jump to navigation

บิ๊กแบงก์ชี้สินเชื่อQ2ยังทรง แห่ออกหุ้นกู้-รอศก.โลกฟื้น พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in หุ้น.
Tags: , , , , , ,
add a comment

บิ๊กแบงก์ชี้สินเชื่อQ2ยังทรง แห่ออกหุ้นกู้-รอศก.โลกฟื้น

บิ๊กแบงก์ชี้สินเชื่อQ2ยังทรง แห่ออกหุ้นกู้-รอศก.โลกฟื้น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2552 08:56 น.

       บิ๊กแบงก์ประเมินไตรมาส 2 สินเชื่อยังทรงตัว เหตุผู้ประกอบการหันออกหุ้นกู้รับดอกเบี้ยขาลง ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่ชัดเจนและต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด “ประสาร”ชี้หากกระเตื้องก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ด้าน”ชาติศิริ”ประเมินครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมรอความชัดเจนเกี่ยวกับการขอลดส่งเงินสมทบก่อนคำนวณการขึ้น-ลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ส่วนการแข็งค่าเงินบาทเป็นไปตามภูมิภาคเชื่อธปท.คอยดูแลไม่ให้เสียเปรียบ
       

       นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสต่อจากนี้ไปคงมีการเติบโตไม่สูงนักจากในไตรมาส 1/2552 สินเชื่อของระบบมีการติดลบ 2.2% นอกจากนี้ทางผู้ประกอบการยังหันมาระดมสภาพคล่องด้วยการออกหุ้นกู้กันมากขึ้น เพราะภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและยังเป็นแหล่งเงินระยะยาว
       
       ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจนั้นยังคงต้องมีการติดตามที่ใกล้ชิดแม้ว่าในขณะนี้สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจนั้นเริ่มมีอัตราที่ช้าลงแล้วโดยปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวครั้งนี้มาจากปัจจัยด้านต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ยุโรป เป็นต้น ซึ่งหากประเทศเหล่านี้ฟื้นตัวได้เร็วเท่าไหร่ก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย
       
       “ภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ดังกล่าวเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจนหลายฝ่ายมองว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจนั้นน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว แต่ก็เป็นแค่ข้อมูลระยะสั้น ซึ่งต่อไปนี้ก็ยังคงต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปโดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรอบนี้คงไม่เข้มแข็งเร็วนัก แต่ต้องใช้เวลาที่จะฟื้นตัวเพราะปัญหารอบนี้เกิดจากระบบสถาบันการเงินของโลก
       
       สำหรับประเทศไทยนั้นจะต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆซึ่งหากทำได้ดีก็จะช่วยประคองเศรษฐกิจให้ไปต่อได้ รวมถึงปัจจัยด้านการเมืองก็ต้องมีเสถียรภาพ เพราะถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลกระทบมาก ทั้งนี้จากแผนของรัฐบาลที่จะมีการกู้เงินภายในประเทศนั้น ก็จะไม่มีผลกระทบต่อธนาคารเนื่องจากขณะนี้ยังมีสภาพคล่องเพียงพอในการปล่อยกู้และไม่จำเป็นที่จะต้องมีการะดมเงินฝากเพิ่มเป็นพิเศษเพื่อรองรับการกู้เงินดังกล่าวด้วย
       
       ส่วนการขอลดเงินสมทบให้กับสถาบันประกันเงินฝากนั้นหากมีการปรับลดจริง ธนาคารก็ต้องทำการส่งผลการปรับลดดังกล่าวไปยังเงินกู้และเงินฝาก แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดตายตัวว่าจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งแต่ละธนาคารอาจจะเข้าสูตรการคำนวณที่แตกต่างกันก็ได้
       
       ชี้บาทผันผวนตามดอลล์
       
       นายประสารกล่าวอีกว่า การแข็งค่าของเงินบาทที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรํฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินของสกุลอื่นๆปรับแข็งค่าขึ้น โดยค่าเงินค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จะยังคงผันผวน 2-3 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังมีปัญหาส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง โดยการแข็งค่าของค่าเงินยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก เนื่องจากเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินของภูมิภาค และเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ดูแลอยู่ไม่ให้ค่าเงินแข็งค่ามากกว่าค่าเงินในภูมิภาค และการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค แต่หากปล่อยให้แข็งค่ามากกว่าภูมิภาคก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คาดเดาได้ยากว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับเท่าไรเนื่องการเคลื่อนไหวเป็นไปตามความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
       
       “ตอนเศรษฐกิจมีปัญหาคนตกใจก็จะเข้าไปหาเงินดอลลาร์เพราะมีความมั่นคง แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบ คนหายตกใจก็จะมาพิจารณาพื้นฐานเศรษฐกิจที่แท้จริงโดยเศรษฐกิจของสหรัฐฯมีปัญหารัฐบาลได้อัดฉีดเงินเป็นจำนวนมาก ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อค่าเงินดอลลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาก คนที่เข้าไปลงทุนในดอลลาร์สหรัฐ ก็ต้องหาช่องทางลงทุนอื่น”
       
       คาดครึ่งปีหลังศก.มีเสถียรภาพมากขึ้น
       
       ขณะที่นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ในขณะนี้ลูกค้าที่ทำธุรกิจการส่งออกของธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทโดยการแข็งค่าที่เกิดขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับการแข็งค่าของค่าเงินในภูมิภาค
       
       ทั้งนี้ ธนาคารประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ว่าจะติดลบ 2-3% ส่วนแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้นก็จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ส่วนที่ยังต้องติดตามก็คือภาวะเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ ๆ เพราะหากประเทศเหล่านั้นแย่ประเทศไทยก็ต้องแย่ตาม
       
       ส่วนกรณีที่รัฐบาลไทยมีนโยบายออกพันธบัตรมูลค่า 8 แสนล้านบาทนั้น ธนาคารก็มีความพร้อมในการปล่อยกู้เพราะสภาพคล่องในปัจจุบันมีเพียงพอ หากมีโอกาสก็จะเข้าไปร่วมมือทันที
       
       ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 2 ก็มีลูกค้าบางรายเตรียมที่จะออกหุ้นกู้เพิ่ม ซึ่งสัดส่วนของลูกค้าที่จะออกหุ้นกู้น่าจะมีสัดส่วนเท่ากันกับลูกค้าที่มาขอสินเชื่อ และคาดว่าในไตรมาส 2 การปล่อยสินเชื่อจะทรงตัวจากไตรมาส 1 ซึ่งโดยรวมลูกค้าก็ยังมีความต้องการสินเชื่ออยู่ แต่ผู้ประกอบการก็มีความระมัดระวังในการขอสินเชื่อมากขึ้น
       
       “เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัวทุกธุรกิจก็ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจบางอุตสาหกรรมก็มีการปรับตัวมากขึ้น เพราะกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นและจะส่งผลให้อุตสาหกรรมส่งออกที่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ในตอนนี้ฟื้นตัวได้”
       
       สำหรับกรณีที่สมาคมธนาคารไทยดำเนินการขอลดการส่งเงินสมทบให้กับสถาบันประกันเงินฝากจาก 0.4% เป็น 0.2% นั้น ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ
       
       ส่วนแผนการรุกธุรกิจลีสซิ่งของธนาคารนั้นปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
       
       รอคลังตัดสินขายหุ้นACL
       
       ส่วนความคืบหน้าการขายหุ้นธนาคารสินเอเซีย จำกัด(มหาชน)หรือ ACLที่ธนาคารถืออยู่ 19% นั้น ธนาคารกำลังรอดูเพราะต้องรอให้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มีความชัดเจนในการขายหุ้นให้ ICBC ก่อน จากนั้นธนาคารจึงจะมีการพิจารณาแต่ธนาคารก็ต้องการให้เรียบร้อยโดยเร็ว

อ่านต่อที่ : บิ๊กแบงก์ชี้สินเชื่อQ2ยังทรง แห่ออกหุ้นกู้-รอศก.โลกฟื้น

ปตท.ฟุ้ง Q1 ผลงานดีขึ้น คาดน้ำมันโลกปี 52 เฉลี่ยที่ 50 ดอลลาร์ พฤษภาคม 13, 2009

Posted by 1000thainews in หุ้น.
Tags: , , , , , , , , , ,
add a comment

ปตท.ฟุ้ง Q1 ผลงานดีขึ้น คาดน้ำมันโลกปี 52 เฉลี่ยที่ 50 ดอลลาร์
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกหุ้น-การเงิน | บริษัทจดทะเบียน

 

ShowMemberLite()

ปตท.ฟุ้ง Q1 ผลงานดีขึ้น คาดน้ำมันโลกปี 52 เฉลี่ยที่ 50 ดอลลาร์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2552 13:37 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

บิ๊ก ปตท.คาดแนวโน้มผลงาน Q2 ยังดีขึ้นต่อเนื่องจาก Q1 หลังผลขาดทุนสตอกน้ำมันลดลง และราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้น พร้อมประเมินทิศทางราคาน้ำมันโลก ปรับขึ้นในช่วงสั้น โดยเฉลี่ยที่ 50 ดอลลาร์/บาเรล
       

       นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงคาดการณ์ผลประกอบการของ ปตท.ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 น่าจะออกมาดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2552 ที่ได้เริ่มฟื้นตัวจากปลายปี 2551 เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากสตอกน้ำมัน เพราะราคาน้ำมันมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
       
       หากมองผลประกอบการเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ไตรมาส 1 ปี 2552 จะมีกำไรลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2551 มากหรือไม่นั้น นายประเสริฐ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
       
       อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐ กล่าวว่า ปตท.ยังเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถรักษาระดับกำไรให้อยู่ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่ารายได้จะลดลงตามแนวโน้มราคาขายผลิตภัณฑ์โดยรวมที่น่าจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา และยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวขึ้นมาในขณะนี้ว่าจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นไปได้ในระยะยาวหรือไม่
       
       \”ขณะนี้ ปตท.ยังคงคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมองในเบื้องต้นว่าการปรับตัวขึ้นมาของราคาน้ำมันในระยะนี้น่าจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น\”
       
       นายประเสริฐ ยังคาดการณ์อีกว่า ในปีนี้บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรใกล้เคียงกับปีก่อนก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะปีก่อนผลประกอบการธุรกิจพลังงานดีมากใน 3 ไตรมาสแรก แต่ก็มาประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 4 ดังนั้นถัวเฉลี่ยกันแล้วปี 2552 น่าจะดี หวังว่าจะดีเท่ากับปีก่อนก็เก่งแล้ว

อ่านต่อที่ : ปตท.ฟุ้ง Q1 ผลงานดีขึ้น คาดน้ำมันโลกปี 52 เฉลี่ยที่ 50 ดอลลาร์