ข่าว ในประเทศไทย

15:36 น. อภิสิทธิ์มั่นใจพรก.กู้เงินผ่านการพิจารณาของศาล รธน. พฤษภาคม 27, 2009

15:36 น. อภิสิทธิ์มั่นใจพรก.กู้เงินผ่านการพิจารณาของศาล รธน.

26 พค. 2552 15:36 น.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.หลังที่ รมว.คลังและคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีการร้องให้วินิจฉัยร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ ว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้มารายงานให้ทราบแล้วและตนก็มีความมั่นใจ
อ่านต่อที่ : 15:36 น. อภิสิทธิ์มั่นใจพรก.กู้เงินผ่านการพิจารณาของศาล รธน.

นายกฯดึง”สุเทพ”หย่าศึกระบายข้าว “กอร์ปศักดิ์-พรทิวา” ตั้งกก.ยุทธศาสตร์คุมสินค้าเกษตรทุกชนิด พฤษภาคม 27, 2009

นายกฯดึง”สุเทพ”หย่าศึกระบายข้าว “กอร์ปศักดิ์-พรทิวา” ตั้งกก.ยุทธศาสตร์คุมสินค้าเกษตรทุกชนิด

นายกฯดึง"สุเทพ"หย่าศึกระบายข้าว "กอร์ปศักดิ์-พรทิวา" ตั้งกก.ยุทธศาสตร์คุมสินค้าเกษตรทุกชนิด

ศึกเกาเหลา"กอร์ปศักดิ์-พรทิวา"ยังไม่จบ รุมซักรมว.พาณิชย์กลางที่ประชุมครม. โครงการระบายข้าวสต็อคของรัฐบาล นายกฯ ดึง“สุเทพ”เป็นกาวใจ ตั้งเป็นประธานกก.ยุทธศาสตร์คุมสินค้าเกษตรทุกชนิด เอกชนพร้อมให้ราคาข้าวเพิ่มตันละพัน ตั้งกก.ติดตามแผนฟื้นฟูศก.รอบ 2 "กรณ์"แจงศาลรธน.ต้องกู้เหตุ"การเมือง-ศก"ทรุด

“มาร์ค”ดึง“สุเทพ”ดูระบายข้าว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมว่า ที่ประชุม กระทรวงพาณิชย์เสนอหลักการระบายข้าวและสินค้าเกษตรอื่นที่รับจำนำไว้ โดยครม.เห็นตรงกันในตัวหลักเกณฑ์การระบายข้าวคือ ต้องระบายเพื่อส่งออกไปไม่ให้เวียนกลับเข้ามาและไม่กระทบกับราคาตลาด โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนสภาพของสินค้าที่เก็บไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์หรือราคายังมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาก จึงมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปกำหนดแนวทางเพื่อนำมาเสนอ ครม.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ช่วยหย่าศึก”กอร์ปศักดิ์-พรทิวา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกอร์ปศักดิ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้วใช่หรือไม่ ถึงต้องดึงนายสุเทพ เข้ามาช่วยดู นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วเรื่องข้าวต้องเข้ามาพิจารณาคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ที่มีตนเป็นประธาน แต่ กขช.มีเอกชนอยู่ด้วยอาจจะไม่เหมาะสม ที่จะไปคุยเรื่องการระบายข้าว
 

เมื่อถามว่า ดึงนายสุเทพ เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาทางการเมืองใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ กับนางพรทิวา นั้นมีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่บ้าง นายสุเทพก็จะเข้ามาช่วยดูเพื่อฟังความเห็นทุกฝ่าย แต่คงไม่ใช่ให้นายสุเทพ ไปประสานกับผู้ใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย(ภท.)  เมื่อถามถึงกรณีที่ภาคเอกชนจะฟ้องร้องกระทรวงพาณิชย์ที่ทำสัญญขายข้าวกับผู้ชนะการประมูลแล้ว แต่กลับไม่ยอมให้นำข้าวออกจากโกดัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีการรายงาน ทรวงกระทรวงพาณิชย์จะต้องเป็นผู้ชี้แจง
 

นายสุเทพ เทือกสุวรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง กล่าวถึงข่าวคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เสนอให้รัฐบาลระงับโครงการที่ไม่โปร่งใส ว่า ไม่ทราบ ไม่ได้คุยกับที่ปรึกษานายกฯ เมื่อถามว่า จะยังเดินหน้าผลักดันโครงการที่พรรคร่วมเสนอมาทั้งหมดที่สังคมมองว่ามีปัญหาอยู่ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “คงตอบยาก ต้องพิจารณาตามเรื่องที่เสนอมา ผมมองการทำงานของรัฐบาล เรารับผิดชอบร่วมกัน ทุกโครงการก็ปรึกษาหารือกัน ”
 

ส่วนโครงการเกี่ยวกับการระบายสินค้าเกษตรที่มีปัญหาความเห็นไม่ตรงกันนั้น นายสุเทพกล่าวว่า การรับจำนำข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง เกษตรกรได้ประโยชน์ เหลือแต่ว่าสินค้าเกษตรเหล่านี้จะนำไปขายอย่างไรให้รัฐบาลขาดทุนน้อยที่สุด

“มาร์ค-กอร์ปศักดิ์”รุมซัก“พรทิวา”

 รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. แจ้งว่า ครม. ใช้เวลาถึงชั่วโมงครึ่งในการพิจารณาโครงการระบายข้าวในสต็อคของรัฐบาล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเริ่มจากการให้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวชุติมา บุณยประภัตร รักษาการอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกันชี้แจงหลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการ ก่อนที่ครม. จะเชิญทั้ง 2 คนออกไป และคุยกันเฉพาะ ครม. โดยนายอภิสิทธิ์ และนายกอร์ปศักดิ์ ช่วยกันตั้งข้อสังเกต และซักถามนางพรทิวา หลายประเด็น ทำให้บางช่วงนางพรทิวาถึงกับตอบคำถามด้วยสีหน้าแดงกล่ำ
 

แหล่งข่าวกล่าวว่า โดยนายกฯถามว่า ทำไมขายข้าวก่อนเสนอให้ครม.พิจารณา เพราะราคาต่ำกว่าราคาตลาดมาก ส่งผลให้รัฐบาลต้องขาดทุนมาก รวมถึงเรื่องคุณภาพข้าว เพราะตอนรับจำนำข้าวอยู่ในคุณภาพดี แต่พอนำออกขายคุณภาพข้าวเสื่อมเร็วผิดปกติ จึงอยากให้เข้มงวดเรื่องการปลอมปนข้าวด้วย ซึ่งมีรัฐมนตรีหลายคนร่วมแสดงความเห็นและได้สรุปว่าต่อไปการระบายสินค้าเกษตรทุกชนิดต้องนำเสนอเรื่องให้ครม.พิจารณาก่อน

รมว.พาณิชย์ยันต้องเร่งขายข้าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า นางพรทิวาชี้แจงครม.ว่า เปิดประมูลข้าวไปแล้วกว่า 2 ล้านตัน มีผู้ชนะประมูล 17 ราย ที่รอรับมอบข้าว โดยยืนยันว่าเป็นอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ที่จะดำเนินการ แต่นายกอร์ปศักดิ์ยืนยันว่าการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าเกษตรควรผ่านคณะกรรมการที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้พิจารณาอีกชั้นหนึ่ง เพราะเกรงว่าอาจเกิดความเสียหายได้ นางพรทิวาจึงชี้แจงว่าต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนเพราะหากปล่อยไว้นานจะเกิดความเสียหายหลายด้าน ทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น ค่าเช่าโกดัง ค่าแปรสภาพข้าว นอกจากนี้ ข้าวจะเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ จำเป็นต้องเร่งระบายข้าวออก
 

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะที่มีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภท. นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรค ภท. และนายชุมพล ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เห็นว่าการระบายสินค้าเกษตรในสต็อคไม่สามารถขายตามราคาตลาดได้ เพราะคนซื้อต้องนำสินค้าไปปรับปรุงคุณภาพเพื่อส่งออก
 

แหล่งข่าวกล่าวว่า ด้านนายกฯชี้แจงว่าเข้าใจสิ่งที่ นางพรทิวาอธิบายและเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ แต่ควรให้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาภาพรวมแนวทางการกระบายสินค้าเกษตร สุดท้ายรัฐมนตรีจากพรรค ภท. ก็ยอมตามนายกฯที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูเรื่องนี้ โดยให้นายสุเทพเป็นประธาน เนื่องจากนายสุเทพเป็นผู้จัดการรัฐบาล ทำหน้าที่ประสานระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ อยู่แล้ว ดังนั้นนายสุเทพน่าจะเป็นกาวใจได้เป็นอย่างดี
 ทั้งนี้  หลังการพิจารณาวาระดังกล่าว มีรัฐมนตรีหลายคนโทรศัพท์ไปรายงานคนนอกห้องประชุมครม. ว่า “ ไม่ผ่าน ”

“พรทิวา”รับได้ตั้ง”สุเทพ”ช่วยดู

ที่พรรคภูมิใจไทย นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมครม.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ สั่งให้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์กำกับดูแลสินค้าเกษตร มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน โดยมีหน้าที่ดูแลภาพรวม และยุทธศาสตร์เกี่ยวกับสินค้าเกษตรทั้งหมด ทั้งการรับจำนำ และการจำหน่าย
 

นางพรทิวากล่าวว่า รับในหลักการนี้ได้ ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงการทำงาน หรือเป็นชนวนให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ระหว่างพรรคภูมิใจไทย(ภท.)กับพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ถือว่าเป็นการเข้ามาช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร ให้รอบคอบมากขึ้น และอนาคตกำลังดูว่าจะมีการยกเลิกการจำนำสินค้าเกษตรหรือไม่ ส่วนเรื่องข้าวที่นำเข้าครม.วันเดียวกันนี้ ครม.ให้ชะลอการพิจารณาไว้ก่อน เพราะหลายคนยังมีข้อสงสัยทางด้านวิชาการ จึงให้ไปศึกษาและนำเข้าพิจารณาอีกครั้งสัปดาห์หน้า ไม่ถือว่าเป็นการยกเลิก ส่วนเรื่องข้าวโพดจากนี้ต้องเริ่มดำเนินการใหม่ เนื่องจากผู้ที่ชนะการประมูลได้ยกเลิกไปแล้ว

 นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.เห็นชอบแนวทางการระบายสินค้าเกษตร โดยจะเน้นการส่งออกเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าไหลกลับเข้าสู่ระบบ การกำหนดราคาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง หักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง และวิธีการระบายสินค้า จะดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) หรือให้เอกชนดำเนินการแล้วแต่ความเหมาะสม

เอกชนพร้อมให้ราคาข้าวเพิ่มตันละพัน
 

นายสมพงษ์  กิติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ผู้ชนะประมูลข้าวในสต็อครัฐบาลรายหนึ่ง กล่าวว่า อีก 2 วัน หากองค์การคลังสินค้า(อคส.) ไม่ให้ขนย้ายข้าว 30,000 ตันออกจากคลังที่ได้ทำสัญญาและชำระเงินแล้ว 600 ล้านบาท ก็จะแจ้งความเพิ่มเติมจากเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่แจ้งความเอาผิดหัวหน้าคลัง อคส. จ.ปทุมธานีไปแล้ว ต่อไปจะแจ้งความเอาผิดกับหัวหน้าคลังอคส.จ.สระบุรี เพื่อเร่งรัดให้นำข้าวที่บริษัทประมูลได้ออกมา
 

ส่วนกรณีรัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการดูแลการระบายสินค้าเกษตรนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า ไม่ขัดข้อง แต่ขอเสนอให้คณะกรรมการเร่งรัดให้ผู้ชนะประมูลที่จ่ายเงินค่าข้าวแล้วได้ขนย้ายได้เพราะต้องส่งออกให้ทันเวลา หากถูกเลิกสัญญาจากผู้ซื้อต่างประเทศ บริษัทจะร้องเรียกค่าเสียหายจากภาครัฐ ส่วนที่เหลือก็ควรมีการตั้งราคากลางเพื่อเจรจาต่อรองราคา แต่ทั้งอนุมัติขนข้าวที่จ่ายเงินแล้ว กับต่อรองราคาก็ควรเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งตอนนี้ต้องแบกรัฐภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่วางค้ำประกัน 5% เป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาทแล้ว
“ ผมยินดีเปิดเจรจาต่อรองราคา อาจเพิ่มได้อีกตันละ 1,000 บาท ” นายสมพงษ์ กล่าว
 

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผู้ส่งออกที่ชนะการประมูลข้าวสต็อครัฐบาล 2 ล้านตัน ทำหนังสือถึงอคส. เพื่อขอขนข้าวออกจากโกดังในส่วนที่ชำระเงินค่าข้าวแล้ว เพราะต้องส่งออกตามสัญญา ทั้งนี้เห็นว่ากระทรวงพาณิชย์มีอำนาจขายข้าวได้เพราะเป็นคำสั่ง กขช. ที่นายอภิสิทธิ์ ในฐานะประธานกขช. ได้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการระบายข้าว มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ซึ่งมีความชัดเจนในตัวอยู่แล้ว
 

แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า เหตุที่การขายข้าวในสต็อครัฐครั้งนี้มีปัญหา เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ เพราะเป็นรัฐบาลที่มีหลายพรรคดูแล ไม่เหมือนสมัยนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ขายข้าวในราคาต่ำกว่าราคาที่นางพรทิวาขาย แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะคนที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวทั้งในระดับกขช. และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาจากพรรคเดียวกันทั้งหมด

ตั้งกก.ติดตามแผนฟื้นฟูศก.รอบ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ครม.อนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เสนอ แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 มีนายพนัส สิมะเสถียร อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรองนายกฯ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอัชพร จารุจินดา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มีรองเลขาธิการสศช. เป็นเลขานุการ
 

สำหรับอำนาจหน้าที่คณะกรรมการดังกล่าว คือ 1.ติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ให้สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดระยะเวลา และสามารถกระจายเม็ดเงินออกสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้รายงานต่อครม.โดยตรงเป็นประจำทุกเดือน 2.ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะในการดำเนินโครงการของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับอนุมัติงบประมาณภายใต้แผน เพื่อให้โครงการสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้งบประมาณอย่างประหยัดและคุ้มค่า 3.ให้ข้อเสนอแนะต่อครม.ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟู  4.เชิญหน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุมัติโครงการตามแผนฟื้นฟู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการมาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาของกรรมการ และ 5.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน เพื่อช่วยปฏิบัติงานได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ให้ทบทวนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟู มาเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนี้แทน

ศาลรธน.เปิดแจงพ.ร.ก.กู้4แสนล้าน

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 26 พฤษภาคม ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานออกนั่งบัลลังก์เพื่อรับฟังคำชี้แจงกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของ ส.ส. ขอให้วินิจฉัยพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พศ. 2552 จำนวน 4 แสนล้านบาท เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรค 1 หรือ วรรค 2 หรือไม่  โดยมีตัวแทนฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเข้าชี้แจง
 

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้แทนของผู้ร้อง ชี้แจงว่า แผนงานโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการนั้นไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วน  อีกทั้ง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ และนพ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมบัญชีกลางออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สภาพคล่องทางการเงินของประเทศยังดีอยู่ ดังนั้น การออกพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน เกินความจำเป็น รวมทั้งรัฐควรชะลอการลงทุนออกไป

“กรณ์”ชี้ต้องกู้เหตุ”การเมือง-ศก”ทรุด

ด้านนายกรณ์  จาติกวณิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ขณะนี้ประเทศประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจและวิกฤตการเมืองตั้งแต่ปลายปี 2551 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของปี 2552 หดตัวลงถึงร้อยละ 7.1 ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องดำเนินมาตรการแก้เศรษฐกิจ
 

นายกรณ์กล่าวว่า การออกพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท เป็นไปเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ควรกู้เงินมาฟื้นฟู มิให้สภาพเศรษฐกิจตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่  โดยเงินที่กู้มาจะมาสมทบเงินคงคลังและใช้จ่ายในโครงการบริการสาธารณะ ส่วนการลงทุนภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง จะเบิกจ่ายตั้งแต่ปี 2552-2553 ยังขาดอีกประมาณ 2.3 แสนล้านบาท ดังนั้นเราต้องมีอำนาจกู้เงินด่วนเพื่อดำเนินโครงการ หากไม่รีบเศรษฐกิจจะหนักกว่านี้  การชะลอการลงทุน กลับจะเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ
 

จากนั้นนายบุญส่ง กุลบุปฝา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านกระบวนวิธีพิจารณา พร้อมกับนัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายให้ส่งคำแถลงปิดคดีมาภายในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ ก่อนที่คณะตุลาการจะแถลงด้วยวาจาและลงมติในวันเดียวกัน เวลา 10.00 น. 

อ่านต่อที่ : นายกฯดึง”สุเทพ”หย่าศึกระบายข้าว “กอร์ปศักดิ์-พรทิวา” ตั้งกก.ยุทธศาสตร์คุมสินค้าเกษตรทุกชนิด

สคบ.เตรียมระดมสมองยกเครื่อง ก.ม.ขายตรงฉบับใหม่ พฤษภาคม 17, 2009

สคบ.เตรียมระดมสมองยกเครื่อง ก.ม.ขายตรงฉบับใหม่
       นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สคบ.จะเชิญผู้ประกอบการสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงและสมาคมขายตรง พร้อมคณะกรรมการทั้ง 2 สมาคม มาระดมสมองเพื่อหาแนวทางปรับปรุงกฎหมายขายตรงฉบับใหม่ให้คุ้มครองทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะร่างกฎหมายที่แก้ไขอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งยังมีเวลาจึงเห็นว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะนำมาทบทวนให้รอบคอบชัดเจนมากยิ่งขึ้น
        นอกจากนี้ ในกฎหมายที่แก้ไขยังระบุคุณสมบัติของผู้ประกอบการขายตรงใหม่ว่าจะต้องเป็นนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เท่ากับว่าบุคคลธรรมดาอาจไม่มีสิทธิที่จะทำธุรกิจขายตรงหากกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ เรื่องเหล่านี้ต้องมาทบทวนกันให้ชัดเจน รวมทั้งการให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงที่จดทะเบียนกับ สคบ.ไม่มีการกำหนดเวลา ทำให้การกำกับดูแลเป็นไปได้ยาก ซึ่งต่อไปต้องกำหนดเวลา เช่น 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วต้องมาต่ออายุ เพื่อให้การดูแลผู้ประกอบการขายตรงเข้มงวดมากขึ้น

อ่านต่อที่ : สคบ.เตรียมระดมสมองยกเครื่อง ก.ม.ขายตรงฉบับใหม่

ส่งกฤษฎีกาตีความ กรณีตัดสินคดีดร.แป้ง ภายใน 1- 2 เดือนรู้ผล พฤษภาคม 15, 2009

ส่งกฤษฎีกาตีความ กรณีตัดสินคดีดร.แป้ง ภายใน 1- 2 เดือนรู้ผล

คมชัดลึก :เชียงใหม่ – ผอ.กต.เชียงใหม่ เผยคดี “ดร.แป้ง” ยังไม่ยุติ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ส่งเรื่องต่อให้ คกก.กฤษฎีกาตีความ คาดอีก 1-2 เดือนทราบผล ขณะที่บรรยากาศป้ายแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัครคึก เร่งปิดป้ายทั่วเขตเทศบาล

  นายพงษ์พันธ์ ริ้วทองทวี ผอ.เลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาตัดสิทธิ์การลงรับสมัครเลือกตั้งของ ร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ว่าให้เป็นโมฆะตามคดีแดงหมายเลข 175/2550 และคดีดำหมายเลข 179/2550 เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ล่าสุดวันที่ 7 พฤษภาคม นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ กกต.เชียงใหม่ ทราบว่าขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับทราบ

 ทั้งนี้ ได้มีการส่งต่อเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ตีความแล้ว คาดไม่เกิน 1-2 เดือนจะทราบผลการตีความเพื่อ กกต.เชียงใหม่จะได้ประกาศจัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้หาก ร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่อีกด้านหนึ่งหากมีการตีความว่าสามารถทำหน้าที่รักษาการต่อไปได้ก็ไม่เป็นปัญหา

 อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วมองว่าในเมื่อศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาตัดสิทธิ์แล้วบุคคลผู้นั้นก็ควรต้องยอมรับคำตัดสินและปล่อยให้เกิดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ช่วงระหว่างที่ยังไม่มีการตีความต้องรอต่อไปจนกว่าจะทราบผลที่ชัดเจน

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบริเวณทั่วเขตเทศบาลนครเชียงใหม่มีว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศบาลนครเชียงใหม่หลายรายได้เริ่มติดป้ายหาเสียง ทั้งป้ายผ้า คัตเอาท์ แนะนำตนเอง เช่น ป้ายผ้าแนะนำตัวนางวิภาวัลย์ วรวุฒิพงศ์ นายวัลลภ แซ่เตี๋ยว เป็นต้น

อ่านต่อที่ : ส่งกฤษฎีกาตีความ กรณีตัดสินคดีดร.แป้ง ภายใน 1- 2 เดือนรู้ผล

อาดังรีสอร์ท หลุดข้อหารุกเกาะอาดัง พฤษภาคม 13, 2009

อาดังรีสอร์ท หลุดข้อหารุกเกาะอาดัง

ความคืบหน้ากรณีปัญหา บริษัท อาดังรีสอร์ท จำกัด เข้าไปก่อสร้างรีสอร์ทแห่งใหม่ บนเกาะอาดัง พื้นที่ 5 ไร่ 11 ตารางวา ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความออกมา แล้วมีข้อสรุปว่าถึงจะเป็นที่ราชพัสดุ แต่ก็ต้องขออนุญาตกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ก่อนนั้น

นายณัฐพล รัตนพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะตะรุเตา กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่าหลังจากทางอุทยานฯ ได้ดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรสตูล เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัทอาดังรีสอร์ท ในข้อหาบุกรุกเกาะอาดัง ตาม ม. 18 และ 21 ของ พ.รบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2551 ปรากฏว่าทางตำรวจได้สรุปสำนวนสั่งไม่ฟ้องบริษัทอาดังรีสอร์ทแล้ว โดยให้เหตุผลว่าบริษัทขาดเจตนา เนื่องจากได้รับสัมปทานถูกต้องจากรัฐ  ก็คือ กรมธนารักษ์นั่นเอง โดยตอนนี้ อยู่ระหว่างการส่งสำนวนสอบสวนให้กับทางอัยการจังหวัดพิจารณาอยู่ หากอัยการยืนตามคำสอบสวน ก็เท่ากับไม่ฟ้องเด็ดขาด

\”กรณีที่บริษัทอาดัง ฟ้องศาลปกครองสตูล ให้คุ้มครองชั่วคราวไม่ให้อุทยานฯ ตะรุเตาไปรื้อถอนตาม ม. 22 ของกฎหมายอุทยานฯ ขณะนี้ ศาลปกครองกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งรีสอร์ทจะส่งมอบงานให้กับธนารักษ์ เพื่อทำการเช่าต่อกิจการแล้ว\” นายณัฐพลระบุ

ทางด้านนายธนพล สาระนาค ประธานชมรมเพื่อนมรดกโลก กล่าวว่า ได้ติดตามกรณีปัญหาเอกชนรุกที่บนเกาะอาดังมาอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการเรียกร้องให้เกิดความคืบหน้าในการเคลื่อนไหว จึงพยายามทำตามบทบาทที่ตัวเองทำได้ ซึ่งเมื่อ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยกเลิกสัญญาก่อสร้างอาคารยกกรรมสิทธิ์ให้กระทรวงการคลัง และขอให้ยกเลิกการให้เช่าที่ราชพัสดุแปลงที่ สต. 53 บนเกาะอาดัง เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งกลับมาแล้วว่าส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้กับกรมอุทยานฯ และกรมธนารักษ์จังหวัดสตูลพิจารณาต่อไป ซึ่งเป็นระบบราชการที่มักจะออกมาเป็นลักษณะนี้

อย่างไรก็ตาม จะยังเดินหน้าต่อไปโดยจะฟ้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยขอให้ตรวจสอบอดีตผู้ว่าฯ สตูลในช่วงปี 2550 ที่มีการทำสัญญาระหว่างธนารักษ์กับเอกชนที่เช่าประมูลพื้นที่ดังกล่าว โดยตั้งประเด็นไปที่การทำสัญญาเช่าพื้นที่กับเอกชนที่ละเมิดกฎหมายอุทยานฯ และทำไปโดยมิชอบหรือไม่

อ่านต่อที่ : อาดังรีสอร์ท หลุดข้อหารุกเกาะอาดัง