jump to navigation

09:32 น. ไนเม็กซ์ปิดพุ่ง 60 เซนต์ ที่ 58.62 ดอลลาร์ พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

09:32 น. ไนเม็กซ์ปิดพุ่ง 60 เซนต์ ที่ 58.62 ดอลลาร์

15 พค. 2552 09:32 น.

สัญญาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดตลาดพุ่งขึ้น 60 เซนต์ อยู่ที่ 58.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย. บวก 3.49 เซนต์ อยู่ที่ 1.7237 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ที่ตลาดกรุงลอนดอน ร่วงลง 65 เซนต์ปิดที่ 56.69 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคับคั่ง แม้สำนักงานพลังงานสากล หรือ ไออีเอ คาดการณ์ว่าดีมานด์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะปรับตัวลงเหลือ 83.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 3% จากปีที่แล้ว และต่ำกว่าระดับคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว 230,000 บาร์เรลต่อวัน การคาดการณ์ของไออีเอมีขึ้น หลังจากโอเปคเพิ่งปรับลดคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันปี 2552 ลงเหลือ 84.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่กระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ ร่วงลง 4.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 370.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
อ่านต่อที่ : 09:32 น. ไนเม็กซ์ปิดพุ่ง 60 เซนต์ ที่ 58.62 ดอลลาร์

กฎเหล็กบังคับอาคารใหม่ ลดใช้พลังงาน 10% พฤษภาคม 15, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , , , , ,
add a comment

กฎเหล็กบังคับอาคารใหม่ ลดใช้พลังงาน 10%

น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่ากระทรวงพลังงานจะบังคับใช้กฎกระทรวงพลังงานว่า ด้วยการกำหนดมาตรฐานหลักการและวิธีการออกแบบอาคารอนุรักษ์พลังงาน จะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 22 มิ.ย.2552 โดยกฎกระทรวงฉบับนี้ กำหนดให้ผู้ที่จะก่อสร้างอาคารใหม่หรือต่อเติมอาคารหลังจากวันที่ 22 มิ.ย.2552 ที่มีเนื้อที่ตั้งแต่ 2,000 ตร.ม.ขึ้นไป ต้องออกแบบและใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน 10%

ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการประสานงานกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรมโยธาธิการและผังเมือกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำไปเป็นข้อกำหนดในกระบวนการขออนุญาตก่อสร้างอาคารต่อไป โดยระยะแรกกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เข้ามาเป็นส่วนในกระบวนการตรวจสอบแบบอาคารประหยัดพลังงาน เพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงก่อน จากนั้นจึงจะโอนให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ออกใบอนุญาตต่อไป

สำหรับกฎกระทรวงจะบังคับใช้กับอาคารใหม่เท่านั้น ส่วนอาคารเก่าเป็นเรื่องของความสมัครใจ โดยกระทรวงพลังงานจะสร้างแรงจูงใจ เพื่อให้อาคารเก่าหันมาปรับปรุงให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานด้วย ขณะนี้ได้ทำโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารด้วยการติดฉลาก เพื่อจัดลำดับและมอบฉลากเกียรติคุณให้กับบ้าน หรืออาคารที่ประหยัดพลังงานได้ดีที่สุด

น.พ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า ปี 2552 มีบ้านและอาคารที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ผ่านการประเมินและได้รับการติดฉลาก 18 แบบ คิดเป็นบ้านและอาคารจำนวน 500 หน่วย สามารถประหยัดพลังงานได้ 15-40% หรือปีละ 48 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีบ้านและอาคารเกิดใหม่ 38-39 ล้านตารางเมตรต่อปี หากปริมาณ 30% ของจำนวนนี้เข้าสู่แนวทางของบ้านและอาคารประหยัดพลังงานเพียง 10% จะช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี  เพื่อให้เกิดความการประหยัดพลังงาน กระทรวงพลังงานเตรียมจะออกกฎกระทรวงเพิ่มเติมเร็วนี้ เพื่อกำหนดประสิทธิภาพขึ้นต่ำและขั้นสูงของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น พัดลม เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำร้อน กระจก เพื่อยกระดับอุปกรณ์เหล่านี้ให้เป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง

“ตอนนี้บ้านรายังใช้พลังงานกันฟุ่มเฟือยโดยปี 2550 มีสัดส่วนการใช้พลังงานคิดเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ปี 2551 เพิ่มเป็น 1.7 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% ซึ่งสูงกว่าจีดีพีของประเทศที่เติบโต 4-5% ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหามาตรการลดการใช้พลังงานที่เข้มงวด ทั้งภาคบังคับและการส่งเสริม” น.พ.วรรณรัตน์ กล่าว

นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)  กล่าวว่าฉลากบ้านและอาคารอนุรักษ์พลังงานจะเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงถึงคุณภาพของอาคารและบ้าน จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคยอมรับและตัดสินใจซื้อบ้าน และอาคารได้ง่ายขึ้น โดย พพ.จะติดตามและประเมินผล เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร โดยติดฉลากให้มากขึ้นในปี 2553

อ่านต่อที่ : กฎเหล็กบังคับอาคารใหม่ ลดใช้พลังงาน 10%

ก.พลังงานลั่นไม่ใช้กองทุนน้ำมันฯชดเชยปรับขึ้นภาษี พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ก.พลังงานลั่นไม่ใช้กองทุนน้ำมันฯชดเชยปรับขึ้นภาษี

ก.พลังงานลั่นไม่ใช้กองทุนน้ำมันฯชดเชยปรับขึ้นภาษี

 

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังคณะรัฐมนตรีมีมติปรับขยายเพดานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันจาก 5 บาทต่อลิตร เป็น 10 บาทต่อลิตร ตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 (ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม) ที่มีผลบังคับใช้ กระทรวงการคลังได้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร ตามสัดส่วนของเนื้อน้ำมันกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ยกเว้นไบโอดีเซลและเอทานอล และเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำมัน กระทรวงพลังงานจึงนำกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ โดยมีการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในสัดส่วนที่สมดุลกับการขึ้นภาษีน้ำมัน ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการน้ำมันยังคงราคาเดิม แต่หากมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันก็เป็นการปรับราคาตามกลไกตลาดโลก ไม่เกี่ยวกับการปรับภาษี

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะมีการชดเชยภาษีน้ำมันให้ในระยะสั้นเพียง 1 เดือนเท่านั้น จะไม่ชดเชยในระยะยาว เพราะเป็นการบิดเบือนราคากลไกตลาดโลกและราคาต้นทุนน้ำมันที่แท้จริง ทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ และหลังจาก 1 เดือนที่ชดเชยราคาน้ำมัน ก็จะทยอยปรับขึ้นตามเพดานประมาณ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 60-70 สตางค์ต่อลิตร

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มั่นใจว่า การปรับขึ้นภาษีน้ำมันครั้งนี้ จะไม่กระทบประชาชนมากนัก ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ จะมีเงินเพียงพอในการชดเชยภาษีน้ำมัน ซึ่งขณะนี้มีเงินกองทุนอยู่ 25,000 ล้านบาท เมื่อหักหนี้ค้างชำระประมาณ 10,000 ล้านบาท จะเหลือเงินสุทธิอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โดยจะนำไปชดเชยภาษีน้ำมัน 5,400 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้รายได้กองทุนฯ ลดลงประมาณ 1,700 – 1,800 ล้านบาท

อ่านต่อที่ : ก.พลังงานลั่นไม่ใช้กองทุนน้ำมันฯชดเชยปรับขึ้นภาษี

พลังงานลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันวันนี้ พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ข่าวด่วน.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

พลังงานลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันวันนี้

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้ประกาศลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันมีผลวันนี้เช่นกัน โดยปรับสัดส่วนตามเนื้อน้ำมัน เช่นกรณีน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ที่เก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อลิตร เงินกองทุนน้ำมันจะลดลง 2.20 บาทต่อลิตร เป็นต้น ส่วนการขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์ต่อลิตรในเช้าวันนี้ ถือว่าเป็นไปตามราคาตลาดโลกเท่านั้น ไม่ใช่ผลของการปรับภาษี
         

โดยกระทรวงพลังงานจะดำเนินการใช้เงินกองทุนเข้ามาลดภาระประชาชนในช่วงเปลี่ยนผ่านภาษีเพียง 1 เดือนเท่านั้น จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นเงินกองทุนน้ำมัน และคาดว่าจะทยอยปรับประมาณ 2-3 ครั้ง ใน 1 เดือน โดยอาจจะทยอยขึ้นครั้งละ 60-70 สตางค์ต่อลิตร ในช่วงราคาน้ำมันเป็นขาลง
         

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยอมรับว่า ราคาน้ำมันขณะนี้เป็นช่วงขาขึ้น และหากราคาน้ำมันยังสูงขึ้นต่อไปก็คงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องยืดเวลาการบริหารจัดการนานกว่า 1 เดือนหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยับเพดานการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งมีอัตราสูงสุดที่ 7 บาท  ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันมีเงินสด 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีภาระหนี้ที่ต้องชดเชย จึงเหลือเงินสด 1.5 หมื่นล้านบาท โดยการชดเชยการขึ้นภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร คาดว่าจะต้องใช้เงิน 5,400 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้เงินกองทุนลดลง 1,700-1,800 ล้านบาทต่อเดือน

อ่านต่อที่ : พลังงานลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันวันนี้

ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน หลังขยับภาษีน้ำมัน พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in ทั่วไป.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน หลังขยับภาษีน้ำมัน

ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังได้ประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตตั้งแต่วันนี้(14 พ.ค.) 2 บาทต่อลิตร หลังจากที่ พ.ร.ก.การขยายเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จาก 5 เป็น 10 บาท มีผลบังคับใช้นั้น

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยว่า ทางกระทรวงพลังงานก็ได้ประกาศลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันมีผลในวันเดียวกัน

โดยปรับสัดส่วนตามเนื้อน้ำมัน เช่นกรณีน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ที่เก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อลิตร เงินกองทุนน้ำมันจะลดลง 2.20 บาทต่อลิตร เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ จะดำเนินมาตรการดังกล่าวเพียงระยะสั้น ช่วงเปลี่ยนผ่านภาษีเพียง 1 เดือน เพื่อช่วยลดภาระประชาชนเบื้องต้นเท่านั้น โดยจากนั้นจะทยอยปรับขึ้นเงินกองทุนน้ำมันเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

โดยเฉพาะหากนำเงินกองทุนน้ำมันเข้ามาชดเชยต่อไปเรื่อยๆ อาจทำให้ประชาชนใช้น้ำมันฟุ่มเฟือย และจะมีผลต่อการนำเข้าน้ำมันของไทย นอกจากนี้ เงินกองทุนน้ำมันและภาษีก็เป็นเงินของรัฐ หากบริหารจัดการไม่ดีจนเงินกองทุนติดลบก็คงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยถึงฐานะกองทุนน้ำมันในปัจจุบันด้วยว่า มีเงินสด 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีภาระหนี้ที่ต้องชดเชย เช่น การนำเข้าก๊าซหุงต้ม ชดเชยพลังงานทดแทน รวม 10,000 ล้านบาท จึงเหลือเงินสด 1.5 หมื่นล้านบาท โดยการชดเชยการขึ้นภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร คาดว่าจะต้องใช้เงิน 5,400 ล้านบาท และเมื่อหักจากวงเงินนำเข้าที่คาดว่าจะมี 3,600 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้รายได้เงินกองทุนลดลง 1,700-1,800 ล้านบาทต่อเดือน

อ่านต่อที่ : ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน หลังขยับภาษีน้ำมัน

ก.พลังงาน ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันช่วยลดภาระหลังขยับภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ก.พลังงาน ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันช่วยลดภาระหลังขยับภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร

ก.พลังงาน ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันช่วยลดภาระหลังขยับภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร

กรุงเทพฯ 14 พ.ค. – นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตตั้งแต่วันนี้ 2 บาทต่อลิตร หลังจากที่ พ.ร.ก.การขยายเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จาก 5 เป็น 10 บาท มีผลบังคับใช้ ดังนั้น วันนี้กระทรวงพลังงานจึงประกาศลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันมีผลวันนี้เช่นกัน โดยปรับสัดส่วนตามเนื้อน้ำมัน เช่นกรณีน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ที่เก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อลิตร เงินกองทุนน้ำมันจะลดลง 2.20 บาทต่อลิตร เป็นต้น ส่วนการขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์ต่อลิตรในเช้าวันนี้ ถือว่าเป็นไปตามราคาตลาดโลกเท่านั้น ไม่ใช่ผลของการปรับภาษี

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานจะดำเนินการใช้เงินกองทุนเข้ามาลดภาระประชาชนในช่วงเปลี่ยนผ่านภาษีเพียง 1 เดือนเท่านั้น จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นเงินกองทุนน้ำมัน และคาดว่าจะทยอยปรับประมาณ 2-3 ครั้ง ใน 1 เดือน โดยอาจจะทยอยขึ้นครั้งละ 60-70 สตางค์ต่อลิตร ในช่วงราคาน้ำมันเป็นขาลง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สุดท้ายกระทรวงพลังงานคงต้องปรับขึ้นเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะหากชดเชยต่อไปเรื่อย ๆ อาจทำให้ประชาชนใช้น้ำมันฟุ่มเฟือย ไม่ประหยัด และจะมีผลต่อการนำเข้าน้ำมันของไทย นอกจากนี้ เงินกองทุนน้ำมันและภาษีก็เป็นเงินของรัฐ หากบริหารจัดการไม่ดีจนเงินกองทุนติดลบก็คงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยอมรับว่าราคาน้ำมันเป็นช่วงขาขึ้น และหากราคาน้ำมันยังสูงขึ้นต่อไปก็คงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องยืดเวลาการบริหารจัดการนานกว่า 1 เดือนหรือไม่ และหากราคาน้ำมันยังสูงต่อไปอีกก็ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันในอนาคตหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยับเพดานการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งมีอัตราสูงสุดที่ 7 บาทแต่อย่างใด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันมีเงินสด 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีภาระหนี้ที่ต้องชดเชย เช่น การนำเข้าก๊าซหุงต้ม ชดเชยพลังงานทดแทน รวม 10,000 ล้านบาท จึงเหลือเงินสด 1.5 หมื่นล้านบาท โดยการชดเชยการขึ้นภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร คาดว่าจะต้องใช้เงิน 5,400 ล้านบาท และเมื่อหักจากวงเงินนำเข้าที่คาดว่าจะมี 3,600 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้รายได้เงินกองทุนลดลง 1,700-1,800 ล้านบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการสัมมนาโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร โดยการติดฉลากและมอบฉล
กอาคารอนุรักษ์พลังงาน โดยมีบ้านและอาคารที่ก่อสร้างแล้วเสร็จผ่านการประเมินและได้รับการติดฉลาก 18 แบบ คิดเป็นบ้านและอาคาร 500 หน่วย ประหยัดพลังงานรวมปีละ 16 ล้านหน่วย คิดเป็นเงิน 48 ล้านบาทต่อปี. -สำนักข่าวไทย

อ่านต่อที่ : ก.พลังงาน ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันช่วยลดภาระหลังขยับภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร

ห่วงปรับภาษีน้ำมันขาขึ้นรัฐแบกได้ไม่นาน พฤษภาคม 14, 2009

Posted by 1000thainews in เศรษฐกิจ.
Tags: , , , , , , , , , , ,
add a comment

ห่วงปรับภาษีน้ำมันขาขึ้นรัฐแบกได้ไม่นาน

คมชัดลึก : ห่วงปรับภาษีสรรพสามิตช่วงน้ำมันโลกขาขึ้น กระทบเงินกองทุนฯ แบกภาระได้ไม่นาน เอกชนมองรัฐบาลปรับขึ้นช้าเกินไป พลังงานรับราคาผันผวนต้องเตรียมฐานะกองทุนฯ ให้เหมาะสม

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน แตะระดับ 60.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันยังผันผวนต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเตรียมการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ดังนั้น เมื่อกองทุนฯ เข้าไปอุดหนุนรับภาระแทนประชาชนหลังจากปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันแล้ว ก็ต้องดูจังหวะเวลาน้ำมันขาลงขยับขึ้นเงินกองทุนฯ ในระดับเดิม

 “ยังไม่มีแนวคิดที่จะขยายการเก็บกองทุนฯ เพิ่มจากที่อัตราขณะนี้สูงสุดอยู่ที่ 7 บาทต่อลิตร และไม่คิดเพิ่มจากเกณฑ์ที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน โดยประโยชน์ของกองทุนฯ นั้น จะเห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนช่วยรองรับกรณีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับราคาน้ำมัน” นายพรชัยกล่าว

 นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ราคาน้ำมันในปีนี้ จะอยู่ในระดับ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะเศรษฐกิจปีนี้หดตัวรุนแรงมากที่สุดในรอบ 60 ปี และแม้ว่ารัฐบาลจะลดเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อลดภาระการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่อาจจะปรับขึ้นงวดแรก 2 บาทต่อลิตร แล้วจะปรับขึ้นเงินกองทุนฯ ภายหลังในช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่สุดท้ายเชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันของไทยขยับไปถึง 40 บาทต่อลิตร

 แหล่งข่าวจากผู้ค้าน้ำมันระบุว่า ค่าการตลาดน้ำมันในขณะนี้ลดต่ำลงเหลือไม่ถึง 1 บาทต่อลิตร จากอัตราปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1.50 บาทต่อลิตร โดยกลุ่มดีเซล บี 2 ลดลงเหลือประมาณ 75 สตางค์ บี 5 อยู่ที่ 1.10 บาท ขณะที่แก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 1 บาท และเบนซิน 91 อยู่ที่ 1.60 บาทต่อลิตร ซึ่งการที่ค่าการตลาดสูงกว่าของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ส่วนหนึ่งมาจากราคาเอทานอลที่ซื้อขายจริงอยู่ที่ 22-23 บาทต่อลิตร ยังไม่ได้ปรับลงตามที่กระทรวงพลังงานประกาศสูตรราคาใหม่ที่ประมาณ 18 บาทต่อลิตร

 ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะจะทำให้รัฐมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่มองว่าการปรับขึ้นภาษีของรัฐบาลช้าเกินไป ควรจะปรับขึ้นตั้งแต่เมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีกและฐานะกองทุนฯ มากนัก แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว

อ่านต่อที่ : ห่วงปรับภาษีน้ำมันขาขึ้นรัฐแบกได้ไม่นาน