ดาวรุ่ง “ราหุล คานธี”

ดาวรุ่ง “ราหุล คานธี”

คมชัดลึก : การสืบสายเลือดนักการเมืองชื่อดังเป็นข้อได้เปรียบยามที่ต้องมาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะเท่ากับมีต้นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนรุ่นพ่อรุ่นปู่สั่งสมชื่อเสียงเอาไว้ดี ไม่ได้โกงชาติบ้านเมืองจนคนเขาเมินหน้าหนี

แต่สำหรับ ราหุล คานธี แห่งพรรคคองเกรส ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอินเดียในอนาคตแล้ว การถูกพะยี่ห้อคนในตระกูลคานธีนั้น มีทั้งข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ

 ในการเลือกตั้งมาราธอนนานหนึ่งเดือนที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ ราหุลได้วางตัวเป็น นักการเมืองขวัญใจคนยาก แต่หนุ่มวัย 38 ผู้นี้กลับถูกจับผิดเรื่องวงศ์ตระกูลที่เคยป้อนนายกฯ ให้แก่อินเดียมาแล้วถึง 3 คน โดยบอกว่า การที่ตระกูลคานธียังครอบงำทางการเมืองต่อไปไม่เข้ากับสถานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเกิดใหม่ของประเทศเอาเสียเลย

 ทว่า ราหุลกรีดกลับด้วยมีดโกนอาบน้ำผึ้งว่า “แค่เพียงเพราะว่าผมเป็นผลลัพธ์ของระบบดังกล่าว ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบนั้นได้”

 นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2490 อำนาจในพรรคคองเกรสก็วนเวียนอยู่ในมือของคนตระกูลคานธี เริ่มจาก ยวาหะลาล เนห์รู ปู่ทวดของราหุล ซึ่งเป็นนายกฯ คนแรก ตามด้วย อินทิรา คานธี ย่าของเขา ราจีฟ คานธี พ่อของเขา แล้วตอนนี้ก็อยู่ในมือ ซอนยา คานธี แม่ชาวอิตาลีของราหุล ซึ่งเป็นประธานพรรคและนักการเมืองทรงอิทธิพลที่สุดในอินเดีย ทั้งที่ไม่ได้เป็นนายกฯ แต่อย่างใด

 นั่นเป็นเพราะคนจำนวนมากทนเห็นพรรคคองเกรสปราศจากคนตระกูลคานธีเป็นผู้นำไม่ได้

 ทว่า ราหุล นักการเมืองหัวนอกจบจากเคมบริดจ์ กลับบอกว่า เป็นหน้าที่ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงระบบดังกล่าวด้วยการดึงเอา สามัญชน ที่มีความรู้ความสามารถ และคนหนุ่มสาวให้มาเล่นการเมืองกันมากขึ้น

 อินเดียมีประชากรมากถึง 1,100 ล้านคน แถม 51% ยังมีอายุต่ำกว่า 25 ส่วนอีก 2 ใน 3 นั้นอายุต่ำกว่า 35 เรียกว่าคนหนุ่มสาวเป็นฐานเสียงที่ใหญ่โตมโหฬารจนไม่มีพรรคไหนอาจเมินได้

 แล้วก็คงไม่มีใครเหมาะที่จะดึงดูดคนกลุ่มนี้มากไปกว่านักการเมืองหนุ่มรูปหล่อ ยังโสด แล้วก็หัวสมัยใหม่ที่ชื่อ ราหุล คานธี อีกแล้วนั่นเอง

ทัศนีย์ สาลีโภชน์

อ่านต่อที่ : ดาวรุ่ง “ราหุล คานธี”