอ ของหอการค้าในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา ติดลบตลอด ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมการส่งออกที่ติดลบมา 5 เดือนเช่นกัน โดยยอดส่งออกเริ่มติดลบตั้งแต่เดือน พ.ย. 51 ที่ลบ 17% มีมูลค่าการ ส่งออก 1.86 แสนล้านบาท เดือน ธ.ค. 51 ติดลบ 18% เดือน ม.ค. 52 ติดลบ 8% เดือน ก.พ. ติดลบ 42% และเดือน มี.ค. ติดลบ 7% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการส่งออก 76,100 ล้านบาท
 
ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำถึงจุดต่ำสุดหรือไม่ แต่หากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีเสถียรภาพก็จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยแน่นอน โดยคาดว่าครึ่งปีแรกของปีนี้การส่งออกจะติด -20% ถึง -25% แต่ครึ่งปีหลังน่าจะกระเตื้องขึ้นส่งผลให้การส่งออกติดลบน้อยลงเหลือ -10% ถึง -15% และหลังจากนี้ต้องการให้ผู้ส่งออกไทยให้ความสำคัญกับตลาดที่ไทยเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) มากขึ้น เพราะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหนือคู่แข่ง ซึ่งช่วยทดแทนการส่งออกตลาดหลักและตลาดภายในประเทศได้
 
นายคมสัน โอภาสสถาวร รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมตัวแทนผู้ส่งออก 9 กลุ่มอุตสาหกรรมและสมาคมผู้ส่งออกกว่า 100 ราย สรุปปัญหาการส่งออกและเตรียมเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือ 5 ข้อ ได้แก่ ปัญหาค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้น 3-5% ขณะที่เวียดนามและอินเดียอ่อนค่าลง 10% ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งและมีปัญหาต่อการส่งออกในระยะยาวทำให้การส่งออกฟื้นตัวได้ช้า นอกจากนี้ ต้องเร่งแก้ปัญหาผู้ประกอบการขาดเงินทุนหมุนเวียน โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก.

อ่านต่อที่ : ส่งออกเม.ย.คืนชีพออร์เดอร์พุ่งขึ้น33%

ทองคำปิดบวก $2.50 พฤษภาคม 15, 2009

ทองคำปิดบวก $2.50

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 2.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 928.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 928.5-923.8 ดอลลาร์
         

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดบวก 2 เซนต์ แตะที่ 14.04 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ปิดลดลงแตะระดับ 2.0270 ดอลลาร์/ปอนด์
         

สัญญาทองคำ COMEX ทะยานขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 9 พ.ค.พุ่งขึ้น 32,000 ราย แตะระดับ 637,000 ราย  จากรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 605,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 610,000 ราย         
         

 ดาร์แรน เกรแฮม นักวิเคราะห์ด้านเทคนิคจากธนาคารสแตนดาร์ด แบงค์ กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากทะยานขึ้นทะลุแนวต้านเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ราคาทองคำจะทะยานขึ้นเหนือระดับ 932 ดอลลาร์/ออนซ์ จากนั้นจะพุ่งขึ้นไปแตะแนวต้านเส้นถัดไปที่ระดับ 960-966.70 ดอลลาร์/ออนซ์

อ่านต่อที่ : ทองคำปิดบวก $2.50

09:32 น. ไนเม็กซ์ปิดพุ่ง 60 เซนต์ ที่ 58.62 ดอลลาร์ พฤษภาคม 15, 2009

09:32 น. ไนเม็กซ์ปิดพุ่ง 60 เซนต์ ที่ 58.62 ดอลลาร์

15 พค. 2552 09:32 น.

สัญญาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดตลาดพุ่งขึ้น 60 เซนต์ อยู่ที่ 58.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย. บวก 3.49 เซนต์ อยู่ที่ 1.7237 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ที่ตลาดกรุงลอนดอน ร่วงลง 65 เซนต์ปิดที่ 56.69 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคับคั่ง แม้สำนักงานพลังงานสากล หรือ ไออีเอ คาดการณ์ว่าดีมานด์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะปรับตัวลงเหลือ 83.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 3% จากปีที่แล้ว และต่ำกว่าระดับคาดการณ์เมื่อเดือน–ที่แล้ว 230,000 บาร์เรลต่อวัน การคาดการณ์ของไออีเอมีขึ้น หลังจากโอเปคเพิ่งปรับลดคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันปี 2552 ลงเหลือ 84.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่กระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ ร่วงลง 4.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 370.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
อ่านต่อที่ : 09:32 น. ไนเม็กซ์ปิดพุ่ง 60 เซนต์ ที่ 58.62 ดอลลาร์