jump to navigation

หนีไม่พ้น พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

หนีไม่พ้น

คมชัดลึก : เมื่อรัฐบาลนี้กำลังขนเงินขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อโปรยหว่านไปโดยอ้างว่าจะเป็นมาตรการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้มีผู้ท้วงติงว่ารัฐบาลจะใช้จ่ายเกินตัวและต้องไปกู้เงินมาใช้ เอาเงินอนาคตมาใช้เป็นการสร้างภาระให้แก่ลูกหลาน ผู้ใหญ่ทางรัฐบาลก็ได้ออกมาแถลงเอาบุญเอาคุณว่าไปกู้เงินมาใช้ก็ดีอยู่แล้วที่ไม่รีดภาษีจากประชาชนเพิ่มขึ้น

ไม่วายที่กลิ่นปากจะจางหายไป รัฐบาลนี้ก็ต้องขึ้นภาษีนำมาโปะค่าใช้จ่ายที่ท่วมท้นรายได้โดยเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมาย อีกทั้งรายได้จากรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ส่งมาไม่เข้าตามเป้า จึงหนีความจริงไม่พ้นลืมคำพูดที่กล่าวอ้างไว้สนิทแล้วก็หันมาเก็บภาษีเพิ่ม

 การเก็บภาษีเพิ่มในรอบแรกนั้น รัฐบาลได้แก้ขวยด้วยการเริ่มเก็บภาษีที่ผู้คนจะไม่ค่อยว่ากันด้วยคำพูดสวยๆ ที่ว่า “เก็บภาษีบาป” คือเก็บจากสุรายาเมาเหล้าเบียร์

 ภาษีบาปที่รอคิวอยู่ก็คือ ขึ้นภาษีบุหรี่ แล้วก็จะตามด้วยภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งใครๆ ก็ไม่สามารถเรียกว่าเป็นภาษีบาป ภาษีทรัพย์สินและที่ดินก็เข้าแถวรอคิวอยู่เช่นเดียวกัน

 อันว่าราคาน้ำมันนั้น ใครๆ ก็ยอมรับกันว่ามีผลต่อค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง ชั้นต้นรัฐบาลก็คงจะไม่ต้องการให้ “ไก่ตื่น” โดยภาษีสรรพสามิตที่เก็บนี้จะมีวิธียักย้ายถ่ายเทเอาจากเงินกองทุนน้ำมัน เช่น บางท่านก็มาอธิบายว่าจะลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันสูงขึ้น แต่ถ้าน้ำมันต้องขึ้นราคาเพราะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นก็ช่วยไม่ได้ อนึ่ง การผันเงินเก็บเข้ากองทุนฯ ไปเป็นภาษีสรรพสามิตนั้นก็มีให้เพียงแค่เดือนสองเดือน ดังนั้น ถ้าราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นตามแนวโน้มของโลก ก็เชื่อได้เลยว่าประชาชนจะโดนสองเด้ง ทั้งราคาขายปลีกที่เพิ่มจากราคาน้ำมันดิบและจากภาษีสรรพสามิต

 ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกนั้น ได้เริ่มส่งผลที่เป็นรูปธรรมชัดเจนแสดงออกทางปัญหาทางการคลังของประเทศไทย โดยมีข่าวว่างบปี 2552-2553 เริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 นั้นปิดหีบไม่ลงจะต้องตัดลงถึงประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะจากโครงการของพรรคร่วมฯ และการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกลาโหม ซึ่งเป็นการบ้านที่แสนยากของนายกฯ อภิสิทธิ์อย่างน่าเห็นใจ

 ในเรื่องการตั้งงบประมาณ รวมทั้งการกู้เงิน 8 แสนล้านบาทมาเสริมเพิ่มงบลงทุนนั้น ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ก็เห็นเป็นการสมควร แต่แถมข้อสังเกตว่าจะต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพไม่ให้เกิดการทุจริตรั่วไหลแล้วแถมว่าในการลงทุนต่างๆ นั้นมีการเรียกค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 20% ของมูลค่าโครงการ

 ว่าอันที่จริงแล้ว ทีดีอาร์ไอก็มีทรัพยากรบุคคลพอที่จะสืบค้นหาความจริง ว่าโครงการใดบ้างของใครรับผิดชอบที่เรียกเงินค่าคอมมิชชั่นสูงขนาดนั้น ส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการไม่ใช่เพียงแต่กล่าวลอยๆ เหมือนชาวบ้านทั่วไป

 ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สรุปว่า เฉลี่ยคนไทยอย่างคุณอย่างผมจะเป็นหนี้เพิ่มขึ้นเป็นคนละแสนบาท

 เรื่องที่หนีไม่พ้นก็คือ เป็นคนชาติใดก็ต้องเสียภาษี เว้นแต่คนชาติที่มีรัฐบาลเก่งและดี ภาษีก็จะตกแก่ประชาชน ทำให้กินดีอยู่ดีมีความสุข
ทำอย่างไรเราจะได้รัฐบาลที่เก่งและดี

นายหนูใหญ่
nainuyai@gmail.com

อ่านต่อที่ : หนีไม่พ้น

ย้ายนอกฤดู”แดงเสื้อ-แดงสิงห์” พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in การเมือง.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ย้ายนอกฤดู”แดงเสื้อ-แดงสิงห์”

คมชัดลึก : เป็นอีกครั้งสำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ที่หนีไม่พ้นข้อครหา \”ค่าของคน ก็คือ คนของใคร\” ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง บางคนที่ดูเหมือนจะทิ้งความหวังไปแล้ว ก็เหมือนถูกหวย ได้ไม้ค้ำถ่อกระโดดพรวดเดียวถึงฝั่ง ทั้งที่ไม่เคยฝันมาก่อน

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน ซึ่งทุกวันนี้เปลี่ยนอย่างรุนแรง รวดเร็วราวกับติดจรวด เพราะผูกติดอยู่กับแรงกระเพื่อมและการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง

 การแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละครั้ง ผู้ที่เฝ้าจับตามองก็ได้แต่ทอดถอนใจ

 ส่วนผู้ที่ถูกกระทำก็มีบ้างที่ฮึดฮัด จะฟ้องร้อง แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ เงียบหายไปกับกาลเวลา

 ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยชงโผโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 เข้าที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติและให้นายกฯ นำขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพียงแค่ 7 คน แต่เพียงแค่ 7 คนนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไหลหลั่งราวกับนั่งอ่านนวนิยาย

 นายวีระวิทย์ วิวัฒนวานิช จาก ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ไปเป็น ผู้ว่าฯ น่าน

 นายสุรพล พงษ์ทัดสิริกุล จากผู้ว่าฯ ชลบุรี ไปเป็น ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา

 นายเสนีย์ จิตตเกษม จากผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ไปเป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี

 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ น่าน

 นายระพี ผ่องบุพกิจ รองผู้ว่าฯ อุทัยธานี ขึ้นเป็น ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ

 ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช จากผู้ว่าฯ แพร่ ไปเป็น นักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย

 นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปเป็น ผู้ว่าฯ แพร่

 ถามว่าเรื่อง \”สี\” ของสิงห์ ที่ \”สิงห์ดำ\” อย่าง วิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวง จะมีผลหรือไม่ ก็ยากที่จะยอมรับหรือปฏิเสธ เพราะ เสนีย์ จิตตเกษม ไปขึ้นที่ ชลบุรี ถิ่นที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยถูกเสื้อแดงไล่ทุบรถนั้น เหตุผลในเรื่องสีของสิงห์ น่าจะประกอบกับสีของเสื้ออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะ สุรพล พงษ์ทัดสิริกุล ที่ถูกลดชั้นไป ฉะเชิงเทรา นั้นแม้ไม่รู้ว่า \”เสื้อแดง\” หรือไม่ แต่ก็ชัดเจนว่าเป็น \”สิงห์แดง\”

 แต่การย้าย ผู้ว่าฯ สุรพล ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะสัญญาณชัดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 และผู้บังคับการจังหวัด ถูกย้ายไปช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 ลง ฉะเชิงเทรา ก็ถือว่าหรูแล้ว

 เพราะหลังเหตุการณ์ที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ถูกทุบรถแล้ว เมื่อถึงวันงานจริง การประชุมอาเซียน เสื้อแดงที่ฮือโหมรุกไล่ จนสุดท้ายต้องยกเลิกการประชุม จนทำให้ประเทศไทยอับอายขายหน้าไปทั่วโลก เพราะปล่อยให้เรื่องภายในทำลายการเจรจาผลประโยชน์ของประเทศเพื่อนสมาชิกอาเซียน ประชาชนหลายพันล้านพลาดโอกาสที่ควรจะได้

 คงไม่ต้องบรรยายถึงความพออกพอใจของ อภิสิทธิ์ สุเทพ เทือกสุบรรณ รวมทั้ง เนวิน ชิดชอบ ที่อุตส่าห์ ใส่เสื้อสีน้ำเงินซ้อนมอเตอร์ไซค์ไป \”ดูงาน\”  ในวันประชุมอาเซียน

 แม้ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา จะได้รับการปรนนิบัติอย่างดีครั้งไปตรวจราชการที่ชลบุรี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แต่ สุรพล ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกย้าย

 และแม้ สุรพล จะเข้านอกออกในบ้านเมืองทองธานี ของ เสนาะ เทียนทอง เพราะบ้านพักอยู่ห่างกันไม่กี่เมตร แต่ก็อย่างที่บอก ฉะเชิงเทรานับว่าดูดีที่สุดแล้ว

 เมื่อโอกาสเปิด เสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ที่ว่ากันว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน รักใคร่เป็นอย่างดี รวมทั้งกับ สนธยา คุณปลื้ม เพื่อนรักเนวิน เมื่อครั้งจับมือกันในนาม \”กลุ่ม 16\”

 เสนีย์ จิตตเกษม จึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับกลุ่มคุณปลื้ม และเพื่อนเนวิน

 อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมของสุรพลนั้น เมื่อเทียบกับ ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช สิงห์แดง แห่งจ.แพร่ ที่ถูกเด้งลดชั้นแบบไม่ไว้หน้า เพราะให้มารับตำแหน่งนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย

 เพราะตำแหน่งนี้นอกจากลอยเท้งเต้งแล้ว เงินประจำตำแหน่งก็ยังไม่มี

 สิงห์แดงผู้อาภัพผู้นี้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ในยุครัฐบาลพรรคพลังประชาชน ที่ จ.แพร่ เมืองเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยการต่อสู้ทางการเมืองที่รุนแรง

 เรื่องนี้ถ้าถาม วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กับ \”แม่เลี้ยงติ๊ก\” ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ถึงแม้ทั้งสองจะอยู่ต่างพรรค แต่ก็น่าจะให้คำยืนยันที่ตรงกันได้ว่า ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เสียงปืนได้สิ้นไปจากเมืองแพร่แล้วหรือยัง

 เมื่อเด้ง ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ แล้ว วัลลภ พริ้งพงษ์ ก็ได้โอกาสลุกจากรองอธิบดีกรมส่งเสริมฯ ที่นั่งมานาน ได้โอกาสไปขึ้นที่ จ.แพร่

 ผู้ว่าฯ พื้นที่สีแดงอีกรายที่อยู่ในข่าย \”อาดูร\” ก็คือ สมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯ น่าน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ \”เจ๊แดง\” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีแนวโน้มถูกลดชั้นลงฮวบฮาบไปลงตำแหน่ง รองอธิบดีกรมการปกครอง ที่ปกติตำแหน่งนี้ ซี 9 ไม่ใช่ซี 10

 งานนี้จะแหกประเพณี-ธรรมเนียมปฏิบัติหรือไม่ยังต้องลุ้นกันอีกยก เพราะคำสั่งที่ออกมา ให้พ้นจากผู้ว่าฯ น่านเฉยๆ

 สำหรับ จ.น่าน มีส.ส.ที่ไม่เพียงคนในสภา แม้แต่ชาวบ้านร้านตลาดที่ติดตามรับชมการอภิปราย ไม่ว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรืองบประมาณ หรืออภิปรายในเรื่องอื่นๆ ก็จะรู้ว่า มี ส.ส.ที่เป็นหมอ ชื่อ ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย ที่เป็นเจ้าประจำในการยกมือขอพูด

 ที่ผ่านมา จ.น่าน ถูกขึ้นบัญชีความมั่นคงว่า มีการชุมนุมทางการเมืองกันบ่อยครั้ง ที่หน้าศาลากลางจังหวัด โดยมีวิทยุชุมชน เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียกระดมพล ซึ่งไม่ต่างจากจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน

 การชุมนุมเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลก่อนที่จะมีการสลายการชุมนุม คนน่านบางส่วนก็มีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศการชุมนุมมาแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีรายงานปรากฏว่า ที่มาชุมนุมนั้นไปร่วมป่วนบ้านเผาเมืองกับเขาหรือไม่

 แต่นั่นก็ทำให้ วีระวิทย์ วิวัฒนวานิช ที่ย้ายจาก ฉะเชิงเทรา เมืองแปดริ้ว ไปเป็น ผู้ว่าฯ น่าน ต้องทำการบ้านหนักเป็นพิเศษ

 แปดริ้วแม้ส่วนหนึ่งจะเป็นสีแดง แต่ก็เป็นแดงอีกอย่างที่ระยะเวลาที่ผ่านมา ก็น่าจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้เมืองแปดริ้วจะมีบางส่วนที่แดง แต่ก็แดงอย่างที่ วีระวิทย์ พอจะเข้าใจ

 ส่วนแดงที่น่านนั้น จะเป็นแดงแบบที่เมืองแปดริ้ว หรือไม่ ยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์

 แต่ก็คงได้ไม่นานนัก เพราะวีระวิทย์ จะเกษียณอายุในปี 2553

 แต่ที่ดูจะเป็นการ \”พาสชั้น\” และได้ดีที่สุด น่าจะเป็น ระพี ผ่องบุพกิจ จากรอง ผวจ.อุทัยธานี \”สิงห์แดง\” รายนี้ก้าวพรวดขึ้น ซี 10 ที่ศรีสะเกษ ทั้งที่อีก 11 ปี ถึงจะเกษียณ (2563)

 ระพี เป็นเสื้อแดงหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่า \”สิงห์แดง\” รายนี้ เป็นเพื่อนร่วมสถาบันกับ \”สิงห์แดง\” อย่าง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ !

วัฒนา ค้ำชู

อ่านต่อที่ : ย้ายนอกฤดู”แดงเสื้อ-แดงสิงห์”