jump to navigation

09:06 น. เมีย”สมคิด”ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้แต่เกิด พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

09:06 น. เมีย”สมคิด”ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้แต่เกิด

15 พค. 2552 09:06 น.

นางทองมา บาลไธสง ภรรยานายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเหตุวุ่นวายในสภา ว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า นายสมคิดเดินอย่างครองสติไม่อยู่นั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะนายสมคิดไม่ได้กินเหล้าเลย และมีท่าทางการเดินและมีเสียงแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว คนหนองคายรู้กันดี ขอให้ไปดูกันเองว่า ใครกันแน่ที่ครองสติไม่อยู่ ขอให้ดูว่าทางประชาธิปัตย์ทั้งดิ้นและกระโจนเข้ามา ไม่ใช่มาห้ามตามที่กล่าว
“ปกติพี่สมคิดดื่มเหล้าบ้างเวลาสังสรรค์ แต่ปกติจะไม่ออกไปไหน จะนอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม การที่ประชาธิปัตย์พูดแบบนี้ ถือว่าเสียหาย ดิฉันเองก็เป็นคนรักษาศีล” นางทองมา กล่าว

อ่านต่อที่ : 09:06 น. เมีย”สมคิด”ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้แต่เกิด

เมีย”สมคิด”ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

เมีย”สมคิด”ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด

เมีย"สมคิด"ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด

นางทองมา บาลไธสง ภรรยานายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้เหตุวุ่นวายในสภา ผ่านช่อง 3 ว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า นายสมคิดเดินอย่างครองสติม่อยู่นั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะนายสมคิดไม่ได้กินเหล้าเลย และมีท่าทางการเดินและมีเสียงแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว คนหนองคายรู้กันดี ขอให้ไปดูกันเองว่า ใครกันแน่ที่ครองสติม่อยู่ ขอให้ดูว่าทางประชาธิปัตย์ทั้งดิ้นและกระโจนเข้ามา ไม่ใช่มาห้ามตามที่กล่าว

“ปกติพี่สมคิดดื่มเหล้าบ้างเวลาสังสรรค์ แต่ปกติจะไม่ออกไปไหน จะนอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม การที่ประชาธิปัตย์พูดแบบนี้ ถือว่าเสียหาย ดิฉันเองก็เป็นคนรักษาศีล” นางทองมา กล่าว

อ่านต่อที่ : เมีย”สมคิด”ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด

เผยพฤติกรรมโจ๋เมืองกรุงใช้อินเทอร์เน็ต จนสุขภาพร่างกายเสื่อม พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in คุณภาพชีวิต.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

เผยพฤติกรรมโจ๋เมืองกรุงใช้อินเทอร์เน็ต จนสุขภาพร่างกายเสื่อม

เผยพฤติกรรมโจ๋เมืองกรุงใช้อินเทอร์เน็ต จนสุขภาพร่างกายเสื่อม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 16:14 น.

       พม.เผยผลสำรวจผลกระทบการใช้อินเตอร์เน็ตเยาวชนเมืองกรุง พบในทางบวกทำให้มีเพื่อนเพิ่มขึ้น มีความมุ่งมั่น เพลิดเพลิน ขณะที่ด้านลบทำร่างกายเสื่อมทั้ง สายตาสั้น ปวดหัวเมื่อยล้า ขับถ่ายมีปัญหา ผลต่อจิตใจ ทำให้เศร้า ด้านสังคมม่อยากเจอเพื่อน ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

       วันนี้(14 พ.ค.) น.ส.ประพิมพ์พรรณ สุวรรณกูฏ นักพัฒนาสังคม สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) กล่าวว่า จากการศึกษา เรื่อง ผลกระทบของอินเทอร์เน็ตต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนไทย : กรณีศึกษากรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยศึกษาพฤติกรรมการรับข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตของเด็กและเยาวชน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านบันเทิง ด้านลบ และด้านธุระ/ซื้อขาย รวมถึงการศึกษาความสัมพันธ์ของผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่เกิดจากการรับสื่ออินเทอร์เน็ตด้านต่าง ๆ กับกลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กและเยาวชนในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,584 คน แบ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจำนวน 851 คน นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 733 คน เพศชาย 518 คน เพศหญิง 1,067 คน อยู่ในช่วงอายุ 18-20 ปี มากที่สุด 546 คน ส่วนใหญ่บิดาและมารดาจะจบปริญญาตรี อาชีพหลักของครอบครัว พบว่า ประกอบอาชีพค้าขาย ธุรกิจส่วนตัว และเกษตรกร
       
       น.ส.ประพิมพ์พรรณ กล่าวว่า ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการรับสื่ออินเทอร์เน็ตบันเทิงมากที่สุด ได้แก่ รับข่าวสาร พูดคุยติดต่อเพื่อน ดูหนังฟังเพลง เสนอความคิดเห็นในกระทู้ต่าง ๆ รองลงมาด้านการศึกษา เพื่อใช้ส่งงานให้อาจารย์ทางอีเมล์ หาข้อมูลในการเรียนหรือเตรียมตัวสอบ ค้นคว้าผ่านห้องสมุดดิจิตอล และแลกเปลี่ยนข่าวสารการเรียนกับเพื่อน ด้านธุระ/ซื้อขาย ได้แก่ ติดต่อธุระ ซื้อขายสินค้า หาข้อมูลสินค้า ทำธุระทางการเงิน จ่ายค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ หาข้อมูลเพื่อการทำงานที่มิใช่การเรียน สร้างรายได้ และด้านลบ ได้แก่ เรื่องราวที่ตอบสนองอารมณ์ทางเพศ ดูคลิปวิดีโอหรือภาพโป๊เปลือย ค้นข้อมูลที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นของต้องห้าม นินทาหรือด่าว่ากัน สื่อสารกับเพื่อนในเรื่องที่ไม่อยากให้ผู้ใหญ่รู้ ใช้เพื่อการพนัน เล่นเกมออนไลน์เพื่อการเอาชนะและความสะใจ
       
       “ผลจากการใช้อินเทอร์เน็ตมีผลต่อสุขภาพจิตทางบวกของเด็กและเยาวชนมากที่สุด ได้แก่ ทำให้มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น เข้าใจและพอใจกับชีวิตของตนเอง มีความสุขกับสิ่งที่ทำแต่ละวัน สามารถจัดการปัญหาต่าง ๆ ให้สำเร็จ มีความมุ่งมั่นในการทำภารกิจต่าง ๆ รู้สึกสนุก เพลิดเพลินใจ รองลงมาคือสุขภาพกาย ในทางลบ ได้แก่ ทำให้อ่อนล้าสายตา สายตาสั้นลง ตาลาย เมื่อยแขน ปวดศีรษะ มึนศีรษะ ปวดก้นกบ หลัง ไหล่ กล้ามเนื้อมือและนิ้ว ร่างกายเมื่อยล้า อ่อนเพลีย ลืมเวลาทานอาหารจนปวดท้อง เพลินจนไม่ได้เข้าห้องน้ำ ทำให้มีผลต่อระบบขับถ่าย และสุขภาพจิตในทางลบ ได้แก่ ทำให้รู้สึกเศร้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่สามารถควบคุมสภาพจิตใจตนเองได้ หงุดหงิดกังวลใจกับเรื่องเล็กน้อย ทำงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายเสร็จไม่ทัน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง เบื่อหน่ายท้อแท้กับการดำเนินชีวิต”น.ส.ประพิมพ์พรรณกล่าว
       
       น.ส.ประพิมพ์พรรณ กล่าวอีกว่า การใช้อินเตอร์เน็ตของเด็กและเยาวชนยังเกิดผลกระทบด้านสังคม คือ ถูกหลอก เกิดอาชญากรรมเจอคนที่พูดไม่ดีรู้สึกแย่ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อยากไปเจอเพื่อน ๆ น้อยลง รู้จักแต่คนที่เล่นเกมที่รุนแรง อยู่ในโลกความฝัน ทำให้ไม่ค่อยรู้เรื่องภายนอก ใช้เวลาในโลกแห่งความเป็นจริงน้อยลง พูดคุยกับพ่อแม่น้อย ไม่คุยกับคนรอบข้าง บางครั้งทำให้ทะเลาะกันเพราะมีความคิดเห็นต่างกัน
       
       ทั้งนี้เด็กและเยาวชนยังแสดงความเห็นในการจัดการเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ควรมีกฎหมายสั่งปิด ปราบปราม เพื่อการสร้างสื่อที่ดีต่อสังคม การสมัครเข้าใช้ ออกมาตรการควบคุมอายุผู้เข้าชม รณรงค์ให้ผู้คนรู้จักละอายใจที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์เหล่านั้น หรือมีขั้นตอนการลงโทษ ประการแรกควรจะตักเตือน ถ้าเพิกเฉยก็ควรจะตักเตือนอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่สนใจควรปิดชั่วคราวเพื่อให้เจ้าของจัดการแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขก็สั่งปิดถาวร คอยตรวจสอบ เว็บไซต์ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ บางเว็บไซต์ก็ไม่สมควรปิด เพราะไม่ได้มีแต่ผลเสียเสมอไป ควรจัดการให้ถูกจุดถูกเรื่องมากกว่า
       
       “อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลมากขึ้น เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพและการละเมิดโดยการนำภาพคนอื่นมาตัดต่อให้เกิดความเสียหาย ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานด้วยไม่ใช่ปล่อยให้เล่นเพลิน แต่ส่วนหนึ่งก็ยังมองเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมยังมีประโยชน์เพื่อบำบัดอารมณ์ในพื้นที่ส่วนตัวไม่ก่อปัญหากับบุคคลอื่นๆ นอกจากนั้นอยากให้มีการปรับปรุงเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้มีเนื้อหาสาระผสมผสานกับความบันเทิง และมีพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชนมากขึ้น” นักพัฒนาสังคมกล่าว
       
       น.ส.ประพิมพ์พรรณ กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายจากงานวิจัยครั้งนี้ คือ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากการใช้อินเตอร์เน็ตของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งพบว่าเนื้อหาที่มีอยู่มากกว่า 1,000 ล้านเว็บไซต์ทั่วโลกมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และที่ก่อให้เกิดโทษ จึงควรมีมาตรการที่เข้มงวด มีประสิทธิภาพในการจัดการและป้องกันปัญหาที่เกิดจากอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะด้านเนื้อหา หรือรูปภาพต่าง ๆ โดยการออกข้อบังคับเพื่อปราบปรามสิ่งยั่วยุที่อาจจะมีอยู่มากเกินไปในสังคมไทย

อ่านต่อที่ : เผยพฤติกรรมโจ๋เมืองกรุงใช้อินเทอร์เน็ต จนสุขภาพร่างกายเสื่อม

“วาเลนเซีย” จ่อร่วมรั้งผี “บรูซ” ทำใจรั้งไม่อยู่ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in กีฬา.
Tags: , , , , , , , , , ,
add a comment

“วาเลนเซีย” จ่อร่วมรั้งผี “บรูซ” ทำใจรั้งไม่อยู่

“วาเลนเซีย” จ่อร่วมรั้งผี “บรูซ” ทำใจรั้งไม่อยู่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 11:30 น.

วาเลนเซีย

       “ผีแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่อคว้าตัว อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกขวาตัวเลื้อย คาดว่าค่าตัวจะสูงถึง 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1 พันล้านบาท) สตีฟ บรูซ นายใหญ่ วีแกน แอธเลติก ทำใจคงต้องเสียดาวเตะตัวเก่งในช่วงซัมเมอร์นี้
       
        บาเยิร์น มิวนิค, รีล มาดริด และ แมนฯยูไนเต็ด ล้วนอยากได้ตัว วาเลนเซีย มาเสริมทัพในช่วงปิดฤดูกาลนี้ แต่ล่าสุด “เดอะ ซัน” (THE SUN) รายงานว่าถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีภาษีมากที่สุดที่แข้งทีมชาติเอกวาดอร์ อยากไปอยู่ด้วย
       
        บรูซ นายใหญ่ วีแกน เผยว่า “คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วที่ วาเลนเซีย จะต้องย้ายออกไป แต่ยังไม่แน่ว่าเขาจะย้ายไปเล่นให้กับทีมใด ตอนนี้การทำสัญญายังไม่เสร็จสิ้น ผมกำลังตามข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ความจริงก็คือยังไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ ทั้งนั้น”
       
        สำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ แมนฯยู มีความสัมพันธ์อันดีกับ บรูซ ซึ่งเป็นอดีตลูกน้องเก่า ทำให้การเจรจาซื้อ วาเลนเซีย น่าจะง่ายยิ่งขึ้น มิหนำซ้ำเกือบจะได้แข้งวัย 23 ปี ตั้งแต่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ว่า วีแกน ขอรั้งตัวเอาไว้ช่วยทีมอีกปี

อ่านต่อที่ : “วาเลนเซีย” จ่อร่วมรั้งผี “บรูซ” ทำใจรั้งไม่อยู่

“มาร์ค”หัก”พรทิวา”ล้มประมูลข้าวโพด ชี้เป็นติครม.เก่า ให้”กอร์ปศักดิ์”จัดการแทน พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , ,
add a comment

“มาร์ค”หัก”พรทิวา”ล้มประมูลข้าวโพด ชี้เป็นติครม.เก่า ให้”กอร์ปศักดิ์”จัดการแทน

"มาร์ค"หัก"พรทิวา"ล้มประมูลข้าวโพด ชี้เป็นติครม.เก่า ให้"กอร์ปศักดิ์"จัดการแทน

ครม.หัก"พรทิวา"ไม่อนุมัติประมูลข้าวโพดสต๊อครัฐ เหตุเป็นมติ ครม.รัฐบาลชุดก่อน ให้ชุด "กอร์ปศักดิ์"นำไปพิจารณารายละเอียดใหม่ก่อนเปิดประมูล หวิดปะทะเดือดกลางที่ประชุม หลัง"ยรรยง"ชี้แจงแทน จนต้องเชิญออกนอกห้อง

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ตนเป็นประธาน รับเรื่องการระบายข้าวโพดในสต๊อกรัฐบาล จำนวน 4 แสนตัน ไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง เพราะเห็นว่าการเปิดประมูลข้าวโพดตามมติคณะกรรมการระบายข้าวโพดที่แต่งตั้งโดยมติครม.ชุดเดิมควรจะหมดสภาพไปแล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นชอบในหลักการว่านับจากนี้ต่อไปการระบายสินค้าในสต๊อกรัฐบาลต้องนำเรื่องเสนอ ครม.พิจารณาก่อน เพราะการระบายสินค้ามีความเสี่ยงกับการขาดทุนที่ครม.ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. กล่าวว่า การประชุมเรื่องระบายข้าวโพดครั้งนี้ใช้เวลาหารือหลายชั่วโมง และเป็นไปด้วยความตึงเครียด โดยนายกอร์ปศักดิ์ชี้แจงว่าอำนาจการระบายข้าวโพดควรจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดชุดปัจจุบัน นายกฯจึงสอบถามนางพรทิวาในรายละเอียดของการระบายข้าวโพด และตั้งข้อสังเกตุว่ามีผู้ส่งออกเข้าร่วมประมูล 4 ราย แต่ทราบว่ามีผู้ส่งออกรายหนึ่งกวาดสินค้าไปเกือบหมด ซึ่งนางพรทิวาไม่สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน ขณะที่รัฐมนตรีหลายคนเห็นว่าคณะกรรมการชุดเดิมที่ตั้งโดยครม.เก่า ควรจะหมดสภาพไปแล้ว

แหล่งข่าวกล่าวว่า นางพรทิวาได้ขออนุญาตให้นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นผู้ชี้แจงแทน แต่การชี้แจงของนายยรรยงยิ่งสร้างความตึงเครียดมากขึ้น เมื่อชี้แจงเรื่องอำนาจและความรับผิดชอบการระบายข้าวโพดอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะเมื่อถูกนายกฯโต้แย้งว่าถ้ากรมการค้าภายในคิดว่ามีอำนาจทำได้ จะรับไปทำก็ได้ แต่กรมพร้อมที่จะรับผิดชอบหรือไม่ นายยรรยงจึงย้อนว่าแล้วสถานะของครม. ถือเป็นนิติบุคคลหรือไม่ นายกฯจึงพูดตัดบทว่าถ้าไม่มีอะไรชี้แจงเพิ่มเติมก็เชิญออกได้ ทำให้นายยรรยงต้องออกจากห้องประชุม ครม.

“การโต้แย้งของนายยรรยงสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐมนตรีหลายคน โดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เอ่ยปากว่าทำงานการเมืองมานาน ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ทำให้นางพรทิวาต้องกล่าวขอโทษแทนนายยรรยงต่อที่ประชุม และพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า อยากให้นายกฯให้ความเป็นธรรมด้วย ที่ผ่านมาตั้งใจทำงานอย่างดี และกว่าจะตั้งรัฐบาลชุดนี้ได้ก็แสนยาก ผู้ใหญ่สั่งให้ช่วยดูแลพรรคร่วมรัฐบาล ก็ขอความเป็นธรรมให้พรรคร่วมฯด้วย อย่าทำอะไร 2 มาตรฐาน ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ นายกฯจึงถามกลับว่า มาตรฐานอีกแบบหนึ่งคืออะไร แต่นางพรทิวาไม่ได้ตอบอะไร”

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายประพล มิลินทจินดา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นางพรทิวาได้เห็นชอบการอนุมัติระบายข้าวสต๊อครัฐบาลแก่ผู้ส่งออกที่สามารถต่อรองราคาได้เกินตันละ 14,000 บาทสำหรับข้าวขาว และเกินตันละ 28,000 บาทสำหรับข้าวหอมมะลิ ซึ่งมีผู้ชนะประมูลข้าวประมาณ 10 ราย และไม่อนุมัติขายให้ผู้เสนอซื้อในราคาต่ำกว่า 14,000 บาท/ตัน นอกจากนี้ ได้สั่งการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสนอราคาประมูลข้าวว่าเพราะเหตุใดมีการเสนอราคาซื้อต่ำกว่า 14,000 บาท/ตัน ต่ำกว่าราคาตลาดกว่าตันละ 2,000-3,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงพาณิชย์อนุมัติมีไม่ถึง 10 รายจากที่เสนอมา 33 ราย และระบายข้าวได้ไม่เกิน 1 ล้านตัน จากปริมาณ 3 ล้านตัน ดังนั้นจะเสนอ ครม.เห็นชอบการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่จะบินไปเจรจากับไนจีเรีย และประเทศตะวันออกกลางอีก 3-4 ประเทศ

อ่านต่อที่ : “มาร์ค”หัก”พรทิวา”ล้มประมูลข้าวโพด ชี้เป็นติครม.เก่า ให้”กอร์ปศักดิ์”จัดการแทน

แค่ขอโทษก็พอ “จิ๊ก” อภัย “คิ้ม” ถึงไม่ยอมรับว่าแซวกะ..รี่ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in บันเทิง.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

แค่ขอโทษก็พอ “จิ๊ก” อภัย “คิ้ม” ถึงไม่ยอมรับว่าแซวกะ..รี่

แค่ขอโทษก็พอ “จิ๊ก” อภัย “คิ้ม” ถึงไม่ยอมรับว่าแซวกะ..รี่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 09:35 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

จิ๊ก เนาวรัตน์” รับคำขอโทษ “คิ้ม” ยันอีกฝ่ายแซวตนจริง ไม่ได้แซวคนทั่วไป รับคำขอโทษที่อีกฝ่ายยื่นให้ ยัน อีกฝ่ายว่าตนจริง เตือนเวลาจะพูดอะไรให้คิด ถ้าเป็นที่ส่วนตัวจะแหกปากว่าอะไรก็ว่าไป ลั่น ถ้าอีกฝ่ายพูดไม่อยากแตะตนก็ดีแล้ว เพราะไม่ต้องการให้ใครเอามาพูดลอยๆ อีก
       
       หลังจากที่ปล่อยให้เป็นปริศนามานานแล้วหลายวันว่าจริงๆ แล้ว “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” แซว จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตระนันท์” ว่าเป็นกะ…รี่จริงหรือไม่ และหากจริงจะรับผิดชอบกับคำๆ นี้อย่างไร ล่าสุดนักร้องชื่อดังก็ออกมาขอโทษเรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่า ไม่ว่าจะผิดจะถูกแต่เป็นเด็กก็ต้องขอโทษ ซ้ำยังไม่ยอมรับว่าตัวเองแซวนักแสดงรุ่นพี่ อ้างแซวคนอื่นทั่วไป
       
       ทั้งนี้หลังเจนนิเฟอร์ คิ้ม แถลงข่าวได้ไม่นาน ฝ่ายจิ๊ก เนาวรัตน์ ก็ได้เดินทางมาร่วมงาน “ROOMMATE ร้องเพลงรัก รับ 1000000” ที่สยามพารากอนให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที
       
       “เขาขอโทษกับสื่อดีแล้ว เพราะถ้าโทรไปขอโทษกับเราเองเราก็คงจะไม่ยอมรับ แต่ถ้ามีสื่อเยอะๆ ก็มีคนเป็นพยานให้แล้วว่าคุณคิ้มขอโทษ ก็คือเราเข้าใจ เราไม่โกรธมั้งคะ เพราะว่าเราเป็นคนที่ไม่อาฆาตคน ถ้าเราอาฆาตเราคงไม่เตือนด้วยความรักหรอก”
       
       “เพราะว่าเรารักเขาเราถึงอยากที่จะเตือน คงไม่หรอกคะ ไม่ได้ร้อนตัวที่รับคำนั้นมา เพราะว่าใครทำอะไรไว้ต้องรู้ดีอยู่ว่าตัวเองทำอะไร แต่เราก็เข้าใจที่เขาขอโทษเรา เรารู้ว่าความรู้สึกเขาเป็นอย่างไร ความรู้สึกเราก็เขารู้สึกยังไง และเราก็เข้าใจในความรู้สึกเรา “
       
       “ไม่ได้ต้องการให้เขาออกมาขอโทษ เราบอกไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าเราก็พูดไปแล้วคือมันผ่านมาหลายเดือนแล้ว บางฉบับเอาไปลงผิด หาว่าเราไปเอาเรื่องคุณคิ้มถึงบนเวที ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา เรากลัวว่าคุณคิ้มเขาจะเข้าใจผิดว่าเราไม่เคยทะเลาะกันนี่ ทำไมพี่จิ๊กไปสร้างข่าว เราเลยต้องบอกว่า มันไม่ได้เป็นการสร้างและพูดความจริงว่าข่าวมันเป็นอย่างไร”
       
       สำหรับกรณีที่ “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ยืนยันว่าไม่ได้แซวตนเอง แต่แซวคนทั่วไปนั้นเจ้าตัวบอกว่า
       “ความรู้สึกคิดว่าเขาแซวเราแน่ๆ เพราะว่าเรานั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว จะต้องเป็นเราแน่นอน มันไม่น่าจะใช่ว่าพูดแซวโดยรวม อย่างที่เขาบอกแซวว่าเป็นเก้งกวาง เขาก็ไม่ว่าเราเพราะเราไม่ใช่เก้งกวาง แต่ชะนีมันก็อาจเป็นคำเบาๆ ซึ่งบางที่เขาก็อาจจะไม่ใช้กัน ชะนีมันไม่มีอะไรมากมาย แต่ว่าคำที่เขาแซวมันเป็นคำที่แรงเกินไป แต่ว่าเขาอาจจะไม่คิดว่าเป็นคำที่แรงก็ได้มั้ง มันก็แล้วแต่บุคคลที่ได้รับ แต่สำหรับเราได้รับแล้วว่ามันแรงพอสมควร”
       
       อะไรก็แล้วแต่ในที่สาธารณชน คำพูดอะไรทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ไม่ควรพูด แต่สำหรับเรามันแรงคะ เราเป็นคนที่ถูกเลี้ยงมาไม่รู้จักคำนี้ เลยรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่หนัก เพราะว่าเราก็นั่งอยู่ตรงนั้นพอดี และเขาก็ต้องการทักเราพอดี เขาว่าแน่นอน และคุณคิ้มเขาพูดคำนั้นออกมาจริงๆ แน่นอน คุณคิ้มเขาอาจจะมีเจตนาที่หวังดี อยากจะทักเรา แต่พอดีคำนั้นมันแรงไปนิดหนึ่งสำหรับเรา เราก็เลยไม่ค่อยชอบคำนี้เท่าไหร่นักแค่นั้นเอง”
       
       “ผับนั้นเป็นผับที่เป็นของเพศที่สาม เราจะเป็นชะนีนั่งอยู่กับเพื่อน ถ้าเรียกว่าชะนีก็ต้องเป็นเรา เพราะว่าเขาเห็น เขาต้องเห็นอยู่แล้ว เพราะว่าเรานั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง แล้วถ้ามองลงมาจากบนเวทีก็จะเห็นทุกคน เขาก็จ้องมองอยู่ ก็มีเพื่อนสะกิดว่า เฮ้ย เนาวรัตน์ก็มา เขาไม่ได้เอ่ยชื่อบนเวที พอน้องคนนั้นบอกว่าพี่จิ๊กก็มา เขาก็บอกว่า เอ้า ก็ยังมีกะหรี่อีกตัวหนึ่ง ก็ต่อกันเลยกับคำนั้น พอเขาหันมาเจอปุ๊บเขาก็แซวเลย อันนั้นเป็นเหตุผลที่เขาจะพูด เราไม่สามารถบังคับจิตใจให้เขาพูดหรือไม่พูด แต่ว่าเขาขอโทษเรา ก็เข้าใจว่าเขารับรู้ความรู้สึกเรา และเราก็เข้าใจความรู้สึกของเขาด้วย”
       
       “ที่เขาบอกว่าแค่เป็นการเอ็นเตอร์เทน ไม่ได้คิดอะไรตรงนี้ แต่เวลาพูดอะไรควรไตร่ตรองนิดหนึ่ง จะเอ็นเตอร์เทนหรืออะไรก็แล้วแต่ เราว่ามันคงไหล การที่ไหลไปทำให้คนที่ได้รับเดือนร้อนเพราะว่าพี่น้องของเราบ้านเราไม่เคยพูดอะไรอย่างนี้ ไม่นิยมคำนี้ เราจะไปว่าใคร เรียกใครหรืออะไรเราต้องสำรวมคำของเราให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องสำรวมคำนั้นให้มากๆ เพราะเรากลัวว่าถ้าเราเรียกไปแล้วมันจะไม่ดี”
       
       ทาง “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ออกมาพูดว่า คนที่อยู่ในงานจะรู้เองว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร พูดทำนองว่าไม่ยอมรับ เจ้าตัวรีบโต้ อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าเอาตนเข้าไปเกี่ยว เพราะตนก็มีศักดิ์ศรีของตน
       
       “รู้สึกอย่างไรบ้างเหรอคะ เรารู้สึกว่าเราไม่รู้สึกอะไรเลยนะ ในความคิดของเรา เรารู้สึกอย่างเดียวว่าเส้นทางใครก็เส้นทางมัน เขาเป็นรักร้องเขาก็เอ็นเตอร์เทนไป เราเป็นนักแสดงเราก็ทำหน้าที่ของเราไป เราเดินคนละเส้นทาง ก็อยู่กันคนละเส้นทาง อย่าดึงเราเข้าไปเก็บเกี่ยวข้างบน เพราะเราก็ถือศักดิ์ศรีของความเป็นดาราพอสมควร
       
       “คุณคิ้มเป็นนักร้องก็มีศักดิ์ศรีของคุณคิ้มไปก็เอ็นเตอร์เทนอะไรไปก็ได้ เย้วๆ ไป จะว่าเก้งกวางอะไรก็แซวไป แต่อย่าให้เขาโกรธ แต่อย่าไปใช้คำนี้กับที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่าที่ไหนๆก็แล้วแต่ ที่สาธารณชน แต่ถ้าเป็นที่ส่วนตัวจะว่าใครก็ว่าไป จะแหกปากว่าใครก็ว่าไป ก็แล้วแต่ความคิดความอ่าน บางคนก็คิดอีกอย่าง บางคนก็คิดอีกอย่างไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเราเราคิดดีที่สุดแล้วที่พูด”
       
       “และการที่เขาบอกว่า จะระวังคนมากกว่าระวังคำพูด เราว่าถูกต้องแล้ว คนบางคนแตะได้ บางคนแตะไม่ได้ ถูกต้อง คำพูดคำเดียวถึงกับทำให้คนๆ หนึ่งต้องน้ำตาตกใน คำพูดคำเดียวที่ทำให้คนต้องลึกซึ้งเข้าไปในหัวใจคำพูดคำเดียว คนคบกันมา 20 ปียังแตกกันได้เลย ก้าวเดียวของคนก็ดีอยู่ แต่ถ้าก้าวร้าวของคนมันก็แย่”
       
       “เราไม่สามารถไปห้ามเขาได้ ถ้าเขาไม่มาแตะต้องเราก็ดี ขอบคุณ เราก็อยู่ของเราอย่างมีความสุข เพราะว่าเราไม่ต้องการให้ใครมาพูดในที่ลอยๆ แต่ถ้าเป็นเราก็ต้องพูดยกยอปอปั้นให้เขาดูดีขึ้น หมายถึงเขาจะเป็นอย่างไง จริงๆ เรามีฉายาเยอะมาก น้ำทะเลเรียกเกลือ เกลือตัวแม่ ติ้งต๊อง คุณป้าแอบแบ๊วเยอะแยะไปที่จะบรรยายในตัวเรา แต่คำนี้เราขอสงวน อย่าพูดกับใครทั้งนั้น ไม่สมควรอย่างยิ่ง”
       
       ส่วนเรื่องที่นักข่าวถาม “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ว่า เจอหน้า “จิ๊ก เนาวรัตน์” จะทักทายหรือไม่ เจ้าตัวบอกว่า เอาไว้เจอก่อนแล้วค่อยมาถาม ประมาณว่าไม่แน่ใจว่าปฏิบัติตัวอย่างไรนั้น ด้านนักแสดงรุ่นพี่บอกว่า สำหรับตนนั้นจะเข้าไปทักทายแน่นอน
       
       “เจอหน้าก็ทักทายเหมือนเมื่อก่อนแน่นอน เพราะว่าเราเป็นคนที่เคลียร์ตอนนี้ จบตอนนี้ ตอนนี้ต้องจบ เพราะเราไม่ได้เป็นคนทีจะรื้อฟื้น เราไม่สามารถอ่านใจคนแต่ละคนได้เพราะว่ามันอยู่ข้างใน แต่ว่าถ้าถามเรา เราก็ทักทุกคนที่เคยโกรธเพราะว่าเราไม่เคยถือโทษอะไรในชีวิตนี้ เราเป็นคนที่ตรงพอสมควร”
       
       “คนบางคนอาจจะไม่ชอบในคำพูด คำจาของเราแต่เราเป็นคนที่บอกแล้วก็มันเป็นอย่างนี้ บางคนอาจจะไม่กล้าแต่เรากล้า ในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันเราทำได้ เพราะว่าคนเราทุกคนก็ต้องระวังในคำพูดมากที่สุด เพราะว่าเราเป็นคนที่หลายๆ คนอาจจะเอาเป็นตัวอย่างดีหรือไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีเราควรพูดกันในที่ไม่ได้อยู่กับสาธารณชน แต่เมื่อเราอยู่ในสาธารณชนมันก็ต้องแบ่งมุมแบ่งล็อคกันให้ดี”

อ่านต่อที่ : แค่ขอโทษก็พอ “จิ๊ก” อภัย “คิ้ม” ถึงไม่ยอมรับว่าแซวกะ..รี่

PS3 ในญี่ปุ่นโต 288% เดโมไฟนอลฯ13 ไม่ออกในอเมริกา พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in เทคโนโลยี.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

PS3 ในญี่ปุ่นโต 288% เดโมไฟนอลฯ13 ไม่ออกในอเมริกา
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกเกม | ข่าวเกมคอลโซล

ข่าวเกมคอลโซล เพลย์สเตชั่น3

ShowMemberLite()

PS3 ในญี่ปุ่นโต 288% เดโมไฟนอลฯ13 ไม่ออกในอเมริกา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 15:50 น.

       เอนเตอร์เบรน ให้เครดิต เดโมไฟนอลฯ13 มีส่วนสำคัญให้ยอดขาย PS3 ในญี่ปุ่นสองเดือนหลังพุ่งกระฉูด 288 เปอร์เซนต์ \”Kitase\” ในฐานะโปรดิวเซอร์ยืนยันไม่มีแผนทำเดโมไฟนอลฯ 13 ในรูปแบบบลูเรย์ออกวางจำหน่ายที่อื่นนอกเหนือจากญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามยังคงมีแนวความคิดที่จะทำเป็นคอนเท้นต์ให้ดาวน์โหลด
       

       สองเดือนที่ผ่านมา \”เอนเตอร์เบรน\” ผู้จำหน่ายนิตยสารเกมฟามิซือ เปิดเผยตัวเลขยอดขายเครื่องเกมในญี่ปุ่น ระบุว่าเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 สามารถทำยอดขายแซงหน้าเครื่องวีได้ในสองเดือนล่าสุด คือเดือนมีนาคม และเมษายน ล่าสุดเอนเตอร์เบรน ได้รายงานข่าวกับ Yahoo Japan ระบุว่าเหตุผลหลักที่ทำให้ยอดขายเครื่อง PS3 ในสองเดือนล่าสุดพุ่งกระฉูดถึง 288 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มาจากการออกวางจำหน่ายของเดโม เกมไฟนอล แฟนตาซี 13 เมื่อวันที่ 16 เมษายน โดยเดโมที่ว่านี้มาเป็นแพคเกจพร้อมกับภาพยนตร์แอนิเมชั่น \”Final Fantasy VII: Advent Children Complete\” ในรูปแบบบลูเรย์
       
       กระแสยอดขายเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น จะไม่เกิดขึ้นในอเมริกา สแควร์เอนิกซ์ อเมริกา และ โซนี่ พิคเจอร์ โฮม เอนเตอร์เทนเมนต์ ไม่ออกมาเปิดเผยว่าภาพยนตร์ \”Final Fantasy VII: Advent Children Complete\” ที่จะออกจำหน่ายในอเมริกานั้นจะมีเดโมเกมไฟนอล แฟนตาซี 13 แถมมาด้วยหรือไม่ จนล่าสุดได้มีการออกมายืนยันแล้ว ภาพยนตร์ไฟนอล แฟนตาซี ที่จะมาออกจำหน่ายในอเมริกา จะไม่มีเดโม ไฟนอลฯ 13
       
       Yoshinori Kitase โปรดิวเซอร์เกมไฟนอล แฟนตาซี 13 ให้สัมภาษณ์ผ่าน Videogamer.com. ว่า \”สำหรับเดโมเกม ไฟนอลฯ13 ที่เราวางจำหน่ายในญี่ปุ่น ขณะนี้เราไม่มีแผนการณ์ที่จะนำเดโมตัวนี้ไปวางจำหน่ายที่อื่น เหตุผลที่เราทำอย่างนั้นก็คือเรากำลังอยู่ระหว่างทำโปรเจกต์ควบคู่กับไปกับเครื่อง Xbox360 ให้เสร็จสิ้น ซึ่งเราไม่สามารถมาทำอะไรลงเฉพาะเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ได้\” อย่างไรก็ตาม Kitase ได้ทิ้งท้ายว่ามีแนวความคิดที่จะนำเดโมเกม ให้ดาวน์โหลดผ่านเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์ค และ Xbox live
       
       สำหรับ ชื่อ \”Exclusive Sneak Peek at FINAL FANTASY XIII\” ที่ไปปรากฏอยู่บนสารบัญของภาพยนตร์ Final Fantasy VII: Advent Children Complete ทาง Kitase ออกมาระบุว่ามันเป็นเพียงภาพยนตร์ตัวอย่างของเกมไฟนอล แฟนตาซี 13
       
       ทางด้านภาพยนตร์ \”Final Fantasy VII: Advent Children Complete\” ในรูปแบบบลูเรย์ที่มีแผนจะนำไปวางจำหน่ายในอเมริกา แม้จะยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายออกมาจากทางโซนี่ แต่ทางร้านค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง อเมซอน ก็ได้จัดการขึ้นลิสรายการเตรียมขายภาพยนตร์ดังกล่าวแล้วในวันที่ 2 มิถุนายนนี้
       
       ข้อมูลและภาพประกอบจาก
       gamespot.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ไฟนอล แฟนตาซี 13" เวอร์ชันอังกฤษ-ยุโรปจะออกเร็วกว่าที่คิด

เดโมไฟนอลฯ13 ฉุดยอด PS3 ในญี่ปุ่นพุ่งกระฉูด

ท้ายเดโม"ไฟนอล แฟนตาซี 13"เผยตัวเต็มมาหน้าหนาวปีนี้

เดโมไฟนอลฯ13 พร้อมขาย16เม.ย.พ่วง PS3-หนัง
อ่านต่อที่ : PS3 ในญี่ปุ่นโต 288% เดโมไฟนอลฯ13 ไม่ออกในอเมริกา

“เจสสิก้า ปาร์คเกอร์”เลือกสาวไบใส่ปลอกคอเป็นแม่อุ้มบุญ พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

“เจสสิก้า ปาร์คเกอร์”เลือกสาวไบใส่ปลอกคอเป็นแม่อุ้มบุญ

"เจสสิก้า ปาร์คเกอร์"เลือกสาวไบใส่ปลอกคอเป็นแม่อุ้มบุญ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว ถึงกรณีที่ \”ซาร่าห์ เจสสิก้า ปาร์คเกอร์\” นักแสดงชื่อดังจากซีรีย์ยอดฮิต \”Sex and the City\” กำลังมองหาแม่อุ้มบุญ เพื่อให้ตั้งครรภ์ลูกแฝดแทนตัวเองว่า ในที่สุดซาร่าห์ได้เลือกแม่อุ้มบุญแล้ว เธอมีชื่อว่า \”มิเชล รอสส์\” ซึ่งเคยเป็นแม่อุ้มบุญให้กับคู่รักร่วมเพศคู่หนึ่งมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ มิเชลยังเป็น \”เสือไบ\” อีกด้วย

รายงานข่าวระบุว่า อดีตสามีของมิเชลออกมาเปิดเผยว่า อดีตภรรยาของตัวเองไม่เคยดูแลลูกชายแท้ๆ วัย 4 ขวบของตัวเองด้วยซ้ำไป แต่เธอกลับได้รับเลือกให้เป็นแม่อุ้มบุญของซาร่าห์

\”มิเชลตั้งท้องให้ชาวบ้าน แต่ตัวเองกลับแทบไม่เคยมาพบลูกชายเลย\” อดีตสามี กล่าว

ขณะที่มิเชลเขียนลงในเว็บบล็อค ถึงบุคลิกลักษณะของตัวเองว่า \”ฉันมีผมสีชมพู มีรอยสัก และใส่ปลอกคอหนาม รองเท้าคู่โปรดของฉันคือส้นสูง 5 นิ้วสีดำ ฉันรักเพลงแนวเมทอลและจะร็อคให้มันไปถึงกระดูกเลย\”

อ่านต่อที่ : “เจสสิก้า ปาร์คเกอร์”เลือกสาวไบใส่ปลอกคอเป็นแม่อุ้มบุญ

12 เดือนยุบสภา! พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in อื่นๆ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

12 เดือนยุบสภา!

 โดยเฉพาะแกนนำพรรคที่มี \”ชนักติดหลัง\” ไม่สามารถทำอะไรออกนอกหน้าได้

บางคนอดรนทนไม่ไหว ทำตัวเป็น \”อีแอบ\” คอยบัญชาการสั่งลูกน้อง สั่งทำโน่น ทำนี่ 

กลุ่มคนเหล่านี้ ประสงค์ตรงกันตรงที่อยากจะให้มี \”นิรโทษกรรม 111+109 \” เกิดขึ้น

ซ้ำร้าย ยังไม่อยากให้ทำประชามติอีกต่างหาก 

นี่แหละนักการเมืองไทย!  

ใครจะคิดอย่างไร อยากแก้ประเด็นไหน ก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ รัฐบาล \”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ\” ต้องไม่ลืมว่า การทำ \”ประชามติ\” แก้รัฐธรรมนูญ นั่นคือ \”ทางรอดประเทศไทย\” ไม่เฉพาะแต่ทางรอดของรัฐบาลประชาธิปัตย์เท่านั้น
 วันนี้คนในสังคมย่อมรู้ดี รู้ชั่ว แล้วว่า นักการเมืองไทย มีพฤติกรรมรักประเทศชาติแท้จริงอย่างไร

ฉะนั้น การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปลดล็อกทางการเมือง ณ เวลานี้ จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว แต่บนพื้นฐานของความเหมาะสมต้องมี \”ความพอดี\” ไม่ใช่แก้รัฐธรรมนูญโดยใช้หลัก \”พวกมากลากไป\”

แม้วันนี้ จะมีกลุ่มผู้เฒ่าทางการเมืองบางกลุ่ม ตั้งแง่ หวังต่อรองทางการเมืองแบบ \”ใต้ดิน\” เพราะไม่อยากให้ทำ \”ประชามติ\” เพียงแค่ต้องการแก้กฎหมาย

ผู้เฒ่าทางการเมืองกลุ่มนี้รู้ดีว่า หากทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ โดยเฉพาะประเด็น \”นิรโทษกรรม\” มีหวังต้องตกกระป๋องทันที

คนพวกนี้ ยอมไม่ได้ เหมือน \”ไฟธาตุ\” จะแตก จึงต้องสร้างเงื่อนไขทางการเมืองขึ้นมา \”แบบวันต่อวัน\”

ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญของแต่ละพรรคการเมือง เป้าหมายไม่ต่างกัน นั่นคือ ต้องการแก้ มาตรา 190, 237, 265, วันแมนวันโหวต วุฒิสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง และ ที่มาขององค์กรอิสระ

เป้าหมายเหล่านี้ มีอยู่ในใจพรรคการเมืองแล้ว

การเสนอประเด็นแก้รัฐธรรมนูญทั้งหมด คาดว่าน่าจะจบภายใน 30 วัน จากนั้นก็เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ก่อนนำเสนอให้มีการทำ \”ประชามติ\” เป็นขั้นตอนต่อไป เมื่อกระบวนการเสร็จสิ้น จึงเสนอเข้ารัฐสภา

ที่สำคัญยิ่งคือ รัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่ ต้องเป็น \”รัฐธรรมนูญสมานฉันท์\” เท่านั้น สังคมจึงจะรับได้ เพราะทุกคนก็อยากให้ชาติบ้านเมืองสงบเสียที
 ถ้าทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการ ไม่มีเรื่องตุกติกเกิดขึ้นระหว่างทาง คาดว่า ภายใน 1 ปี ทุกอย่างจะจบ เมื่อถึงตอนนั้น รัฐบาลก็ไม่มีความจำเป็นต้องหวงเก้าอี้อีกต่อไป นายกฯอภิสิทธิ์ ต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ด้วยการ \”ยุบสภา\” เลือกตั้งใหม่ 

ว่ากันว่า…การแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้ แทบจะไม่มีใครเสียประโยชน์  มีแต่ได้ กับ ได้ หรืออย่างดีก็แค่ \”เจ๊า\” ไม่มีเจ๊งแน่นอน

ยกเว้นผู้เฒ่าทางการเมืองบางกลุ่ม อาจไม่แฮปปี้ ที่ต้องทำ \”ประชามติ\”

สำหรับ พรรคภูมิใจไทย…แว่วมาว่า เวลานี้ลอยตัวเหนือปัญหา โหนไปได้ทุกที่ และไม่ได้เอาจริงเอาจังเรื่อง \”นิรโทษกรรม\” ถึงแม้ลูกพี่อย่าง เนวิน ชิดชอบ และ บ้านเลขที่ 111 อีกหลายคนในพรรค จะติดคุกการเมือง

นั่นเป็นเพราะ กลุ่มนี้เป็น \”นอมินี\” ชนิดที่นายสั่งซ้ายหัน ขวาหัน ได้ทั้งนั้น จึงไม่ได้อยู่ในอาการ \”ไฟธาตุแตก\” ต้องเหมือนกับกลุ่มผู้เฒ่าทางการเมือง

เอาล่ะ…เอาไง ก็เอากัน จากนี้ ครบ 12 เดือน เมื่อไหร่ สนามการเมืองก็จะกลายเป็นสนามแข่งอีกครั้ง
 เมื่อถึงตอนนั้น ตัวใครตัวมัน 

ที่สำคัญ ต้องวัดกันที่การตุน \”กระสุน\” มากกว่าครับพี่น้อง…

 

 

อ่านต่อที่ : 12 เดือนยุบสภา!

เบื่อการเมือง…แบบเรื่องส่วนตัว พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in อื่นๆ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

เบื่อการเมือง…แบบเรื่องส่วนตัว

   กับวังวนปัญหาซ้ำซากทางการเมือง ที่วกวนเหมือนเขาวงกต เดินวนไปไม่สิ้นสุด แต่ก็เหมือนย่ำอยู่กับที่  

 ปัญหาซ้ำรอยเดิมแบบนี้ ไม่อยากโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ขอมองว่า …เป็นความไม่พร้อมของทุกคนที่เกี่ยวข้อง อยากให้น้ำหนักไปที่ประชาชนคนธรรมดาที่มีหนึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้งนี่แหละ เพราะเป็นพลังมวลชนตัวจริง แต่ไม่แน่ใจว่ามีความพร้อมมากพอสำหรับการเรียกร้องสิทธิแบบประชาธิปไตยแค่ไหน…

 เพราะความเป็นประชาธิปไตยนั้น ประชาชนไม่ได้มีเฉพาะสิทธิและหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น 

 แต่ยังต้องมี… สติ-สำนึกผิดชอบชั่วดี มีน้ำใจแบบนักประชาธิปไตย รู้แพ้-รู้ชนะ รู้จักยอมรับเสียงข้างมากของสังคม

 แต่ดูเหมือน คุณสมบัติที่ว่านี้ กำลังจางหายไปจากบ้านเรา ซึ่งวันนี้ กลายเป็นสังคมมากสี หลากความต้องการ มีความเป็นปัจเจกสูงเกินกว่าคำว่าเหตุผลและส่วนรวม  

 ยิ่งนับวัน… คนจะยิ่งมีเป้าหมายในใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง อัตตาเป็นโจทย์ใหญ่ มองผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นประเด็นรอง!  

 เพราะฉันเป็นฉันมากขึ้น ทำให้การเรียกร้องเป็นเรื่องที่ต้องได้ดั่งใจ ตัดเรื่องเหตุผลไปเหลือแต่คำว่าเป้าหมาย… ไม่มองปัจจัยแวดล้อม ออกอาการเหมือนเด็ก อยากได้อะไรก็ต้องได้!

 \”ฉันศรัทธาผู้นำคนนี้ พรรคการเมืองนี้ ผู้นำของฉันถูกเสมอ พรรคของฉันดีเสมอ เรื่องอื่นไม่สำคัญ เท่ากับทำอะไรก็ได้ให้คนและพรรคที่ฉันศรัทธาได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ\”

 หลายคนละเลยที่จะพูดเรื่องความถูกต้อง ที่ควรมีให้กับสังคม ต่างคนต่างมองความถูกต้องในมุมตัวเอง ปรับจากประชาธิปไตยแบบส่วนรวม หันมาโฟกัสเพียงความต้องการของตนเป็นที่ตั้ง

 มองข้ามเรื่อง สังคม-ส่วนรวม-เรื่องของบ้านเมือง-และประเทศชาติ โดยทิ้งมันไว้เบื้องหลังคำว่า…  \”เป้าหมาย-ผลประโยชน์\” 

 \”ฉันต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ\” ไม่สนว่าเส้นทางแห่งการเรียกร้อง จะก่อผลกระทบอะไรกับสังคมบ้าง… เพราะ… ฉันมีเป้าหมายอยู่ตรงหน้า!  

 มันน่ากลัวเหลือเกินที่คำว่า … \”การเมืองภาคประชาชน\” กำลังจะเป็น… \”การเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว\”

 พูดอย่างนี้หลายคนคงเถียงหัวชนฝาว่า… ไม่จริง!… \”เราเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ เพื่อความถูกต้อง-ความชอบธรรม…\”

 แน่ละเวลาใครจะเรียกร้องก็คงพูดประโยคเดียวกันนี้ ไม่ว่ากลุ่มไหน-สีไหน ก็คงพูดแบบฟอร์มเดียว เหมือนอบรมมาจากที่เดียวกัน! 

 แต่คนที่เขาวางตัวกลาง ไม่มีสีไม่มีข้างจะมองต่างออกไป มุ่งประโยชน์ร่วมของบ้านเมือง มากกว่าข้อเรียกร้องซ้ำซากนับร้อยนับพัน… แต่คำตอบมีข้อเดียว คือ… อำนาจในมือนาย (ของฉัน)  

 หากพื้นฐานความคิด ของผู้เกี่ยวข้องยังมีเป้าหมายแบบเดิมๆ… เรียกร้องอำนาจเพื่อส่วนตัว ก็คงไม่มีคุณค่าใดๆ ให้คนรุ่นหลังได้จดจำ

 คณะทำงานที่พยายามจัดตั้งขึ้นมา ให้เป็นคนกลางนำสู่การสมานฉันท์ การเยียวยาใดๆ ก็คงไร้ค่า เพราะรากเหง้าปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข

 ข้อเรียกร้องในวังวน… \”การเมือง…แบบเรื่องส่วนตัว\” กำลังกลืนกินสังคมไทย มันทั้งไร้ค่าและน่าเบื่อ…  เราควรช่วยกันขจัดให้หมดไป

อ่านต่อที่ : เบื่อการเมือง…แบบเรื่องส่วนตัว