ข่าว ในประเทศไทย

ม.ร.เก็บค่าหน่วยกิต25บาทช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง พฤษภาคม 15, 2009

ม.ร.เก็บค่าหน่วยกิต25บาทช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง

รศ.คิม ไชยแสนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) เปิดเผยถึงการรับสมัครนักศึกษาใหม่ ระดับปริญญาตรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 ว่า ปีนี้ ม.ร.ได้ใช้ระบบ ซูเปอร์ เซอร์วิส (Super Service) ในการรับสมัครนักศึกษาทั้งที่ส่วนกลาง (หัวหมาก) และที่สาขาวิทยบริการฯ ส่วนภูมิภาค 21 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเป็นการพัฒนามาจากระบบวันสต๊อป เซอร์วิส ซึ่งจะทำให้ทุกขั้นตอนของการรับสมัครมีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยขณะนี้กำลังเปิดรับสมัครและจะรับสมัครถึงวันที่ 17 พ.ค.นี้ 
 
อธิการบดี ม.ร.กล่าวต่อไปว่า สำหรับค่าหน่วยกิตในปีนี้ ม.ร.ยังคงเก็บในอัตราเดิมคือ หน่วยกิตละ 25 บาท เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของผู้ปกครองในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้น ม.ร. จึงต้องการมีส่วนร่วมในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง โดยการเรียนหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี ที่ ม.ร. จะเสียค่าหน่วยกิต เพียง 8,960 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ม.ร. ยังมีทุนการศึกษาประเภทต่าง ๆ ที่จะสนับสนุนนักศึกษาได้ด้วย ทั้งกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ทุนเรียนดี หรือทุนสนับสนุนจากมูลนิธิและองค์กรการกุศลที่มีผู้บริจาคเพื่อนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อีกเป็นจำนวนมาก.

อ่านต่อที่ : ม.ร.เก็บค่าหน่วยกิต25บาทช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง

ชาวสวนลิ้นจี่ ขู่ปิดถนนยาว ขอเงินชดเชย พฤษภาคม 15, 2009

ชาวสวนลิ้นจี่ ขู่ปิดถนนยาว ขอเงินชดเชย

นายอดุลย์ชัย อินต๊ะขาว ประธานสหกรณ์ผู้ปลูกลิ้นจี่เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ หากรัฐบาลไม่จ่ายเงินชดเชยลิ้นจี่กิโลกรัมละ 3 บาทตามข้อเรียกร้อง เกษตรกร 5,000 คนจะนำลิ้นจี่คนละ 1 กิโลกรัม มากองหน้าที่ว่าการอำเภอฝาง และจะปิดถนนประท้วงอย่างยืดเยื้อ

ทั้งนี้ เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาล เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของเกษตรกร เพราะให้เวลารัฐบาลมานาน แต่รัฐบาลก็ยังซื้อเวลาอยู่เรื่อยๆ ไม่สนใจความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ราคาผลผลิตลดลงกว่า 50% แม้ทางจังหวัดจะมารับหนังสือด้วยตนเอง แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเกษตรกรจะได้ รับคำตอบที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ตาม วานนี้ชาวสวนลิ้นจี่ใน อ.ฝาง แม่อาย และ ไชยปราการ กว่า 500 คน รวมตัวประท้วงอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอฝาง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือต้นทุนผลิตกิโลกรัมละ 3 บาท และตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวสวนลิ้นจี่ในระยะยาว วงเงิน 250 ล้านบาท

อ่านต่อที่ : ชาวสวนลิ้นจี่ ขู่ปิดถนนยาว ขอเงินชดเชย

สรรพสามิตบุรีรัมย์ขู่เอาผิดร้านค้า ฉวยโอกาสกักตุนขึ้นราคาบุหรี่ พฤษภาคม 14, 2009

สรรพสามิตบุรีรัมย์ขู่เอาผิดร้านค้า ฉวยโอกาสกักตุนขึ้นราคาบุหรี่

สรรพสามิตบุรีรัมย์ขู่เอาผิดร้านค้า ฉวยโอกาสกักตุนขึ้นราคาบุหรี่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 13:46 น.

       บุรีรัมย์ – สรรพสามิตบุรีรัมย์ขู่ผิดเอเยนต์ และร้านค้าปลีก-ค้าส่ง ฉวยโอกาสกักตุนและปรับขึ้นราคาบุหรี่ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนผู้บริโภค หลังมีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ขณะนี้ทางกรมสรรพสามิตยังไม่มีการประกาศปรับขึ้นภาษี
       
       วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีกระแสข่าวรัฐบาลและกรมสรรพสามิตมีนโยบายจะปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ได้มีเอเยนต์ ร้านค้าส่งและค้าปลีกบุหรี่หลายแห่งใน จ.บุรีรัมย์ ฉวยโอกาสกักตุน ปฏิเสธและประวิงการจำหน่าย รวมทั้งมีการปรับขึ้นราคาบุหรี่โดยไม่ได้รับอนุญาต สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้บริโภค และร้านค้าปลีกบางแห่งขาดแคลนไม่มีบุหรี่บางยี่ห้อจำหน่ายนั้น
       
       นายชัยโรจน์ ตรีภพ ผู้อำนวยการสรรพสามิตพื้นที่บุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบตามร้านค้าส่ง ค้าปลีก ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว หากพบว่าผู้ประกอบการรายใดมีการกักตุน ประวิง หรือปฏิเสธการจำหน่าย และปรับขึ้นราคาบุหรี่เอาเปรียบผู้บริโภค จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทันที เพราะจากการร้องเรียนยังมีร้านค้าหลายแห่งฝ่าฝืนขายเกินราคาและมีการกักตุนไว้เก็งกำไรอยู่
       
       “ขณะนี้กรมสรรพสามิตยังไม่อนุมัติหรือประกาศปรับขึ้นภาษีหรือราคาบุหรี่แต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือทั้งร้านค้าปลีกและค้าส่ง ได้ขายในราคาเดิมจนกว่าจะมีการประกาศปรับขึ้นภาษีที่ชัดเจน” นายชัยโรจน์ กล่าว

อ่านต่อที่ : สรรพสามิตบุรีรัมย์ขู่เอาผิดร้านค้า ฉวยโอกาสกักตุนขึ้นราคาบุหรี่

ล่าหุ้นส่วนจ้างฆ่า “เศรษฐีอสังหาฯ” พฤษภาคม 14, 2009

ล่าหุ้นส่วนจ้างฆ่า “เศรษฐีอสังหาฯ”

คมชัดลึก :คล้อยหลังถูกจับกุมไม่กี่ชั่วโมง “วันชัย เจะเตะ” มือมีดวัย 44 ปี มัจจุราชพรากดวงวิญญาณ “อนันต์ สิงห์จิรกุล” เศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ชาวไทย-ซิกข์ วัย 38 ปี ก็ให้การปรักปรำถึงผู้อยู่เบื้องหลัง จากคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาก็พลิกมาเป็น “คดีจ้างวานฆ่า” ทันที

วันชัยให้การพาดพิงไปถึงผู้ชายคนหนึ่งชื่อ “แคน” ชาวไทย-ซิกข์ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ น้ำมันปาล์ม และไม้กฤษณา ในฐานะผู้มีบุญคุณกับเขา มีปัญหาเดือดร้อนมาขอคำปรึกษา พร้อมกับระบายความในใจว่า พี่ชายมีปัญหากับหุ้นส่วนธุรกิจ โดยอ้างว่าถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร

 ด้านวันชัยเองก็กำลังประสบปัญหาหนี้สิน ประกอบกับเป็นบุคคลสองสัญชาติ ไทย-มาเลย์ คิดว่าหากลงมือเสร็จก็จะหลบหนีไปอยู่มาเลเซีย จึงตัดสินใจช่วยเหลือ เมื่อได้รับข้อเสนอจากผู้มีบุญคุณว่า จะชำระหนี้สินให้ นอกจากนี้ ยังจะได้เงินค่าจ้างอีก 4 แสนบาท จึงตกลงรับงาน โดยไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับเหยื่อมาก่อนแต่อย่างใด

 ก่อนเกิดเหตุแคนนัดให้วันชัยไปรับเงินค่าจ้างล่วงหน้า 5 หมื่นบาทที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ย่านหัวหมาก กรุงเทพฯ เมื่อได้เงินมาวันชัยก็นำไปซื้อปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 จากเพื่อนคนหนึ่ง มีดพับ และรถจักรยานยนต์มือสอง เตรียมเอาไว้ใช้ก่อเหตุ

 หลังจากนั้นวันชัยเดินทางไปดูลาดเลาที่บริษัทซามิราโน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งอยู่บนชั้น 9 อาคารสุขุมวิทสวีท ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสำนักงานของอนันต์ สิงห์จิรกุล อยู่นานเป็นสัปดาห์ กระทั่งวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจลงมือทันที

 อาคารสุขุมวิทสวีท เป็นคอนโดมิเนียมหรู สูง 44 ชั้น ชั้น 1-14 เปิดให้บริษัทห้างร้านเช่าพื้นที่ตั้งสำนักงาน ตั้งแต่ชั้น 15 ขึ้นไปเป็นห้องพักอาศัย

 “ผมขึ้นลิฟต์ไปชั้น 9 เจอพนักงานผู้หญิงสองคนเลยบอกว่า มาหานายห้าง เธอถามผมว่าชื่ออะไร ผมยังไม่ทันบอกก็เห็นนายอนันต์อยู่ในห้อง เลยตัดสินใจทำร้ายผู้หญิงแล้วก็ตรงเข้าไปหา”

 ทันทีที่เผชิญหน้าเป้าหมายวันชัยใช้ปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ยิงเข้าใส่ 1 นัด แต่เนื่องจากเป็นปืนเก่าหรือไม่ได้มาตรฐานก็ไม่ทราบกระสุนจึงด้าน เมื่ออนันต์รู้ตัวก็พยายามต่อสู้ วันชัยจึงใช้มีดปอกผลไม้ที่เตรียมมาพร้อมกับมีดพับอีกด้าม จี้แล้วปาดคอโดยไม่ลังเลจนล้มแน่นิ่งไป แล้วจึงหนีออกมาทางบันไดหนีไฟ ทิ้งมีดปอกผลไม้ทางหน้าต่างชั้น 3 เมื่อลงมาถึงด้านล่างก็ถูก รปภ.และพลเมืองดีช่วยกันจับตัวส่งตำรวจ

 นั่นคือคำสารภาพถึงขั้นตอนการรับงานและลงมือ !?!

 แต่ก่อนจะยอมเปิดปากพูดความจริง พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.น.5 และชุดสืบสวนได้หลักฐานชิ้นหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า มีใครอีกคนอยู่เบื้องหลัง นั่นคือ ข้อความที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือว่า “ภารกิจเสร็จสิ้นไหม” เมื่อตรวจสอบกลับไปก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว จึงเชื่อว่าคดีนี้เป็นการจ้างวานฆ่า มีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย ไม่ใช่เกิดจากฝีมือของวันชัยที่อ้างถึงความโกรธแค้นที่ถูกหักหลังธุรกิจไม้หอม

 ชุดสืบสวน สน.ลุมพินี และ กก.สส.น.5 คุมตัววันชัยไปค้นห้องเช่าย่านรามคำแหง พบสมุดบัญชีธนาคาร เอกสารเดินทางเข้าออกประเทศมาเลเซีย และที่สำคัญคือใบเสร็จรับเงินซื้อมีด

 ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบผู้จ้างวานตามคำให้การของมือมีด ผู้สนับสนุนและช่วยเหลือที่วันชัยอ้างชื่อ “แคน” จนทราบว่าเป็นนักธุรกิจระดับเศรษฐี ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มีโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูหลายแห่งในย่านทองหล่อและซอยสุขุมวิท 49 มูลค่านับพันล้านบาท จึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับกุมในข้อหาจ้างวานฆ่า
 
 “วันชัย เจะเตะ” วัย 44 ปี เดิมเป็นคนพื้นเพ จ.ปัตตานี ต่อมาย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเลขที่ 227/49 หมู่ 4 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง จากการตรวจสอบในพื้นที่พบว่าเป็นบ้านแบ่งให้เช่าเดือนละ 1,500 บาท โดยวันชัยมาเช่าอยู่แล้วร้องขอให้ใส่ชื่อลงไปในทะเบียนบ้านของเจ้าของบ้าน หลังจากนั้นก็อาศัยอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็หายไป โดยไม่มีใครตอบได้ว่าไปอาศัยทำมาหากินอยู่ที่ไหน รู้เพียงว่าช่วงที่วันชัยอยู่นั้นบอกว่า เขาเป็นนายหน้าขายไม้หอมจำพวกไม้กฤษณา ที่ลักลอบเข้ามาจากประเทศพม่าเพียงเท่านั้น

อ่านต่อที่ : ล่าหุ้นส่วนจ้างฆ่า “เศรษฐีอสังหาฯ”

ส่งสัญญาณค่าเงินบาทแข็งโป๊ก พฤษภาคม 14, 2009

ส่งสัญญาณค่าเงินบาทแข็งโป๊ก

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทผันผวนเป็นอย่างมาก

สิ้นเดือนเม.ย. 2552 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.26 บาท/เหรียญสหรัฐ และล่าสุดวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 34.55 บาท/เหรียญสหรัฐ หากเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผู้ส่งออกเดือดร้อน

สันติ วิลาสศักดานนท์

“ตอนนี้ผู้ส่งออกหลายรายเริ่มร้องเรียนมายังส.อ.ท. เพราะค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าอีกครั้ง เกรงว่าจะทำให้เงินจากการส่งออกลดลง โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายกับลูกค้าในต่างประเทศไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้” นายสันติ กล่าว

นายสันติ กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออก เนื่องจากขณะนี้คำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) ยังกลับเข้ามาไม่เต็มที่ อีกทั้งผู้ผลิตในแต่ละประเทศมีการแข็งขันสูง เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ ไปซื้อสินค้าของตน ขณะที่ค่าเงินของคู่แข่งทั้งประเทศเวียดนามและมาเลเซียอ่อนค่ากว่าไทย

ผู้ประกอบการเกรงว่า เงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศหันไปท่องเที่ยวประเทศอื่นแทนที่จะเดินทางมาไทยด้วย ไม่เฉพาะแค่ผลกระทบจากการส่งออกเท่านั้น เนื่องจากเงินเหรียญสหรัฐแลกเป็นเงินไทยได้น้อยลง จึงไม่จูงใจเท่าที่ควร

ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า รัฐบาลควรเข้ามาดูแลเรื่องค่าเงินบาทอย่างเร่งด่วน เพราะมูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของจีดีพี หากยังไม่มีมาตรการดูแล อย่างจริงจังจะเป็นปัญหาซ้ำเติมการส่งออกของไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ไตรมาสแรก การส่งออกติดลบถึง 20.55%

จากการติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลกและภายในประเทศ พบว่า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการสูงขึ้นไปด้วย ดังนั้นรัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จ เพื่อมิให้ผู้ประกอบการผู้ส่งออกของไทยต้องเผชิญปัญหารุมเร้ามากกว่าที่เป็นอยู่

นายสันติ กล่าวถึงกรณีที่มีคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 2 รายว่า ไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย แต่จากนี้ไปกระทรวงสาธารณสุขต้องเพิ่มมาตรการดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น

รวมทั้งประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวเข้าใจวิธีดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากไข้หวัดดังกล่าว และป้องกันไม่ให้ระบาดจากคนสู่คน

อ่านต่อที่ : ส่งสัญญาณค่าเงินบาทแข็งโป๊ก

อดีตสหายอีสานเตรียมบุกทำเนียบทวงสัญญา พฤษภาคม 13, 2009

อดีตสหายอีสานเตรียมบุกทำเนียบทวงสัญญา
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกภูมิภาค | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ShowMemberLite()

อดีตสหายอีสานเตรียมบุกทำเนียบทวงสัญญา
อ่านต่อที่ : อดีตสหายอีสานเตรียมบุกทำเนียบทวงสัญญา

โรงตึ๊งแม่สอดสำรองเงิน 10 ล้านรับเปิดเทอม พฤษภาคม 13, 2009

โรงตึ๊งแม่สอดสำรองเงิน 10 ล้านรับเปิดเทอม
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกภูมิภาค | ภาคเหนือ

ShowMemberLite()

โรงตึ๊งแม่สอดสำรองเงิน 10 ล้านรับเปิดเทอม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 11:04 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด

ตาก – สถานธนานุบาลเมืองแม่สอด สำรองเงิน 10 ล้านรับเปิดเทอม บรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ปกครอง คิดดอกร้อยละ 1 บาท
       
       นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองแม่สอด(โรงรับจำนำ)ได้สำรองเงินจำนวนประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อรองรับและให้บริการกับพ่อ-แม่ ผู้ปกครอง นักเรียนที่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายการศึกษาของบุตร-หลาน เช่นการเพิ่มเติมเสริม การซื้อ-เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน โดยสามารถนำสิ่งของที่มีอยู่ไปจำนำได้ในราคาที่สูง คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 และผ่อนนาน 4 เดือน
       
       
อ่านต่อที่ : โรงตึ๊งแม่สอดสำรองเงิน 10 ล้านรับเปิดเทอม

06:42 น. ตรวจร้าน”เหล้าปั่น-โอเกะ”เมืองชลฯเสียงดังเดือดร้อนชาวบ้าน พฤษภาคม 13, 2009

06:42 น. ตรวจร้าน”เหล้าปั่น-โอเกะ”เมืองชลฯเสียงดังเดือดร้อนชาวบ้าน

06:42 น.

กลางดึกที่ผ่านมา นายภูษิต แจ่มศรี รองปลัดเทศบาลตำบลแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ชลบุรี 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง ได้ร่วมกันออกตรวจตามร้านยาดอง-เหล้าปั่น และร้านคาราโอเกะในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแหลมฉบัง
ภายหลังจากที่ทางเทศบาลได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จำนวนมากว่า ได้รับความเดือดร้อนจากร้านดังกล่าวที่เปิดเสียงดัง จนชาวบ้านไม่เป็นอันพักผ่อน
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเทศบาลได้เรียกประชุมบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่ซึ่งมีร้านคาราโอเกะแบบเปิดโล่งจำนวน 80 ร้าน ร้านยาดอง-เหล้าปั่น 132 ร้าน เข้าและพบว่าไม่มีร้านใดทำถูกกฎหมายแม้แต่ร้านเดียว ทางเทศบาลและเจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ชลบุรี 2 ได้ชี้แจงข้อกฎหมายและวางมาตรการจัดระเบียบ โดยให้เวลา 30 วัน
จนกระทั่งในวันนี้เป็นวันครบกำหนดจึงได้มีการออกตรวจจับร้านที่ทำผิดกฎหมาย และก็ยังพบว่า ยังมีหลายร้านยังไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่วางไว้ จึงได้มีการดำเนินเปรียบเทียบปรับ
ส่วนร้านคาราโอเกะเปิดโล่งที่เปิดเสียงเพลงดังรบกวน ในเบื้องต้นก็ได้สั่งปิดร้านไว้ก่อนโดยให้จัดทำเป็นอาคารที่มิดชิด ไม่ให้ส่งเสียงออกไปรบกวนชาวบ้านข้างเคียง หากยังไม่มีการแก้ไขก็จะสั่งระงับใบอนุญาตและดำเนินการปิดร้านยาดองหรือร้านคาราโอเกะนั้นๆต่อไป

อ่านต่อที่ : 06:42 น. ตรวจร้าน”เหล้าปั่น-โอเกะ”เมืองชลฯเสียงดังเดือดร้อนชาวบ้าน

ยืนตากแดดรอจ่ายค่าไฟ พฤษภาคม 13, 2009

ยืนตากแดดรอจ่ายค่าไฟ

คมชัดลึก :ผมเป็นคนหนึ่งที่เดือดร้อนกับพิษวันหยุดช่วงสงกรานต์ที่รัฐบาลประกาศให้หยุดเพิ่มอีก 2 วัน เมื่อวันที่ 16-17 เมษายน ที่ผ่านมานั้น

เนื่องจากผมต้องไปชำระค่าไฟฟ้าที่เกินกำหนดมา 3 วัน และจะใช้บริการที่ใกล้บ้านที่สุดคือ การไฟฟ้าสาขาย่อยบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ผมโทรศัพท์ไปสอบถามที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า 1130 เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปชำระในวันที่ 20 เมษายน
 พอถึงวันที่ 20 เมษายน ซึ่งเป็นวันเปิดทำการวันแรก เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าสาขาย่อยบางบ่อ บอกว่า ไม่รับให้ไปจ่ายที่อื่น เพราะมีคิวหลายบิล
 คิดดูสิครับ ผมรอคิวเกือบสองชั่วโมง ตากแดดยืนรอข้างนอก เพราะข้างในไม่มีที่ให้ยืน แต่พอถึงคิวผมเจ้าหน้าที่กลับบอกว่า ไม่รับให้ไปจ่ายที่อื่น ผมไม่เข้าใจผมนำบิลไฟฟ้ามาจ่ายการไฟฟ้าแต่ไม่รับ ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าจะมีที่ไหนรับชำระ ทั้งๆ ที่ผมอยากจ่าย แต่ติดวันหยุด เจ้าหน้าที่ได้วันหยุดเพิ่มคงดีใจ แต่ที่เศร้าใจก็คือประชาชน น่าจะยืดเวลาหลังเปิดทำการให้บ้างสักสัปดาห์ จะได้ไม่แห่กันไปขนาดนี้
 แต่ก็อย่างว่าเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าไม่ได้เดือดร้อนกับประชาชนที่ถูกตัดไฟ…บริการแย่มากๆ
ฟ้าใส ณ หนองบัว
ตอบ
 การไฟฟ้านครหลวงเขตบางพลี สาขาย่อยบางบ่อ ชี้แจงว่า ในวันนั้นเป็นวันเปิดทำการวันแรก เนื่องจากติดวันหยุดหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา จึงมีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
 การรับชำระค่าบริการในบิลธรรมดาจะไม่มีปัญหา สามารรับชำระให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว กรณีของคุณบิลที่คุณนำมาชำระคงจะมีปัญหาจึงทำให้ไม่สามารถชำระค่าบริการได้
 ส่วนสถานที่ยอมรับว่าคนแน่นมาก ไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ทำให้ลูกค้าต้องยืนต่อแถวยาว รอคิวตากแดดออกไปถึงด้านนอกอาคารซึ่งไม่มีหลังคาบังแดด ซึ่งในวันนั้นแดดแรงมากจริงๆ ลูกค้าจึงไม่ได้รับความสะดวก
 การไฟฟ้าบอกว่า ในวันนั้นได้ทำการเปิดรับชำระถึงเวลา 17.00 น. คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธการรับบิลค่าไฟของคุณ ถ้ามีการปฏิเสธ แสดงว่าบิลค่าไฟของคุณคงมีปัญหาแน่นอน
ลุงแจ่ม

อ่านต่อที่ : ยืนตากแดดรอจ่ายค่าไฟ

ถูกเบี้ยวค่าจ้าง พฤษภาคม 13, 2009

ถูกเบี้ยวค่าจ้าง

คมชัดลึก :ผมได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากได้รับการว่าจ้างให้ถมที่ดินโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง ตั้งอยู่บริเวณ ถนนราษฎร์พัฒนา และได้ทำการส่งงวดงานเข้าไปยังบริษัทผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 3,500,000 บาท เมื่อประมาณเดือนกันยายน 2550 จนถึงขณะนี้ทางผู้ว่าจ้างก็ยังไม่ยอมชำระหนี้ตามสัญญา

ทำให้บริษัทได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากไม่มีเงินไปชำระค่าดิน และค่าเครื่องจักรต่างๆ
 ผมจึงทำหนังสือให้ทางบริษัทผู้ว่าจ้าง ลงวันที่ 7 มกราคม 2552 ให้ผ่อนชำระเป็นจำนวนเงิน 400,000 บาทต่อเดือน แต่ทางบริษัทผู้ว่าจ้างก็ไม่ยอมชำระเงินตามสัญญา บัดนี้ยังคงเหลือยอดค้างชำระอยู่ประมาณ 2,200,000 บาท ทั้งที่บริษัทผู้ว่าจ้างมีทุนจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นับพันล้านบาท แต่ค้างเงินผู้รับเหมาเพียง 2,200,000 บาท ทำให้ผู้รับเหมาได้รับความเดือดร้อน
 ผมได้ไปแจ้งความและร้องเรียนผ่านไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว

 อยากทราบว่าผมจะทำอย่างไรในทางกฎหมายได้บ้างครับ เพราะเจรจาแล้วก็ไม่ได้ผล
จำเดิม
ตอบ
 ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ยศศักดิ์  โกไศยกานนท์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า ในทางกฎหมายแล้ว ถึงแม้ว่าเบื้องต้นที่คุณเข้าไปรับงานนี้จะไม่มีสัญญาว่าจ้างในการจัดทำเป็นลายลักษณอักษร เรื่องนี้ก็สามารถฟ้องร้องได้ ในเมื่อได้มีการทำสัญญาไว้แล้วก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะยังไงสัญญาที่ทำไว้นั้น ก็มีผลทางกฎหมายในการบังคับให้ผู้ว่าจ้างต้องจ่ายเงินอยู่ดี
 ดังนั้น เบื้องต้น ใช้วิธีเจรจาเหมือนที่ผ่านมา เพื่อให้ทางโน้นได้จ่ายเงินมาบ้าง หรือจะเป็นการผัดผ่อน หรือผ่อนชำระก็ดี ควรจะเจรจาก่อน หลังจากนั้น ถ้ายังไม่มีผลอะไรมาก เรื่องนี้ก็ฟ้องร้องได้เลย เพราะจากการที่คุณมีจดหมายทวงถามไป และจากการที่ทางฝ่ายโน้นเคยจ่ายชำระมาบ้างแล้ว สิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่า ได้มีการว่าจ้างคุณให้ทำงานให้จริง และทางโน้นยังจ่ายเงินคุณไม่ครบ ซึ่งใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้ทางคดีได้ เมื่อผ่านกระบวนการของศาล คุณจะได้รับความเป็นธรรมมากสุด

อ่านต่อที่ : ถูกเบี้ยวค่าจ้าง