jump to navigation

มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท ชวนเพื่อนร่วมทำงานเพื่อสังคม พฤษภาคม 27, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: ,
add a comment

มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท ชวนเพื่อนร่วมทำงานเพื่อสังคม

มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท ชวนเพื่อนร่วมทำงานเพื่อสังคม

นายสุปรี เบ้าสิงห์สวย ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมถึงแผนการดำเนินงานในทศวรรษที่ 3 ของมูลนิธิฯว่า จะเปิดโอกาสให้องค์กรภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานต่างๆ ร่วมดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรในทุกๆด้านมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ผ่านมามูลนิธิมีบทบาทของผู้ปฏิบัติและผู้ประสานงานมาตลอด จนกระทั่งปัจจุบันพบว่า มีหลายองค์กรสนใจอยากมีส่วนเข้าร่วมดำเนินโครงการเพื่อสังคมของมูลนิธิและแจ้งความจำนงเข้ามา   

“กว่า 20 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิได้ดำเนินโครงการเพื่อลดจุดด้อยและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรมาโดยตลอด ก่อเกิดเป็นประสบการณ์ความรู้ เป็นโมเดลหรือรูปแบบการทำงานร่วมกับเกษตรกร เข้าใจธรรมชาติของเขาและสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันพบว่ามีหลายหน่วยงานที่มองเห็นและแสดงความจำนงต้องการเข้าร่วมมือกับทางมูลนิธิ เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์สังคม หน่วยงานแต่ละแห่งต่างมีจุดเด่นและข้อจำกัดกันคนละอย่าง แต่เมื่อมารวมกันแล้ว กลับทำให้เกิดพลังความร่วมมือและสร้างสรรค์สังคมได้มากยิ่งขึ้น” นายสุปรีกล่าว

นับแต่นี้ไปมูลนิธิฯ จะเน้นการพัฒนาเครือข่าย (Networking) ซึ่งเปรียบการทำงานของมูลนิธิเป็นเจ้าภาพจัดการโครงการ หรือ Organizer โดยนำรูปแบบโครงการที่สำเร็จแล้วไปขยายผล ยกตัวอย่างเช่น โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ที่ต้องถ่ายทอดความรู้และการจัดการอย่างเป็นระบบ  ที่ผ่านมามูลนิธิอาจใช้เวลาถึง 20 ปีในการดำเนินโครงการให้ได้ 278 โรงเรียน แต่ในปี 2552 นี้ มูลนิธิอาจสามารถดำเนินโครงการได้ราว 80-100 แห่งภายในปีเดียว เนื่องจากได้รับความสนใจจากโรงเรียนต่างๆ ขอเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีหน่วยงานเอกชนหลายแห่ง ตลอดจน NGO ต่างๆที่มีงบประมาณสนับสนุนแต่ขาดแคลนบุคลากรผู้ลงมือทำ ก็ได้แสดงความต้องการเข้าร่วมโครงการด้วย กรณีเช่นนี้ มูลนิธิฯ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการดำเนินโครงการฯ จะร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการฯ ของแต่ละโรงเรียน และเชิญชวนมาเป็นเจ้าภาพร่วมในการดำเนินการ เป็นต้น

มูลนิธิฯยังเน้นการดำเนินโครงการตามพระราชดำริในโครงการอื่นๆด้วย ได้แก่ โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ 14 สหกรณ์ ในพื้นที่ 8 จังหวัด โครงการศูนย์ฝึกอาชีพเยาวชนเกษตรห้วยทราย โครงการนักเรียนทุนในพระราชานุเคราะห์ โครงการพัฒนาอาชีพพื้นที่ตำบลปากรอ อ.สิงหนคร จ.สงขลา และโครงการครอบครัวอุปการะ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการพัฒนางานเกษตรกรรมอย่างรอบด้าน

“หน่วยงาน หรือองค์กรใดที่ต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือประสงค์จะร่วมกับมูลนิธิเพื่อพัฒนาสังคมในโครงการตางๆ ที่มูลนิธิดำเนินการอยู่ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ 02-625-7342”  นายสุปรีกล่าวทิ้งท้าย

มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2530 เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในอันที่จะดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท ให้สอดคล้องกับแนวพระราชดำริและพระราชกรณียกิจในงานพัฒนาสังคมขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

อ่านต่อที่ : มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท ชวนเพื่อนร่วมทำงานเพื่อสังคม

สัญญาสถานีและวางรางตรวจรับงานไม่ได้เปิดใช้รถไฟฟ้าไปฝั่งธนฯวันนี้ยังป่วน พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

สัญญาสถานีและวางรางตรวจรับงานไม่ได้เปิดใช้รถไฟฟ้าไปฝั่งธนฯวันนี้ยังป่วน

รายงานข่าวแจ้งว่า ในขณะที่ผู้บริหาร กทม. กำหนดเปิดใช้โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ระยะทาง 2.2 กม. จากสาทร-ตากสิน ไปฝั่งธนบุรี ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดและร่วมทดสอบนั่งรถไฟฟ้าเวลา 06.00-06.30 น. นั้น แต่ในส่วนของงานจัดซื้อและติดตั้งระบบขนส่งมวลชนส่วนต่อขยายสายนี้ที่ กทม.ลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัทชิโน-ไท เป็นผู้ดำเนินการ ลงนามในสัญญาเดือน ม.ค. 2550 สิ้นสุดสัญญาเดือน ต.ค. 2550 วงเงิน 1,033 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างสถานีและวางราง ซึ่งแม้งานก่อสร้างจะเสร็จแล้วและจะเปิดใช้งานวันนี้แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องสัญญาระหว่าง กทม.และบริษัทชิโน-ไท ที่จนขณะนี้ยังไม่ได้ตรวจรับงานแค่เพียงตรวจรับสภาพไว้เท่านั้น เนื่องจากขณะนั้นผู้รับเหมาได้ขอขยายเวลาก่อสร้างไปอีก 180 วัน ตามมติ ครม. อย่างไรก็ตามมติ ครม.   อนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้างได้เฉพาะงานก่อสร้างเท่านั้น แต่สัญญานี้ กทม.ว่าจ้างในลักษณะของงานจัดซื้อและติดตั้งระบบ ถือว่าไม่ใช่งานก่อสร้าง ขณะที่บริษัทแย้งว่าแม้เป็นสัญญาจัดซื้อแต่ในการทำงานก็มีการก่อสร้างด้วยไม่ใช่แค่งานนำโครงสร้างมาติดตั้งเท่านั้น ทำให้มีปัญหาในข้อกฎหมายขึ้นและตรวจรับงานยังไม่ได้ จนต้องนำเสนอสำนักงานกฎหมายและคดี กทม.พิจารณา ซึ่งล่าสุดสำนักงานกฎหมายเห็นว่าหากการทำงานมีลักษณะของการก่อสร้างมากกว่าการจัดซื้อก็สามารถขยายเวลาให้ผู้รับเหมาได้ จะทำให้ไม่ถูกค่าปรับวันละ 0.2% ของวงเงินก่อสร้างหรือราววันละ 2 ล้านบาท รวม 180 วันตกราว 360 ล้านบาท
 
รายงานข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตามมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า บริษัทผู้รับเหมามีการผลักดันให้ผู้บริหาร กทม.อนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้าง จะได้ไม่ถูกจ่ายค่าปรับ ทำให้ผู้บริหารมอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ตรวจเช็กรายละเอียดในการทำงานว่ามีเนื้องานก่อสร้างมากกว่าหรือเป็นการติดตั้งมากกว่าตามที่สำนักงานกฎหมายฯพิจารณา ซึ่งหากเป็นงานก่อสร้างมากกว่าก็จะได้ขยายเวลาให้ผู้รับเหมา แต่จะเกิดปัญหาว่าหาก สจส.เห็นว่าเป็นการก่อสร้างมากกว่าแล้วทำไมตอนแรกที่เสนอโครงการถึงกำหนดรูปแบบโครงการเป็นการจัดซื้อพร้อมติดตั้งถึงไม่ใช่งานก่อสร้าง ซึ่งยังไม่มีข้อยุติจนถึงขณะนี้.

อ่านต่อที่ : สัญญาสถานีและวางรางตรวจรับงานไม่ได้เปิดใช้รถไฟฟ้าไปฝั่งธนฯวันนี้ยังป่วน